นครฉงชิ่งเผยผลการพัฒนาเศรษฐกิจและแผนยุทธศาสตร์ปี ๒๕๖๘ มุ่งเน้นการเติบโตคุณภาพสูงและความร่วมมือระหว่างประเทศ

13 Feb 2025

เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๘ นายหู เหิงฮวา นายกเทศมนตรีนครฉงชิ่ง ได้แถลงผลการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจและสังคมของนครฉงชิ่งในปี ๒๕๖๗ พร้อมทั้งเปิดเผยแผนการพัฒนาในปี ๒๕๖๘ โดยเน้นยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพสูง การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เน้นอุตสาหกรรมใหม่ และการเสริมสร้างความร่วมมือระดับนานาชาติ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นครฉงชิ่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของจีนตะวันตกที่มีบทบาทสำคัญในด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และการค้าระหว่างประเทศ แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจจากปัจจัยภายนอก เช่น การชะลอตัวของตลาดโลกและปัญหาห่วงโซ่อุปทาน แต่รัฐบาลนครฉงชิ่งยังคงสามารถผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด

๑. ผลการดำเนินงานในปี ๒๕๖๗: เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีขยายตัว

รายงานระบุว่า GDP ของนครฉงชิ่งในปี ๒๕๖๗ อยู่ที่ ๓.๒ ล้านล้านหยวน (ประมาณ ๔๔๑.๙๒ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เติบโตร้อยละ ๕.๗ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของจีนที่ร้อยละ ๕.๐ ขณะที่ GDP ต่อหัวทะลุ ๑๐๐,๐๐๐ หยวน (๑๓,๘๑๐ ดอลลาร์สหรัฐ) สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแม้เผชิญกับความผันผวนของตลาดโลก

๑.๑ ภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีเติบโตอย่างก้าวกระโดด

  • อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ขยายตัวร้อยละ ๒๖.๗ นครฉงชิ่งได้พัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด โดยโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทฉางอัน (Changan) และเซเลส (Seres) สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้แบรนด์ Wenjie, Deepal และ Avatr มีศักยภาพในการขยายตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
  • ภาคอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยนครฉงชิ่งได้ลงทุนในโรงงานผลิตชิปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ เช่น An Yifa และ Xinlian Microelectronics ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถของจีนในการแข่งขันกับตลาดโลก

๑.๒ โครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ขยายตัวต่อเนื่อง

  • นครฉงชิ่งมีการขยาย โครงข่ายรถไฟฟ้า โดยเพิ่มระยะทางให้บริการเป็น ๕๗๕ กิโลเมตร และสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า ๖ ล้านคนต่อวัน นอกจากนี้ยังได้เร่งพัฒนาโครงการขยายสนามบินนครฉงชิ่งให้สามารถรองรับผู้โดยสารและสินค้าขนส่งได้เพิ่มขึ้น
  • เมืองยังได้พัฒนา สถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ทั่วทุกเขต ทำให้การใช้พลังงานสะอาดในภาคขนส่งเพิ่มขึ้น

๑.๓ เศรษฐกิจภาคเอกชนและการบริโภคเติบโตต่อเนื่อง

  • ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโตร้อยละ ๓.๖ ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของกำลังซื้อภายในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
  • การลงทุนจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๑ โดยมีการจัดตั้งบริษัทใหม่กว่า ๑๗,๐๐๐ แห่ง ทำให้เศรษฐกิจเมืองมีความคึกคักมากขึ้น

๒. แผนพัฒนาในปี ๒๕๖๘: ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศและส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

นครฉงชิ่งกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๘ โดยให้ความสำคัญกับการขยายความร่วมมือระหว่างประเทศ และการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง พลังงานสะอาด โลจิสติกส์ และเศรษฐกิจดิจิทัล

รัฐบาลนครฉงชิ่งตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันตกของจีน และมุ่งผลักดันให้เมืองเป็น “ศูนย์กลางการเชื่อมโยงระดับโลก” ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และการสร้างระบบอุตสาหกรรมที่มีความเป็นสากล

๒.๑ การเสริมสร้างความร่วมมือกับนครเฉิงตูและขยายบทบาทระดับภูมิภาค

หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของนครฉงชิ่งในปี ๒๕๖๘ คือการผลักดัน “เขตวงกลมเศรษฐกิจนครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง” ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับชาติ โดยรัฐบาลจีนได้กำหนดให้พื้นที่นี้เป็น “ศูนย์กลางการเติบโตแห่งใหม่ของจีนตะวันตก” ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูง และขยายโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมทั้งสองเมือง

  • เมืองมีแผนดำเนินโครงการความร่วมมือกว่า ๓๒๐ โครงการ กับนครเฉิงตู ครอบคลุมด้านคมนาคม การพัฒนาอุตสาหกรรม และการเชื่อมโยงบริการสาธารณะ
  • ฉงชิ่งและเฉิงตูจะเร่งผลักดันให้ ระเบียงเศรษฐกิจแยงซี กลายเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนระดับโลก
  • มีแผนขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาดและอุตสาหกรรมสีเขียวให้ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจทั้งสองเมือง

๒.๒ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเสริมศักยภาพการขนส่งโลจิสติกส์ระดับโลก

เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นครฉงชิ่งมีแผนขยายเส้นทางโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมตลาดสำคัญในเอเชียและยุโรป โดยมีแผนงานดังนี้

  • ขยายเครือข่ายรถไฟจีน-ลาว-ไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงจีนกับอาเซียน โดยคาดว่าเส้นทางนี้จะสามารถลดระยะเวลาการขนส่งสินค้าไทยไปยังจีนให้เหลือเพียง ๒-๓ วัน
  • พัฒนาเครือข่ายการขนส่งทางน้ำและทางอากาศ โดยมีโครงการปรับปรุงท่าเรือแม่น้ำแยงซี และโครงการขยายสนามบินฉงชิ่ง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับสินค้าและผู้โดยสาร
  • สร้างศูนย์โลจิสติกส์ระดับโลก ๕ แห่ง ซึ่งจะเป็นจุดศูนย์กลางของการกระจายสินค้าไปยังยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ ฉงชิ่งยังมีแผนเร่งขยายระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าอัจฉริยะ โดยพัฒนา “ศูนย์ขนส่งสินค้าดิจิทัล” ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลสินค้ากับท่าเรือและสนามบินในระดับอัตโนมัติ

๒.๓ ผลักดันอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและเศรษฐกิจดิจิทัล

นครฉงชิ่งมีเป้าหมายในการพัฒนา อุตสาหกรรมไฮเทคและเศรษฐกิจดิจิทัล โดยให้ความสำคัญกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีข้อมูลขั้นสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของเมืองในระดับโลก

  • สร้างโรงงานอัจฉริยะและ “โรงงานแห่งอนาคต” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน
  • ขยายการลงทุนด้าน AI และบล็อกเชน เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลของเมือง
  • เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีขั้นสูง
  • ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรม โดยมีแผนลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม

๒.๔ เพิ่มบทบาทของนครฉงชิ่งในเวทีนานาชาติและขยายความร่วมมือกับอาเซียน

นครฉงชิ่งยังให้ความสำคัญกับการขยายบทบาทของเมืองในระดับโลก ผ่านการเพิ่มความร่วมมือกับประเทศต่างๆ รวมถึงไทย โดยมีแผนดำเนินงานดังนี้

  • พัฒนาโครงการความร่วมมือจีน-สิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ
  • เร่งเจรจาการค้ากับอาเซียน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปและสินค้าเกษตร
  • ผลักดันให้ไทยและจีนใช้เส้นทางขนส่งใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า

นครฉงชิ่งยังวางแผนจัดงานแสดงสินค้าและมหกรรมระดับนานาชาติ เช่น “China-ASEAN Expo” เพื่อให้ผู้ประกอบการจากอาเซียนได้เข้ามาทำการค้ากับจีนโดยตรง

๒.๕ ยกระดับมาตรฐานชีวิตประชาชนและพัฒนาเมืองอัจฉริยะ

ในปี ๒๕๖๘ นครฉงชิ่งยังมีเป้าหมายยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และการบริหารจัดการเมืองในรูปแบบดิจิทัล

  • พัฒนา “แพลตฟอร์มบริหารเมืองอัจฉริยะ” เพื่อให้บริการภาครัฐและการสาธารณสุขเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ขยายโครงการบ้านพักอาศัยและที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยมีแผนก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่กว่า ๓๐๐,๐๐๐ ยูนิต
  • พัฒนาโครงการสีเขียวและเพิ่มพื้นที่ป่าในเมือง เพื่อลดมลพิษและเพิ่มคุณภาพอากาศ

๓. โอกาสสำหรับไทย: เส้นทางเชื่อมโยงเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ

การพัฒนาเศรษฐกิจของนครฉงชิ่งในปี ๒๕๖๘ เปิดโอกาสสำคัญให้กับไทยในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะด้านโลจิสติกส์ การค้าสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเทคโนโลยี และการขยายตลาดการท่องเที่ยว ด้วยการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งขึ้นผ่านเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย และการขยายความร่วมมือระหว่างไทยและจีน ทำให้ไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการเสริมสร้างบทบาทของตนในเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

๓.๑ การขยายการค้าผ่านเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย

หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของนครฉงชิ่ง คือการผลักดันให้ เส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย เป็นเครือข่ายขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเส้นทางนี้สามารถเชื่อมต่อ ภาคตะวันตกของจีนกับอาเซียน และเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าระหว่างไทยและจีน

  • การส่งออกผลไม้และสินค้าเกษตรไทย
    • ปัจจุบัน ผลไม้จากไทย เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย และมะพร้าวน้ำหอม เป็นที่ต้องการสูงในนครฉงชิ่ง โดยตลาดจีนมีแนวโน้มเพิ่มปริมาณนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยอย่างต่อเนื่อง
    • การใช้เส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย ทำให้การขนส่งผลไม้จากไทยไปยังนครฉงชิ่งรวดเร็วขึ้น โดยสามารถลดระยะเวลาการขนส่งจากเดิม ๗-๑๐ วัน เหลือเพียง ๒-๓ วัน ซึ่งช่วยให้สินค้าเกษตรคงความสดและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
  • การขยายตลาดสินค้าเกษตรแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหารไทย
    • นครฉงชิ่งกำลังขยายตลาดการบริโภคภายในประเทศ ทำให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าอาหารแปรรูป เช่น ข้าวหอมมะลิ อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ได้มากขึ้น
    • ฉงชิ่งมีการจัดงานแสดงสินค้าเกษตรระดับนานาชาติ ซึ่งไทยสามารถเข้าร่วมเพื่อโปรโมตสินค้าและเจรจาการค้ากับนักลงทุนจีน

๓.๒ ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่

  • โอกาสในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วนแบตเตอรี่
    • นครฉงชิ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ของจีน โดยมีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ เช่น Changan, Seres, Wenjie, Deepal และ Avatr
    • ไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการ ดึงดูดการลงทุนจากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนแบตเตอรี่ และ เทคโนโลยีEV ให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย เช่น เขตอีอีซี (EEC)
  • การเชื่อมโยงอุตสาหกรรมซัพพลายเชน EV
    • ปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีเครือข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนที่แข็งแกร่ง ไทยสามารถเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนระดับภูมิภาค โดยร่วมมือกับโรงงานผลิตชิ้นส่วน EV ในนครฉงชิ่ง

๓.๓ การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูง

นครฉงชิ่งมีแผนพัฒนาตนเองให้เป็น “Silicon Valley แห่งจีนตะวันตก” โดยมุ่งเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), บล็อกเชน (Blockchain), เซมิคอนดักเตอร์ และเศรษฐกิจดิจิทัล

  • โอกาสสำหรับสตาร์ทอัพและนักลงทุนไทย
    • ไทยสามารถ ดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีของนครฉงชิ่ง ให้เข้ามาจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในไทย
    • ความร่วมมือในด้าน ฟินเทค (FinTech), อีคอมเมิร์ซ และแพลตฟอร์มดิจิทัล สามารถช่วยให้ธุรกิจไทยเข้าถึงตลาดจีนได้ง่ายขึ้น
  • ความร่วมมือด้าน 5G และสมาร์ทซิตี้
    • นครฉงชิ่งเป็นหนึ่งในเมืองนำร่องของจีนที่ใช้ เทคโนโลยี 5G และสมาร์ทซิตี้ อย่างเต็มรูปแบบ ไทยสามารถศึกษารูปแบบและขยายความร่วมมือในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ

๓.๔ การขยายตลาดการท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีน

  • การโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวไทยในนครฉงชิ่ง
    • นครฉงชิ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางของจีนตะวันตก และเป็นหนึ่งในตลาดนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไทย
    • ไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการโปรโมตแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา และกระบี่ ให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากฉงชิ่ง
  • ส่งเสริมเที่ยวบินตรงและแพ็กเกจท่องเที่ยวพิเศษ
    • ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงจากนครฉงชิ่งไปยังไทยหลายเส้นทาง โดยสามารถเพิ่มเที่ยวบินและจัดทำแพ็กเกจส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน
    • นครฉงชิ่งกำลังส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและวัฒนธรรม ซึ่งไทยสามารถนำเสนอบริการสปา สมุนไพรไทย และการแพทย์แผนไทย ให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

๓.๕ การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ

นครฉงชิ่งมีแผนส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษและนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสให้ไทยสามารถเข้าไปขยายธุรกิจและตั้งโรงงานผลิตในจีน

  • การขยายเครือข่ายธุรกิจไทยในจีน
    • ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการ ตั้งบริษัทในนครฉงชิ่ง เพื่อเจาะตลาดจีนตะวันตก
    • ฉงชิ่งกำลังให้สิทธิพิเศษด้านภาษีและนโยบายสนับสนุนการลงทุน ซึ่งอาจช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถขยายตลาดได้รวดเร็วขึ้น
  • การขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซและการค้าชายแดน
    • ไทยสามารถใช้แพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซของจีน เช่น JD.com, Tmall และ Douyin เพื่อส่งออกสินค้าไทยไปยังนครฉงชิ่ง

การพัฒนาเศรษฐกิจของนครฉงชิ่งในปี ๒๕๖๘ เปิดโอกาสมากมายให้กับไทย ทั้งด้านโลจิสติกส์ การค้าสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม EV และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงการขยายตลาดนักท่องเที่ยวจากจีนมายังไทย สำหรับไทย การพัฒนาเครือข่ายเศรษฐกิจระหว่างไทยและนครฉงชิ่งเป็นโอกาสที่ไม่ควรมองข้าม และควรมีการเร่งผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นในอนาคต

ที่มา: เข้าถึงข้อมูลวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
๑. https://www.cq.gov.cn/ywdt/jrcq/202501/t20250124_14206108.html
ที่มารูปภาพ:
๑. 699pic.com

การพัฒนาเศรษฐกิจแผนยุทธศาสตร์ปี ๒๕๖๘

Chengdu_editor

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน