รู้จัก “ไป่เซ่อ” เมืองชายแดนที่มีศักยภาพด้านการค้าและการลงทุนของกว่างซีกับเวียดนาม
1 Apr 2022เชื่อว่า… หากพูดถึงคำว่า “เมืองไป่เซ่อ” (Baise City/百色市) ของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง หลายท่านคงฟังดูจะเป็นเมืองที่ไกลปืนเที่ยง ที่จริงแล้ว ไป่เซ่อเป็น 1 ใน 3 เมืองเศรษฐกิจชายแดนของกว่างซี
เมืองไป่เซ่อ เป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของกว่างซี เป็นเมืองชายแดนติดจังหวัด Cao bang และจังหวัด Ha giang ของเวียดนาม มีเส้นแนวพรมแดนยาว 359.5 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของด่านสากล 2 แห่ง (ด่านหลงปัง และด่านผิงเมิ่ง) และจุดผ่อนปรนตลาดการค้าสำหรับชาวชายแดนอีก 7 แห่ง เป็นเมืองประวัติศาสตร์การปฏิบัติของอดีตผู้นำอาวุโสเติ้ง เสี่ยวผิง และเป็นฐานการเกษตรที่สำคัญของประเทศจีน
เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลไป่เซ่อได้จัดงานพบปะสื่อมวลชนเพื่อแถลงความคืบหน้าของการพัฒนาเขตทดลองการพัฒนาและเปิดสู่ภายนอกไป่เซ่อ และแผนการปฏิบัติงาน ประจำปี 2565 ของรัฐบาลเมืองไป่เซ่อ ซึ่งเนื้อหาบางส่วนมีความน่าสนใจ บีไอซี จึงขอใช้โอกาสนี้นำผู้อ่านไปรู้จักกับ “เมืองไป่เซ่อ” ผ่านคีย์เวิร์ดสำคัญ ดังนี้
แน่นอนว่า…คีย์เวิร์ดแรกต้องเป็นคำว่า เขตทดลองการพัฒนาและเปิดสู่ภายนอกไป่เซ่อ หากจะให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนแบบบ้านเรานี่เอง กล่าวได้ว่าเขตทดลองการพัฒนาและเปิดสู่ภายนอกไป่เซ่อถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเมืองไป่เซ่อ โดยใช้โอกาสจากศักยภาพของพื้นที่ทำเลที่ตั้งบริเวณชายแดนเป็นจุดแข็งในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และ เป็น ‘เครื่องมือแก้จน’ (การกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น) ที่จะนำพาเมืองไป่เซ่อไปสู่สังคมอยู่ดี กินดี
ด่านทางบกหลงปัง (Longbang border gate/龙邦口岸) เปรียบเสมือนอะไหล่ชิ้นสำคัญของเขตทดลองแห่งนี้ ตั้งอยู่ในอำเภอระดับเมืองจิ้งซี เมืองไป่เซ่อ อยู่ตรงข้ามกับด่านจาลิงห์ (Tra Linh) จังหวัด Cao bangของเวียดนาม เป็นด่านที่มีสถานะเป็น ‘ด่านสากล’ สำหรับการค้ากับประเทศที่สามแล้วในเชิงนโยบาย ส่วนในทางปฏิบัติ ยังคงต้องรอการตรวจรับในเรื่องระบบการบริหารจัดการและสิ่งอำนวยความสะดวกจากส่วนกลางอีกครั้ง (ขณะนี้ ด่านหลงปัง สามารถทำการค้าสากลกับประเทศเวียดนามได้เท่านั้น)
นัยสำคัญต่อประเทศไทย ปัจจุบัน สถานะของ “ด่านหลงปัง” ได้รับการบรรจุอยู่ในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว ในทางปฏิบัติกำลังรอการตรวจรับความพร้อมของด่านจากศุลกากรแห่งชาติจีนอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2565 นี้ เมื่อถึงเวลานั้น “ด่านหลงปัง” จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน
เมื่อพูดถึงการส่งออกสินค้าไทย ก็ต้องพูดถึงเรื่องของขนส่งและโลจิสติกส์ ‘เจาะตลาดจีนตะวันตก’ รัฐบาลไป่เซ่อวางบทบาทของตัวเอง (positioning) เป็น ‘ข้อต่อ’ ในกรอบยุทธศาตร์ระเบียงการค้าเชื่อมทางบกกับทางทะเลสายใหม่ หรือ ILSTC เช่นเดียวกันเมืองชายแดนและเมืองท่าอื่นของกว่างซี โดยเฉพาะการขนส่งทางรถไฟเชื่อมอาเซียนกับมณฑลในภาคตะวันตกของจีน (นครฉงชิ่ง และมณฑลเสฉวน)
บนพื้นฐานเดิมที่เมืองไป่เซ่อมีบริการรถไฟลำเลียงสินค้าเกษตรป้อนตลาดตอนเหนือของประเทศที่มีชื่อว่า “ไป่เซ่อ อีฮ่าว” อยู่แล้ว ที่ผ่านมา เมืองไป่เซ่อได้เร่งผลักดันโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมเมืองไป่เซ่อกับมณฑลกุ้ยโจวที่ยังขาดตอนอยู่ โดยคาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในปี 2565 เช่นกัน รวมถึงเส้นทางรถไฟประชิดด่านชายแดนเวีดนาม โดยภายหลังสร้างเสร็จจะช่วยให้การกระจายสินค้าเจาะตลาดจีนตะวันตกทำได้สะดวกรวดเร็ว
นอกจากการค้าแล้ว เขตทดลองการพัฒนาและเปิดสู่ภายนอกไป่เซ่อมุ่งส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมหลัก 4 สาขา คือ อลูมิเนียมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Ecological Aluminum : GEAL) การแปรรูปไม้ พลังงานทางเลือก และวัสดุสมัยใหม่ โดยเฉพาะอลูมิเนียมที่เป็นทรัพยากรเด่นในพื้นที่จนได้รับการขนานนามว่า ‘เมืองแห่งอลูมิเนียมจีน’ ยังไม่รวมถึงการแปรรูปสินค้านำเข้าผ่านการค้าชายแดน โดยเฉพาะถั่วเปลือกแข็ง (อัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์) และอาหารทะเล และการส่งเสริมให้ธุรกิจชั้นนำ ‘ก้าวออกไป’ พัฒนาความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่อลูมิเนียมและแมงกานีส และพัฒนานิคมอุตสาหกรรมร่วมกันกับอาเซียน
‘อลูมิเนียม’ เป็นโลหะที่มีความสำคัญและถูกนำมาใช้ประโยชน์มากทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน ปัจจุบัน เมืองไป่เซ่อมุ่งเน้นการพัฒนา ‘อุตสาหกรรมอลูมิเนียม’ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (เช่น ล้อแม็กซ์) นอกจากนี้ ยังมีอลูมิเนียมที่แยกด้วยประจุไฟฟ้า อลูมิเนียมรีไซเคิล (secondary aluminum) และเมืองไป่เซ่อได้ก่อสร้าง ‘ศูนย์ซื้อขายและคลังสินค้าในนิคมอุตสาหกรรมอลูมิเนียมจีน(ไป่เซ่อ)-อาเซียน’ เพื่อรองรับธุรกิจอลูมิเนียมที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจรแล้ว
นอกจากนี้ เมืองไป่เซ่อกำลังวางแผนพัฒนาพื้นที่คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพ พื้นที่นำร่องความร่วมมือด้านการแพทย์นานาชาติอาเซียน (ด่านต่างๆ ของเมืองไป่เซ่อเป็นช่องทางการนำเข้าวัตถุดิบยาสมุนไพร) และแพลตฟอร์มการบริการแบบครบวงจรด้านยาสมุนไพรจีนและสุขภาพระดับนานาชาติอีกด้วย
บีไอซี เห็นว่า เมืองไป่เซ่อ เป็นอีกเมืองของกว่างซีที่น่าจะมีศักยภาพในอนาคต ซึ่งภาคธุรกิจไทยสามารถศึกษาโอกาสเข้ามาเพื่อทำการค้าหรือการลงทุน โดยใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบจากทำเลที่ตั้ง ทรัพยากรในท้องถิ่น และโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการรอคอยเมื่อ “ด่านทางบกหลงปัง” สามารถเปิดให้นำเข้าผลไม้ไทยได้จริงในทางปฏิบัติ จะช่วยขยายโอกาสและลู่ทางการค้าระหว่างไทยกับจีน(กว่างซี)ให้เพิ่มมากขึ้น
จัดทำโดย : นางสาวเนตรนภา บุญมา ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนาหนิง
เรียบเรียงโดย : นายกฤษณะ สุกันตพงศ์ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนาหนิง
ที่มา : เว็บไซต์ http://gx.news.cn (广西新闻网) วันที่ 13 มีนาคม 2565
เว็บไซต์ www.gx.chinanews.com.cn (中新社广西) วันที่ 12 มีนาคม 2565