บริษัทยักษ์ใหญ่ในชิงต่าว 3 บริษัท ติดอันดับ 500 บริษัทในเอเชีย
28 Oct 2015เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2558 มีรายงานการจัดอันดับ 500 บริษัทชั้นนำในเอเชียอย่างเป็นทางการว่า ประเทศจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีบริษัทได้รับการเสนอชื่อมากที่สุด ในส่วนของบริษัทจีนที่ติดใน 10 อันดับแรก ประกอบด้วยธนาคาร ICBC บริษัท State Grid Corporation of China (หน่วยงานรับผิดชอบผลิตไฟฟ้าในประเทศจีน) บริษัทประกันชีวิต PLICC และ Huawei โดยอันดับบริษัทชั้นนำ 3 อันดับแรกในปีนี้ ได้แก่ บริษัทซัมซุง (เกาหลีใต้) โซนี่ (ญี่ปุ่น) และธนาคาร ICBC (จีน) ทั้งนี้ บริษัทโตโยต้าของญี่ปุ่นตกมาอยู่อันดับสี่ จากอันดับสามในปีที่แล้ว บริษัทอันดับ 5 ถึง 10 ได้แก่ บริษัท Panasonic, State Grid Corporation of China, LG, People’s Life Insurance Company of China, Hyundai และ Huawei
การจัดอันดับในครั้งนี้จัดขึ้นโดย World Brand Lab และ World Executive Group มีแบรนด์จาก 20 ประเทศที่ได้รับการคัดเลือก มีแบรนด์จากประเทศจีน (รวมไต้หวัน มาเก๊า และเซี่ยงไฮ้) ได้รับเลือกถึง 204 แบรนด์ คิดเป็นร้อยละ 40.80 ถือว่ามากเป็นอันดับหนึ่ง แบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นได้รับเลือก 156 แบรนด์ คิดเป็นร้อยละ 31.2 และแบรนด์จากเกาหลีใต้ได้รับเลือก 48 แบรนด์ เมื่อวิเคราะห์ตามประเภทบริษัท พบว่า อันดับต้น ๆ ของธุรกิจที่ได้รับเลือกคือ ธุรกิจการเงิน สื่อต่าง ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร IT ขายปลีก ยานยนต์ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี (รวม 154 แบรนด์)
ในการจัดอันดับในครั้งนี้มีแบรนด์จากเมืองชิงต่าวติดอันดับถึง 3 แบรนด์ ประกอบด้วย อันดับที่ 30 Haier อันดับที่ 79 เบียร์ชิงต่าว และอันดับที่ 347 บริษัทผลิตยาง Double star การวิเคราะห์พบว่า Double star จัดอยู่ในลำดับแรกของธุรกิจประเภทยางล้อรถรถยนต์ ซึ่งมีความน่าสนใจมาก เพราะบริษัทให้ความใส่ใจต่อการพัฒนาทางเทคโนโลยีของล้อรถยนต์ที่มีความทันสมัยใหม่ ๆ รวมทั้งการมองหาลู่ทางการลงทุนในต่างประเทศด้วย ในขณะที่ Haier เป็นธุรกิจประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันสูง มีลำดับตามหลังซัมซุงและโซนี่ ในขณะที่เบียร์ชิงต่าวถือว่าจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของสินค้าด้านอาหาร
รายงานนี้ยังวิเคราะห์ถึงความนิยมต่อแบรนด์ของชาติตนเอง โดยนาย Stephen Woolgar จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด กล่าวว่า ความนิยมในแบรนด์ของชาวเอเชียยังมีค่อนข้างน้อย จากการศึกษาพบว่า ในเอเชียญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความนิยมในแบรนด์ของตนเองมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 61 รองมาคือประเทศ เกาหลีใต้ร้อยละ 38 และประเทศจีนร้อยละ 36 ซึ่งมีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด
นาย Dinghaisen บรรณาธิการนิตยสาร World Entrepreneur เห็นว่า ความนิยมที่มีต่อแบรนด์จะมากหรือน้อย ขึ้นกับค่านิยม และรายได้ของประชาชน ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผู้คนมีความซื่อสัตย์ในแบรนด์ของตนเองมาโดยตลอด ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดแข็งที่ทำให้คนเชื่อมั่น มีเพียงแค่ร้อยละ 21 ของคนญี่ปุ่นที่เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ของต่างชาติดีกว่าผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่น ในเกาหลีใต้นั้น ความนิยมในแบรนด์เป็นสิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นชาติ และประเทศเกาหลีใต้ยังเข้าใจถึงตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดีอีกด้วย ส่วนประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ซึ่งมีอิทธิพลกับนานาประเทศเป็นอย่างมาก ทำให้คนจีนเองก็มีความภาคภูมิใจในประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ ความเชื่อมั่นในแบรนด์ของคนในประเทศก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน
จัดทำโดย ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ เมืองชิงต่าว