นักธุรกิจใหญ่เผย บรรยากาศการทำธุรกิจในฮ่องกงแย่ลง
17 Jun 2013นาย Peter Woo Kwong-ching ประธานร่วมของบริษัท Wheelock Properties ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของฮ่องกง เปิดเผยว่า สภาพแวดล้อมสำหรับการทำธุรกิจของบริษัทต่าง ๆ ในฮ่องกงกำลังแย่ลง โดยนาย Woo ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท Wheelock Properties ว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจในฮ่องกงแย่ลงกว่าในอดีต โดยมีปัจจัยสำคัญจากมาตรการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เข้มงวดขึ้น ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น และสภาวะทางการเมืองที่ไม่แน่นอน ทั้งนี้ มาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างรุนแรง ได้แก่ มาตรการเรียกเก็บอากรแสตมป์จากผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นชาวต่างชาติ ชาวจีน และวิสาหกิจ[1] มาตรการเรียกเก็บอากรแสตมป์เพิ่มเป็นสองเท่าสำหรับการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท[2] และมาตรการเรียกเก็บอากรแสตมป์สำหรับการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย[3] มาตรการเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการและทำให้แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงไม่แน่นอน ซึ่งนาย Woo คาดการณ์ว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 6-18 เดือนในการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง
นอกจากนี้ นาย Woo ได้กล่าวถึงปัญหาเรื่องต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น โดยต้นทุนการก่อสร้างในปัจจุบันสูงถึง 3,500 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตารางฟุต เปรียบเทียบกับ 2,000 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตารางฟุต เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างในบางพื้นที่สูงเกือบเทียบเท่าราคาอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ดี นาย Vincent Chan ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท Midland Realty เปิดเผยว่า ราคาบ้านในฮ่องกงอาจลดลงร้อยละ 5 ในครึ่งปีหลังของปี 2556 เนื่องจากนโยบายลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลฮ่องกง โดยนาย Chan เห็นว่า เงินทุนมีแนวโน้มที่จะไหลออกจากฮ่องกงเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ มาตรการควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงจะส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลควรเตรียมวางแผนรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
[1] รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศนโยบายเรียกเก็บอากรแสตมป์จากผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ (Buyer’s Stamp Duty) โดยผู้ซื้อที่เป็นชาวต่างชาติ ชาวจีน และวิสาหกิจจะต้องชำระค่าอากรแสตมป์จำนวนร้อยละ 15 ของราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ เพื่อเป็นการควบคุมจำนวนผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านพักที่ไม่ใช่ชาวฮ่องกง โดยนโยบายดังกล่าวได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. 2555 เป็นต้นมา
[2] รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศนโยบายเพิ่มอัตราอากรแสตมป์ (Ad valorem Stamp duty) สำหรับการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทเป็น 2 เท่า โดยการเพิ่มอัตราอากรแสตมป์ดังกล่าวจะไม่บังคับใช้กับผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในฮ่องกงที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นครั้งแรกหรือผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในฮ่องกงที่ขายอสังหาริมทรัพย์เดิมและซื้ออสังหาริมทรัพย์ใหม่ภายใน 6 เดือน ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. 2556 เป็นต้นมา
[3] รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศนโยบายเรียกเก็บอากรแสตมป์สำหรับการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยทันทีหลังการลงนามในสัญญาซื้อขาย เพื่อเป็นการป้องกันการเก็งกำไรของนักลงทุน โดยนโยบายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. 2556 เป็นต้นมา