ธุรกิจอาหารเช้าหนานหนิงรับต้นทุนสูงไม่ไหว ประกาศปรับขึ้นราคาสูงสุด 25%

10 Jun 2013

เว็บไซต์ข่าวกว่างซี : ช่วง 2-3 ปีมานี้ อัตราค่าครองชีพในนครหนานหนิงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุด โครงการ “Sunshine Breakfast” ของเทศบาลนครหนานหนิงได้ประกาศปรับขึ้นราคาสินค้า เหตุเพราะแบกรับต้นทุนประกอบการไม่ไหว

โครงการ “Sunshine Breakfast” (阳光早餐) เป็นความคิดริเริ่มของเทศบาลนครหนานหนิงที่จะปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยให้สิทธิแก่ผู้ประกอบการเข้าร่วมประมูล เพื่อตั้งแผงลอยขายอาหารเช้า อาทิ ซาลาเปา โจ๊ก บะจ่าง ไข่ต้ม ขนมปัง ฯลฯ เริ่มครั้งแรกเมื่อปี 2546 ปัจจุบันมีจุดจำหน่ายรวม 700 จุดทั่วนครหนานหนิง

โครงการดังกล่าว ผู้ประกอบการที่ชนะการประมูลจะเป็นผู้ดำเนินกิจการเอง โดยมีหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ควบคุมตรวจสอบและให้คำชี้แนะ เพื่อสร้างหลักประกันความปลอดภัยด้านอาหารแก่ผู้บริโภค เช่น การใช้วัตถุดิบหรือสารปรุงแต่งอาหารคุณภาพดีตามที่ภาครัฐกำหนด การสุ่มตรวจสินค้าเป็นประจำทุกเดือน การลงบันทึกจัดซื้อวัตถุดิบเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลติดตามตรวจสอบย้อนหลัง เป็นต้น

ตามรายงาน ผู้ประกอบการโครงการฯ ได้ประกาศปรับขึ้นราคาสินค้ารวม 14 รายการ โดยมีการปรับขึ้นเฉลี่ยตั้งแต่ร้อยละ 20-25

เหตุผลสำคัญที่ต้องประกาศปรับขึ้นราคา มีดังนี้

หนึ่ง ต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เช่น ราคาน้ำตาลทรายปรับขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 40 แป้งเค้กปรับขึ้นร้อยละ 20 แป้งขนมปังปรับขึ้นร้อยละ 25 ข้าวโพดปรับขึ้นร้อยละ 30 ต่อกิโลกรัม

สอง ต้นทุนแรงงาน เนื่องจากอัตราค่าแรงขั้นต่ำของนครหนานหนิงมีการปรับเพิ่มสูงขึ้น (ปัจจุบัน อยู่ที่เดือนละ 1,200 หยวน) ส่งผลให้อัตราเงินเดือนพนักงานปรับขึ้นเกือบร้อยละ 20 นับจากต้นปีมานี้

สาม จ้างงานยาก สายการผลิตต้องประสบปัญหาการจ้างงานยาก เนื่องจากผู้สมัครงานไม่สนใจผลตอบแทน  สิ่งแวดล้อมในการทำงาน และระยะเวลาการทำงาน (เช้าถึงดึก และวันหยุดพัก่ผ่อน)

 BIC พบว่า ราคาสินค้าในนครหนานหนิงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าอัตรารายได้ของประชาชน

ยกตัวอย่างเช่น ช่วงเวลา 10 ปีนับจากเริ่มโครงการดังกล่าว (ปี 2546-2555) ราคาซาลาเปา มีการปรับขึ้นสูงถึง 150 เปอร์เซนต์ จากราคาลูกละ 0.6 หยวน เป็นลูกละ 1.5 หยวนในปัจจุบัน

ขณะที่รายได้ที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้ของประชาชนในเขตเมืองมีการเติบโตช้ากว่าที่ 121 เปอร์เซนต์ จาก 8,796 หยวนเป็น 22,564 หยวนในขณะนี้

ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า การประกอบธุรกิจในนครหนานหนิง (จีนแผ่นดินใหญ่) ผู้ประกอบการจะเผชิญกับปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นมากกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าเช่า และค่าสวัสดิการพนักงาน (นายจ้างในนครหนานหนิงต้องจ่ายค่าประกันสังคมให้ลูกจ้างขั้นต่ำร้อยละ 43)

อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองเจริญอื่นๆ เช่น กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และนครกว่างโจวแล้ว ต้นทุนประกอบการในเมืองชั้นรองอย่างนครหนานหนิงยังถือว่าต่ำอยู่ อีกทั้ง แรงแข่งขันทางธุรกิจยังมีไม่สูง และตลาดยังไม่เต็ม จึงถือว่ายังพอมีโอกาสอยู่

แต่ โอกาส มีสำหรับผู้พร้อมเท่านั้น!!!

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน