ต้นทุนธุรกิจ E-Shopping เตรียมพุ่ง ทางการจะเก็บภาษีธุรกิจ 5%

4 Jun 2013

หนังสือพิมพ์ Southland Morning : เจ้าของร้านค้าออนไลน์ต้องสะอึกเมื่อมีข่าวว่า ทางการจีนกำลังจะวางนโยบายจัดเก็บภาษีธุรกิจสำหรับร้านค้าออนไลน์ในอัตราร้อยละ 5 ภายในปีนี้

ธุรกิจร้านค้าปลีกออนไลน์ในจีนทมีการเติบโตอย่างเร็วมากในช่วง 2-3 ปีมานี้ เมื่อปีก่อน (ปี 55) ตลาดออนไลน์มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ประมาณ 1.32 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.7 โดยเว็บไซต์ Taobao.com ยังคงครองแชมป์ต่อเนื่อง

ต้นทุนประกอบการต่ำ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย ไม่ต้องเสียค่าเช่าหน้าร้าน ไม่ต้องเสียภาษี และเป็นงานอิสระ เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาประกอบกิจการเปิดร้านค้าปลีกออนไลน์กันมากขึ้น

หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าทางการจีนวางแผนจะเก็บภาษีธุรกิจร้อยละ 5 สำหรับร้านค้าปลีกออนไลน์ สร้างความกังวลให้กับเจ้าของร้านค้าปลีกออนไลน์อย่างมาก โดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็กที่มีผลกำไรไม่มาก

การเปิดร้านค้าออนไลน์ดูเหมือนจะไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมากนัก ยกตัวอย่างเช่น เว็บ Taobao เปิดร้านค้าออนไลน์ฟรี แต่นั่นเป็นเพียงร้านธรรมดาทั่วไป ซึ่งหน้าเว็บมักจะถูกบีบไปอยู่หน้าท้ายๆ ของการค้นหา

ดังนั้น หากต้องการสร้างฟังก์ชั่นให้หน้าเว็บของตนเองนั่นหมายความถึงค่าใช้จ่ายพ่วงเสริมที่ตามมา เช่น การอัพเกรดร้านค้าให้เป็นร้านค้ายอดนิยมก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 50 หยวน เพื่อให้ร้านค้าไปอยู่หน้าแรกๆ ของการค้นหา

หากจะเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำสำหรับใส่รูปสินค้าก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายปีเท่ากับ 12 หยวนต่อเม็กกะไบต์ (เพิ่มได้สูงสุด 50 เม็กกะไบต์) หรือหากยังไม่พอก็ต้องอัพเกรดร้านค้าซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาอีก

นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายสำหรับการตั้งคำสำคัญ (Key words) เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาเจอหน้าเว็บของเรา (กำหนดได้สูงสุด 200 คำ) การกำหนดราคาของคำสำคัญจะใช้วิธีการประมูล (ต่ำสุด 0.05 หยวนต่อคำ สูงสุดไม่เกิน 100 หยวนต่อคำ)

ตัวอย่างเช่น คำว่า สไตล์เกาหลี ราคาคำสำคัญอยู่ที่ 0.1 หยวน หากมีผู้ใช้คลิ๊กค้นหาคำนี้ 100 ครั้ง เจ้าของร้านค้าออนไลน์ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย 10 หยวน ดังนั้น คำสำคัญยิ่งมาก ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นตามไปด้วย

ถ้าหากต้องการเปิดร้านค้าออนไลน์ในลักษณะร้านค้าจดทะเบียน (B2C) เจ้าของร้านก็ต้องเสียค่าเงินประกันกว่า 1 แสนหยวน แถมยังต้องถูกหักเปอร์เซนต์จากสินค้าที่จำหน่ายได้ (ไม่ต่างจากร้านค้าจริงสักเท่าไหร่)

เจ้าของร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่เห็นว่า หากมีการดำเนินมาตรการดังกล่าวจริงจะส่งผลให้ร้านค้าออนไลน์ขาดแรงแข่งขันเมื่อเทียบกับร้านค้าที่มีหน้าร้านจริง โดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็กที่มีเงินหมุนเวียนไม่มาก และมีผลกำไรไม่สูง อีกทั้งยังจะสร้างปัญหาการว่างงานในสังคมเพิ่มขึ้นด้วย

BIC เห็นว่า ผู้ประกอบการ(ไทย)สามารถใช้ร้านค้าออนไลน์เป็นเครื่องมือเบื้องต้นสำหรับการลองหรือสำรวจความต้องการในตลาดจีน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเข้าจัดตั้งกิจการในจีนแผ่นดินใหญ่ได้ทางหนึ่ง เนื่องจากการลงทุนมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการเข้ามาจัดตั้งสำนักงานตัวแทนหรือบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน