กว่างซีเตรียมก่อตั้ง ‘หอการค้าอินเตอร์’ หนุนวิสาหกิจ ‘ก้าวออกไป’
19 Jan 2017เขตฯ กว่างซีจ้วงเตรียมก่อตั้ง‘หอการค้าระหว่างประเทศ‘ (International Chamber of Commerce) เพื่อทำหน้าที่เป็นเวทีส่งเสริมให้วิสาหกิจเอกชนก้าวออกไปลงทุนในต่างประเทศและการเข้าไปมีส่วนร่วมในยุทธศาสตร์ One Belt One Road
ในการประชุมสมาพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมกว่างซี (Guangxi Federation of Industry of Commerce) สมัยที่ 11 ครั้งที่ 6 ที่นครหนานหนิง นางมั่ว ฉาง อิง (Mo Chang Ying,磨长英) รองประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมืองเขตฯ กว่างซีจ้วงและประธานสมาพันธ์ฯ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
Ø ปัจจุบัน วิสาหกิจเอกชนกว่างซีมีแนวโน้มการก้าวออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
Ø วิสาหกิจเอกชนกว่างซีที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและที่กำลังตรวจอนุมัติการลงทุนในต่างประเทศมีจำนวนมากกว่า 248 ราย
Ø การลงทุนของคู่สัญญาฝ่ายจีนมีมูลค่ามากกว่า 2,275 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Ø สาขาการลงทุนมีความหลากหลาย อาทิ อาหาร เครื่องจักรกล อิเล็กทรอนิกส์ วัสดุก่อสร้าง เคมีภัณฑ์ การผลิตกระดาษ และการแปรรูปสินค้าเกษตร
ลักษณะสำคัญ/จุดเด่นของการก้าวออกไปลงทุนในต่างประเทศของวิสาหกิจเอกชนกว่างซี มีดังนี้
Ø การหลีกเลี่ยงระเบียบข้อกำหนด/ข้อจำกัดในประเทศ โดยการย้ายสายการผลิตไปยังต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทผู้ผลิตรถบรรทุกความเร็วต่ำ Guangxi Qinzhou LiShun Machinery ได้ย้ายสายการผลิตรถบรรทุกความเร็วต่ำ(Low-speed truck)ไปที่ประเทศเวียดนาม หลังจากที่เมื่อปี 2557 รัฐบาลกลางประกาศแจ้งให้ผู้ผลิตเตรียมปรับตัวตามระเบียบการห้ามผลิตและจำหน่ายรถบรรทุกประเภทดังกล่าวที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 ม.ค.2560
Ø การส่งออกสินค้าและแรงงานไปยังต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทผู้ผลิตเหล็ก Guangxi JingDianGang Structure(广西景典钢结构)ออกไปรับเหมาโครงการก่อสร้างในประเทศลาวและอินโดนีเซีย โดยมีการนำแรงงานและผลิตภัณฑ์เหล็กส่งออกไปด้วย
Ø สิทธิประโยชน์น่าดึงดูดและเล็งเห็นโอกาสจากช่องว่างทางธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทผู้ผลิตเครื่องเซรามิก Guangxi ZhongLi Ceramics (广西仲礼瓷业)ลงนามสัญญาการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาเลเซีย(กวนตัน)-จีน โดยวางแผนจะทุ่มลงทุนมูลค่า100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการผลิตเซรามิกที่มีกำลังการผลิตปีละ 2 แสนตัน
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ประโยชน์ที่ท้องถิ่นได้รับจากการเข้ามาลงทุนของวิสาหกิจเอกชนกว่างซี นอกจากการแก้ไขปัญหาการว่างงานในท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ อีกทั้งการเข้าไปลงทุนของวิสาหกิจกว่างซียังมีการนำเทคโนโลยีไปด้วย
ยกตัวอย่างเช่น การเข้าไปลงทุนด้านการเกษตรของบริษัท Guangxi Forward Agriculture Technology International (广西福沃得农业技术国际合作有限公司) ในประเทศกัมพูชา บริษัทดังกล่าวได้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาแมลงศัตรูพืชในต้นส้มให้กับท้องถิ่น และต่อมาได้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการความร่วมมือด้านเทคโนโลยีของศูนย์ส่งเสริมการเกษตรจีน-กัมพูชา ซึ่งเป็นโครงการให้ความช่วยเหลือของจีนต่อกัมพูชา
อย่างไรก็ดี นางมั่ว ฉาง อิง รองประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมืองเขตฯ กว่างซีจ้วงและประธานสมาพันธ์ฯ ชี้ถึงอุปสรรคของการก้าวออกไปของวิสาหกิจเอกชนกว่างซีว่า แรงกดดันจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การจัดหาแหล่งเงินทุน ตลอดจนต้นทุนการประกอบธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้วิสาหกิจเอกชนกว่างซียัง‘ก้าวออกไป‘มีจำนวนไม่มากเท่าที่ควร
ในรายที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศแล้วก็ยังมีสถานะภาพทางเศรษฐกิจไม่แข็งแกร่งมากนัก และสาขาอุตสาหกรรมยังขาดความหลากหลาย นอกจากนี้ ธุรกิจบางรายต้องประสบปัญหา‘การกีดกันเชิงนโยบายรัฐ‘ หรือถูกหลอกลวงจากคู่สัญญา เนื่องจากขาดความพร้อมในแง่ของการป้องกันและประเมินความเสี่ยงด้านนโยบายรัฐในประเทศที่เข้าไปลงทุน
ดังนั้น การก่อตั้ง‘หอการค้าระหว่างประเทศ‘จะเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจเอกชนก้าวออกไปลงทุนในต่างประเทศภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ One Belt One Road โดยภายหลังจากก่อตั้งหอการค้าแล้วจะมีการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม(Industry standards)เพื่อรับมือกับการผูกขาดและแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมในตลาดต่างประเทศ การส่งเสริมให้สถาบันการเงินพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อสนับสนุนการก้าวออกไปของภาคธุรกิจ
บีไอซี เห็นว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นโอกาสที่ดีสำหรับภาคธุรกิจไทยเช่นเดียวกัน เพราะหอการค้าเป็นกลไกความร่วมมือที่มีความน่าเชื่อถือและมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือภาคธุรกิจในการติดต่อจับคู่ธุรกิจระหว่างกัน รวมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนระหว่างสองฝ่าย
บีไอซี ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในจีนแผ่นดินใหญ่มีหน่วยงาน/องค์กรที่มีบทบาทหน้าที่คล้ายคลึงกันในลักษณะดังกล่าวอยู่หลายราย อาทิ China International Chamber of Commerce for the Private Sector หรือ CICCPS(中国民营经济国际合作商会) ซึ่งเป็นหน่วยงานเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ระดับประเทศที่มีหน้าที่เฉพาะด้านการบริการให้ภาคธุรกิจจีนก้าวออกไปต่างประเทศเพื่อการลงทุนขยายความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ดี การที่ประเทศจีนมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล การเจาะลึกรายมณฑลโดยการประสานงานผ่านหน่วยงาน/องค์กรในระดับท้องถิ่นที่มีความน่าเชื่อถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพชัดเจนเช่นเดียวกัน