แนวคิดริเริ่ม One Belt One Road กับโอกาสทางธุรกิจฮ่องกง

30 Mar 2017

One Belt One Road (OBOR) หรือ The Belt and Road Initiative เป็นยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่ที่ริเริ่มขึ้นโดยสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อความเชื่อมโยงทางด้านคมนาคม ด้านโลจิสติกส์ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการสร้างความมั่นคงในเส้นทางการค้าทั้งทางบก และทางทะเลของจีนกับประเทศในเส้นทาง Belt and Road เป็นนโยบายที่รัฐบาลจีนส่งเสริมเพื่อความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศบนเส้นทาง Belt and Road และเป็นกรอบการทำงานที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับพหุภาคีของจีน

ในอีกแง่หนึ่งของ The Belt and Road Initiative คือการจัดตั้งระเบียบปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และการจัดสรรปันส่วนทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยมุ่งเน้นการรวมตัวกันทางด้านการตลาด และความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ เพื่อกระจายผลประโยชน์สู่ส่วนรวมในภูมิภาค

ฮ่องกงซึ่งถือเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของจีน ได้มองบทบาทตนเองในฐานะ “ตัวเชื่อม”(Super-connector) ระหว่างจีนกับเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ในภูมิภาค ฮ่องกงได้กำหนด และดำเนินนโยบายสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจทั้งในระดับภาครัฐ และภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดย Hong Kong General Chamber of Commerce (HKGCC) หรือสภาหอการค้าของฮ่องกงซึ่งเป็นองค์กรทางการค้าที่เก่าแก่ที่สุดในฮ่องกงได้แสดงความคิดเห็นต่อเศรษฐกิจฮ่องกง และแนวคิด Belt and Road ดังนี้

1. ฮ่องกงจะต้องกลับสู่พื้นฐาน (Going Back to Basic)

1.1 เป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฮ่องกงเติบโตขึ้นมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะ เศรษฐกิจการค้า ฮ่องกงต้องพึ่งพาธุรกิจ เพราะธุรกิจนำไปสู่การเก็บและชำระภาษี ธุรกิจเป็นการสร้างงาน และเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนฮ่องกง

1.2 ควรปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเก่า ๆ และลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นให้มากที่สุดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการจัดตั้งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs)

1.3 จะต้องคงไว้ซึ่งความเป็นเมืองที่ให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ สำหรับนักลงทุนจากต่างชาติ เช่น การเก็บภาษีต่ำ หรือ การยกเว้นภาษีบางประเภท

2. การไขว่คว้าโอกาส (Seizing Opportunities)

2.1 การตั้งเงินทุนต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Belt and Road Initiative เช่น การจัดตั้งฮ่องกงเป็นศูนย์กลางของการระดมทุน (Corporate Treasury และ Debt Financing) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank) ซึ่งธนาคารนี้จะช่วยเหลือโครงการต่าง ๆ เกี่ยวกับการสร้างระบบพื้นฐานของการขนส่ง การคมนาคม และระบบสาธารณูปโภค

2.2 การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเมืองฮ่องกงในด้านบริการทางการเงิน (Financial Service) การทำการวิจัยและการพัฒนา (R&D) ทางด้านเทคโนโลยี (Fintech) โดยรัฐบาลได้เริ่มจากการส่งเสริมนวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่อพัฒนาฮ่องกงให้เป็นเมืองอัจฉริยะ “Smart City” หมายถึง เมืองที่มีชีวิตชีวาปราศจากมลพิษต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัย และได้รับคุณภาพในการใช้ชีวิตที่สูง มีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่น้อยที่สุดอย่างมีประสิทธิภาพโดยทำการเชื่อมโยงระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองเข้าด้วยกันแบบบูรณาการผ่านระบบ IT เพื่อให้การบริหารจัดการเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

2.3 ปรับปรุงเมืองฮ่องกงให้มีชีวิตชีวาขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เป็นการปรับปรุงเมืองแบบมีระบบ หรือแบบองค์รวม

2.4 การรวมตัวกันของเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างโอกาสทางการค้า และเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องกง

3. การเพิ่มคุณค่าในทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น ทรัพยากรบุคคล ที่ดินที่มีจำกัด เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในทางการค้า (Securing Resources to Meet the Opportunities)

3.1 การสร้างนโยบายทางด้านการศึกษา การฝึกอบรม และการตรวจคนเข้าเมืองที่เหมาะสม ด้วยความประสานงานของระบบการศึกษา ภาคเอกชน และภาครัฐบาล

3.2 การพัฒนาจัดสรรที่ดินที่มีอย่างจำกัดให้กว้างขึ้น และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด เช่น “Hong Kong 2030+”เป็นโครงการเพื่อพัฒนาพื้นที่ทุ่งนาในเขต Northern New Territories

HKGCC ให้ความเห็นว่าถ้าเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมั่นคง จะเป็นการเพิ่มงานและค่าจ้างแรงงานให้กับคนฮ่องกง จะเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน และความมั่งคั่งในฮ่องกง และจะส่งผลให้คนในประเทศมีความพึงพอใจมากขึ้น ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีโอกาสอย่างมากในด้านธุรกิจเพราะเป็น (Super-Connector) ที่เชื่อมระหว่างจีนและประเทศต่าง ๆ จากทั่วโลก จะเห็นว่าประโยชน์จากข้อได้เปรียบของฮ่องกง Belt and Road Initiative คือฮ่องกงเป็นส่วนต่อประสานระหว่างเทคโนโลยี และการบริการทางการเงิน (Fintech) และเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว (Tourist Destination) ดังนั้นเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบนี้อย่างสมบูรณ์ ควรมีการเพิ่มพื้นที่ของ Free Trade Zone ข้ามพรมแดน มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ การเตรียมพร้อมในความท้าทายต่าง ๆ ในอนาคต ถ้าไม่งั้นฮ่องกงอาจจะเสียโอกาสดี ๆ นี้ไป

ส่วนของภาครัฐ นาย C.Y. Leung ผู้บริหารสูงสุดได้ตั้งเป้าว่าจะขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับฮ่องกงที่จะเกิดจากความร่วมมือระหว่างฮ่องกงกับจีนตามกรอบ Belt and Road ดังนี้

1. การขยายสำนักงาน Belt and Road หลังจากรัฐบาล HKSAR ได้จัดตั้งสำนักงาน Belt and Road ขึ้นที่ฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้รัฐบาลจะเพิ่มตำแหน่งงานที่เหมาะสมทั้งในระดับผู้บริหาร และระดับอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการของสำนักงาน Belt and road

2. เตรียมการจัดการประชุมสุดยอดของ Belt and Road รัฐบาลฮ่องกงจะร่วมกับสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council) จัดการประชุมสุดยอด Belt and Road Summit ในเดือนกันยายนปี 2560 ซึ่งการประชุมจะประกอบด้วยผู้แทนจากภาครัฐบาล ตลอดจนผู้แทนอาวุโสจากสถาบันในต่างประเทศ และผู้บริหารธุรกิจระดับสูงจากประเทศจีน และประเทศต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่บนเส้นทาง Belt and Road กว่า 2400 คน มาร่วมกันหารือเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าให้มากที่สุดจากประโยชน์ของ Initiative

3. การวางกรอบธุรกิจบริการวิชาชีพสาขาต่าง ๆ รัฐบาลจะเร่งพัฒนาเพิ่มศักยภาพบุคลากรสาขาอาชีพต่าง ๆ เพื่อขยายโอกาสในการพัฒนาประเทศ ตามเส้นทาง Belt and Road โดยรัฐบาลได้อนุมัติเงินจำนวน 200 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2559 เพื่อเป็นงบประมาณสำหรับการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาในอาชีพ มีจุดประสงค์เพื่อการแลกเปลี่ยน และการร่วมมือระหว่างฮ่องกง และต่างประเทศ ส่วนบริษัทต่าง ๆ ในท้องถิ่น ก็ได้วางแผนอบรมต่าง ๆ เพื่อประเทศที่อยู่ใน One Belt and One Road ด้วยเช่นกัน เมื่อปี 2559 ได้มีการจัดตั้ง Hong Kong Mass Transit Railway Academy ขึ้นโดยผู้บริหารฝ่ายอาวุโสของ MTR ได้เดินทางไปในประเทศที่ตั้งอยู่บนทาง Belt and Road เพื่อการส่งเสริมบทบาทของฮ่องกง และเพื่อหาโอกาสกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ เช่น ประเทศคาซัคสถาน (Kazakhstan) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมด้านระบบรางรถไฟที่ฮ่องกง

4. การผ่อนปรนระเบียบว่าด้วยการขอรับการตรวจลงตรา รัฐบาลวางแผนผ่อนปรนข้อกำหนด และระเบียบการขอรับการตรวจลงตรา ให้กับประเทศบนเส้นทาง One Belt One Road ที่จะเข้ามาฮ่องกงเพื่อทำงาน เพื่อการศึกษา หรือเพื่อการท่องเที่ยว ข้อตกลงร่วมกันในการยกเว้นวีซ่ากับประเทศต่าง ๆ ซึ่งฮ่องกงได้ทำข้อตกลงสำหรับการยกเว้นวีซ่า (Mutual Visa Exemption) กับหลาย ๆ ประเทศ เช่น ประเทศ Belarus (ประเทศในยุโรปตะวันออก) และยังมีการวางแผนลดหย่อนข้อกำหนดของการขอวีซ่าของประเทศกัมพูชา เป็นต้น

5. การมอบทุนการศึกษา (One Belt One Road Scholarship) รัฐบาลมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาจากประเทศต่าง ๆ ในเส้นทาง One Belt One Road โดยในปี 2560 จะให้ทุนการศึกษากับประเทศอินโดนีเซีย และในปี 2560-2561 ฮ่องกงจะให้ทุนการศึกษากับนักเรียนประเทศมาเลเซีย และ ประเทศไทย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดูได้จากเว็บไซด์ข้างล่างนี้

http://www.studyinhongkong.edu.hk/en/hong-kong-education/scholarships.php

การเรียนรู้และเข้าใจธุรกิจอย่างแท้จริง เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศในเส้นทาง Belt and Road ซึ่งควรได้รับการสนับสนุน เพราะเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชน เช่น การจ่ายภาษีของธุรกิจ การสร้างงาน การเพิ่มมาตรฐานการครองชีพ และการสร้างมิตรภาพในการทำธุรกิจร่วมกันระหว่างประเทศ อีกทั้งรัฐบาลควรส่งเสริมเมืองฮ่องกงให้เป็นจุดศูนย์กลางด้านธุรกิจ และทางด้านกฎหมาย ให้กับบริษัทข้ามชาติที่จัดตั้งบริษัทแม่ในฮ่องกง ซึ่งเป็นผลช่วยเพิ่มงานให้กับคนฮ่องกงอีกด้วย และนั่นคือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาความไม่พอใจของประชาชนได้

จากแนวคิดริเริ่ม Belt and Road ของรัฐบาลจีน ฮ่องกงน่าจะได้รับผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม จากการสนับสนุนของจีน บทบาทที่สร้างสรรค์ของฮ่องกงคือการเป็นตัวเชื่อมระหว่างประเทศจีน กับประทศอื่น ๆ ในเส้นทาง Belt and Road โดยจะสามารถส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ และการร่วมมือระหว่างประชาชนของแต่ละภูมิภาคได้ด้วยเช่นกัน

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน