เมืองเซินเจิ้น อนาคตศูนย์กลางด้านข้อมูลของจีน
9 Aug 2021ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ รัฐบาลจีนหันมาให้ความสำคัญกับข้อมูลมากขึ้นในฐานะ “ปัจจัยการผลิต” ทำให้เมืองเซินเจิ้นซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้งบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และบริษัท big data ของจีนหลายแห่งทำการพัฒนาจนกลายเป็นเมืองศูนย์กลางด้านข้อมูลที่สำคัญของจีน โดยเมืองเซินเจิ้นได้รับการส่งเสริมอย่างเต็มที่จากรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง อีกทั้งเป็นเมืองแรกของจีนที่ออกกฎหมายด้านข้อมูลในระดับท้องถิ่น ทั้งนี้ การมีระบบข้อมูลที่ดีจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลและส่งเสริมการก้าวสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ของเมืองเซินเจิ้น
แผนปฏิรูปการจัดสรรข้อมูลโดยเน้นตลาดของมณฑลกวางตุ้ง
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 64 รัฐบาลมณฑลกวางตุ้งออกแผนปฏิรูปการจัดสรรข้อมูลโดยเน้นตลาด (market-oriented data allocation) ซึ่งถือเป็นแผนด้านการจัดสรรข้อมูลฉบับแรกของจีน ซึ่งแผนดังกล่าวให้ความสำคัญกับแหล่งข้อมูลสาธารณะ การหมุนเวียนและเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูล การส่งเสริมความปลอดภัยในการป้องกันข้อมูล และการส่งเสริมการหมุนเวียนและแบ่งปันข้อมูลภายในพื้นที่เพื่อใช้พัฒนาอุตสาหกรรมและให้บริการสาธารณะ รวมถึงการจัดตั้ง “ศุลกากรข้อมูล (data custom)” ภายในกรอบความร่วมมือมณฑลกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า (Guangdong – Hong Kong – Macau Greater Bay Area: GBA) เพื่อควบคุมการไหลเวียนของข้อมูลข้ามพรมแดน
ทั้งนี้ แผนดังกล่าวได้ให้เมืองเซินเจิ้นเป็นที่ตั้งศูนย์ข้อมูลภายใน GBA เป็นที่ตั้งของตลาดซื้อขายข้อมูล และเป็นหนึ่งในเมืองผู้นำด้าน big data ของมณฑลกวางตุ้ง โดยรัฐบาลมณฑลกวางตุ้งจะส่งเสริมการสาธิตการปฏิรูปการจัดสรรข้อมูลในเมืองเซินเจิ้น สนับสนุนการออกกฎหมายด้านข้อมูลของเมืองเซินเจิ้น ผลักดันโครงการสาธิตสำหรับสิทธิด้านข้อมูล และกำหนดมาตรฐานการเก็บข้อมูล การดำเนินการ การนำข้อมูลไปใช้ และการจัดการด้านคุณภาพของข้อมูล
กฎหมายด้านข้อมูลของเมืองเซินเจิ้น
นอกจากได้รับการกล่าวถึงในแผนการปฎิรูปการจัดสรรข้อมูลแล้ว ไม่นานมานี้ สภาประชาชนเมืองเซินเจิ้นได้ผ่านร่างกฎหมายด้านข้อมูลเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น นับเป็นกฎหมายด้านข้อมูลในระดับท้องถิ่นฉบับแรกของจีน โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค. 65 กฎหมายดังกล่าวมีความสอดคล้องกับกฎหมายความมั่นคงทางข้อมูล (Data Security Law) และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information Protection Law: PIPL) ซึ่งเป็นกฎหมายระดับชาติของจีน นอกจากนี้ กฎหมายดังกล่าวยังครอบคลุมเรื่องตลาดซื้อขายข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ โดยจะเน้นเรื่องการหมุนเวียนของข้อมูล การพัฒนา และการนำข้อมูลไปใช้ ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นอื่น ๆ สามารถนำประสบการณ์การออกกฎหมายด้านข้อมูลของเมืองเซินเจิ้นไปประยุกต์ใช้ได้
ทั้งนี้ กฎหมายด้านข้อมูลของเมืองเซินเจิ้นถือเป็นการรักษาความสมดุลระหว่างการป้องกันความเป็นส่วนตัวและการนำข้อมูลไปใช้ในเชิงธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้บริษัmเทคโนโลยีขนาดใหญ่ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลข้อมูลผู้ใช้งานมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน กฎหมายดังกล่าวอาจเป็นความท้าทายสำหรับโมเดลในการประกอบธุรกิจของผู้พัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล
กฎหมายด้านข้อมูลของเมืองเซินเจิ้นกล่าวถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สิทธิในการปฏิเสธการขอเก็บข้อมูล โดยประชาชนจะต้องได้รับแจ้งและให้ความยินยอมหากผู้ให้บริการต้องการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ และยังสามารถใช้งานแอปพลิเคชันได้โดยไม่จำเป็นต้องยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างครบถ้วน อีกทั้งสามารถคัดลอก แก้ไข หรือลบข้อมูลส่วนบุคคลทางออนไลน์ได้ ผู้ใช้งานที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แอปพลิเคชันต่าง ๆ จะไม่สามารถแสดงโปรไฟล์ผู้ใช้งานกลุ่มดังกล่าวได้ และจะต้องให้บริการโดยมีคำแนะนำการใช้งานเฉพาะเป็นรายบุคคล algorithmic price discrimination หากแพลตฟอร์มตั้งราคาสินค้าและบริการให้กับลูกค้าแต่ละรายแตกต่างกันตามการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้บริการ จะต้องเสียค่าปรับมูลค่าสูงสุด 50 ล้านหยวน (7.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และการใช้ข้อมูลเทคโนโลยีชีวมิติ (biometric technologies) เช่น การจดจำใบหน้า การใช้เสียง และการยืนยันตัวตนโดยใช้ลายนิ้วมือ เป็นต้น โดยประชาชนสามารถอนุญาตให้ใช้ข้อมูลดังกล่าวได้เฉพาะเมื่อไม่สามารถให้ข้อมูลส่วนตัวด้วยวิธีการอื่นได้ เป็นต้น
การแบ่งปันข้อมูลสาธารณะ
ปัจจุบัน ระบบข้อมูลสาธารณะของเมืองเซินเจิ้นยังไม่ได้มาตรฐานและยังประสบปัญหา เช่น มีปริมาณข้อมูลจำกัดและข้อมูลมีคุณภาพไม่ดีนัก มีช่องทางการเข้าถึงข้อมูลไม่มาก และมีผู้ใช้งานน้อย ซึ่งกฎหมายในส่วนของการแบ่งปันข้อมูลสาธารณะจะเน้นระบบการจัดการข้อมูลและการจัดตั้งศูนย์ big data สำหรับเก็บรวบรวมและจัดการข้อมูลสาธารณะเพื่อให้ภาคเอกชนและประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยข้อมูลสาธารณะเป็นข้อมูลที่มาจากทั้งส่วนราชการและหน่วยงานสาธารณะ ครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข การขนส่งสาธารณะ พลังงาน และการประปา เป็นต้น ทั้งนี้ ระบบการจัดการข้อมูลสาธารณะที่ดีจะช่วยให้ทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลสาธารณะได้อย่างเต็มที่ นับเป็นการส่งเสริมการก้าวสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ของเมืองเซินเจิ้น
ตลาดซื้อขายข้อมูล
ในส่วนของของตลาดซื้อขายข้อมูลนั้น กฎหมายดังกล่าวได้กำหนดเค้าโครงของตลาดซื้อขายข้อมูล
โดยให้ประชาชนมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคล ในขณะที่บริษัทที่ดำเนินการด้านข้อมูล (data processors) มีสิทธิในผลิตภัณฑ์และการให้บริการข้อมูลซึ่งต้องเป็นข้อมูลที่ดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย และกล่าวถึงการสร้างกลไกการส่งผ่านข้อมูลระหว่างบริษัท และการส่งเสริมการแข่งขันโดยชอบธรรมของตลาด (fair market competition) นอกจากนี้ ยังครอบคลุมการเร่งขยายช่องทางการซื้อขายข้อมูลเพื่อให้ผู้เล่นในตลาดสามารถซื้อขายข้อมูลได้อย่างเสรีผ่านทางแพลตฟอร์มอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งกฎหมายส่วนนี้มีความสอดคล้องกับกฎหมายการป้องกันการผูกขาดตลาดของจีน
อย่างไรก็ดี ในช่วงก่อนหน้านี้ เมืองอื่น ๆ ของจีนได้จัดตั้งตลาดซื้อขายข้อมูลแต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก เนื่องจากข้อมูลในตลาดที่มีไม่มากพอและมีคุณภาพไม่ดี ทำให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลไม่มาก อีกทั้งการอัปเดตข้อมูลมีความล่าช้า ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดซื้อขายข้อมูลไม่ประสบความสำเร็จคือ การขาดโครงร่างทางกฎหมายด้านการค้าข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากพอ ดังนั้น หากปัญหาด้านกฎหมายข้อมูลไม่ได้รับการแก้ไข การจัดตั้งตลาดซื้อขายข้อมูลอาจกลายเป็นเรื่องยาก
ทั้งนี้ กฎหมายด้านข้อมูลของเมืองเซินเจิ้นมีผลต่อทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสาธารณะในเมืองเซินเจิ้น ดังนั้น ผู้ให้บริการด้านข้อมูลจึงต้องทบทวนและอัปเดตข้อตกลงการให้บริการกับผู้ใช้งาน และบริษัทที่ให้การดูแลข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (sensitive data) หรือข้อมูลของภาครัฐ (state data) จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการจัดเก็บและรักษาความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติที่มีความเกี่ยวข้องกับการส่งผ่านข้อมูลข้ามพรมแดน (เฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่รัฐบาลเห็นว่ามีความสำคัญ) จะต้องได้รับการทดสอบด้านการรักษาความปลอดภัยและผ่านการตรวจสอบก่อนส่งผ่านข้อมูลไปยังต่างประเทศ
อนึ่ง แนวทางการจัดสรรและจัดการด้านข้อมูลเพื่อของเมืองเซินเจิ้นอาจเป็นต้นแบบสำหรับการยกระดับด้านการจัดการข้อมูลของไทยได้ เนื่องจากข้อมูลเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลและการเป็นสมาร์ทซิตี้ รวมทั้งนำไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย
แหล่งที่มาของข้อมูล
http://www.gd.gov.cn/zwgk/wjk/qbwj/yfh/content/post_3342642.html
http://www.szrd.gov.cn/rdlv/cwhgb/index/post_706584.html?mc_cid=fa18b39797&mc_eid=a268621911
https://www.scmp.com/tech/policy/article/3135951/china-tech-policy-shenzhens-new-data-law-another-signal-intent-rein-big
https://www.globaltimes.cn/page/202107/1227923.shtml
http://www.chinadaily.com.cn/a/202107/08/WS60e639c9a310efa1bd66065b.html
https://www.scmp.com/tech/policy/article/3140955/guangdong-plans-build-regional-data-centre-shenzhen-coverage-hong-kong
https://www.reuters.com/world/china/latest-china-regulatory-move-common-data-platform-planned-greater-bay-area-2021-07-12/
https://www.china-briefing.com/news/shenzhen-new-data-regulations-explained-impact-china-personal-data-protection/