หนิงโป: หัวเมือง “ระดับรอง” ศักยภาพ “ระดับโลก” (ตอนจบ)
30 Jul 2021หลังจากที่ได้กล่าวถึงข้อมูลท่าเรือหนิงโป-โจวซานซึ่งมีบทบาทระดับโลกไปแล้วในบทความตอนแรก ในตอนนี้จะกล่าวถึงเขตทดลองการค้าเสรีหนิงโป ซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีน้องใหม่ของมณฑลเจ้อเจียง ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายน 2563 พร้อมกับเขตทดลองการค้าเสรีหางโจวและเขตทดลองการค้าเสรีจินหัว – อี้อู ล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2564 รัฐบาลเมืองหนิงโปได้ประกาศแผนพัฒนาเขตการค้าเสรีฯ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากหลายสาขาธุรกิจทั่วโลก เนื่องจากหนิงโปเป็นเมืองท่าอันดับหนึ่งของมณฑลเจ้อเจียงที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงการค้ากับนานาประเทศ
4 โซนการค้าเสรี.. ชี้จุดแข็งมณฑลเจ้อเจียง
เมื่อ 21 กันยายน 2563 รัฐบาลกลางจีนได้อนุมัติให้มณฑลเจ้อเจียงขยายพื้นที่เขตทดลองการค้าเสรีอีก 3 แห่งเพิ่มเติมจากเดิมในเขตโจวซาน ได้แก่ เขตหนิงโป เขตหางโจว และเขตจินหัว – อี้อู ทำให้ปัจจุบันเจ้อเจียงมีเขตทดลองการค้าเสรีรวม 4 แห่งในมณฑล[1] โดยแต่ละแห่งมีทิศทางการพัฒนาที่แตกต่างตามจุดแข็งของแต่ละพื้นที่ ดังนี้
เขตโจวซาน พัฒนาเป็นแหล่งจัดสรรสินค้าเทกอง (Bulk Stock) และมุ่งพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ของธุรกิจน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ
เขตหนิงโป พัฒนาเป็นศูนย์การเดินเรือสากลที่เชื่อมโยงจีนกับต่างประเทศและเป็นจุดเชื่อมระบบโลจิสติกส์หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางจัดสรรน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ศูนย์กลางนวัตกรรมห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ ศูนย์กลางนวัตกรรมวัสดุใหม่ระดับสากล และเขตสาธิตการพัฒนาภาคการผลิตสมรรถนะสูง
เขตหางโจว พัฒนาเป็นเขตนำร่องการสร้างนวัตกรรม AI ยุคใหม่แนวหน้าระดับประเทศ เขตทดลองพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินระดับชาติ และศูนย์กลางสาธิต Cross Border E-commerce ชั้นนำระดับโลก
เขตจินหัว – อี้อู พัฒนาเป็น “เมืองแห่งสินค้าเบ็ดเตล็ด” ระดับโลก พื้นที่สาธิตนวัตกรรมการผลิต และแพลตฟอร์มเปิดกว้างความร่วมมือตามยุทธศาสตร์ Belt & Road Initiative
จากการกำหนดทิศทางข้างต้นจะเห็นได้ว่า ทั้ง 4 พื้นที่มีความเชื่อมโยงกันแบบบูรณาการ โดยที่เขตทดลองการค้าเสรีหนิงโปจะมีบทบาทเชื่อมโยงทรัพยากรในมณฑลเจ้อเจียงกับต่างประเทศ ซึ่งนอกจากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างให้เจ้อเจียงมีศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ยังตอบโจทย์ยุทธศาสตร์วงจรคู่ (dual circulation) ของรัฐบาลจีนด้วย
โมเดล “1+2”.. ขยายผลเขตทดลองการค้าเสรี
ความพิเศษประกาศหนึ่งของเขตทดลองการค้าเสรีมณฑลเจ้อเจียง คือ โมเดล “เขตทดลองการค้าเสรี + พื้นที่เชื่อมโยงนวัตกรรมและพื้นที่รัศมีขับเคลื่อน” ซึ่งเป็นการปฏิรูปพัฒนาแบบใหม่ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะแต่ภายในเขตทดลองเขตการค้าเสรีเท่านั้น แต่จะช่วยกระตุ้นให้พื้นที่โดยรอบได้เติบโตพัฒนาไปพร้อมกันด้วย เพื่อสร้างเป็นระบบการพัฒนาแบบบูรณาการ โดยในส่วนของการพัฒนาเขตทดลองการค้าเสรีหนิงโปนั้น ได้แบ่งพื้นที่ออกไป 3 ส่วน ได้แก่
(1) เขตทดลองการค้าเสรี (46 ตร.กม.) ประกอบด้วย 3 โซน คือ
– โซนต้าเซี่ย (20.4 ตร.กม.) : เขตศูนย์การเดินเรือสากล เขตห่วงโซ่อุปทานน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ และเขตพัฒนานวัตกรรมวัสดุใหม่
– โซนเหมยซาน (7.8 ตร.กม.) : เขตนวัตกรรมห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ
– โซนคลังสินค้าทัณฑ์บน (17.8 ตร.กม.) : เขตสาธิตการค้าระหว่างประเทศรูปแบบใหม่และการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตสมรรถนะสูง
(2) พื้นที่เชื่อมโยงนวัตกรรม (119.87 ตร.กม.) เป็นพื้นที่ที่จะเชื่อมโยงกับเขตทดลองการค้าเสรีโดยตรงทั้งในด้านจุดแข็งและทรัพยากร โดยจะเป็นพื้นที่แรกที่จะรองรับโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และแพลตฟอร์มบริการสาธารณะ รวมถึงรองรับนโยบายจากเขตทดลองการค้าเสรี ประกอบด้วยพื้นที่แถบท่าเรือ 70.56 ตร.กม. พื้นที่ย่านสนามบิน 8.71 ตร.กม. พื้นที่ย่านแม่น้ำหย่งเจียง 15 ตร.ม. และพื้นที่เขตใหม่เฉียนวาน 25.6 ตร.กม.
(3) พื้นที่รัศมีขับเคลื่อน (ประมาณ 9,650 ตร.กม.) เป็นพื้นที่รองรับการพัฒนาของเขตทดลองการค้าเสรีหนิงโป ซึ่งนับรวมถึงทุกพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองหนิงโป นอกเหนือจากเขตทดลองการค้าเสรีและพื้นที่เชื่อมโยงนวัตกรรมตามที่กล่าวข้างต้น[2]
เป้าหมาย: “1 ศูนย์ + 3 ศูนย์กลาง + 1 เขตสาธิต”
เมื่อ 18 พฤษภาคม 2564 รัฐบาลเมืองหนิงโปแผนพัฒนาเขตการค้าสรีฯ ซึ่งได้กำหนดบทบาทเป็น “1 ศูนย์ + 3 ศูนย์กลาง + 1 เขตสาธิต” ตามที่ได้กล่าวแล้วในข้างต้น โดยตั้งเป้าหมายว่าเมื่อถึงปี 2568 เขตการค้าเสรีฯ จะสามารถสร้างระบบเปิดกว้างสู่สากลและสร้างสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจในระดับแนวหน้าของจีนได้อย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และเมื่อถึงปี 2578 เมืองหนิงโปจะเชื่อมโยงกับต่างประเทศอย่างรอบด้าน มีระบบการเปิดกว้างสู่สากลระดับสูง มีโมเดลบริหารจัดการและสภาพแวดล้อมธุรกิจที่มีคุณภาพสูง บรรลุการเปิดเสรีทั้งการค้าและการลงทุนที่มีมาตรฐานสูง และพัฒนาสู่การเป็นเมืองสมัยใหม่ที่มีการปฏิรูปเปิดกว้างตามอัตลักษณ์ของจีนยุคใหม่
แผนพัฒนาเขตการค้าเสรีฯ ได้ระบุภารกิจหลัก 7 ประการที่จะต้องดำเนินการ ได้แก่
– สร้างระบบเปิดกว้างสู่สากลที่มีความสะดวกและเสรี
– สร้างศูนย์โลจิสติสก์และการเดินเรือระดับสากล
– สร้างศูนย์กลางการจัดสรรทรัพยากรน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติระหว่างประเทศ
– สร้างศูนย์กลางนวัตกรรมห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ
– สร้างศูนย์กลางนวัตกรรมวัสดุใหม่ระดับสากล
– สร้างเขตสาธิตการพัฒนาภาคการผลิตสมรรถนะสูงระดับโลก
– สร้างสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจที่มีมาตรฐานระดับสากล
นอกจากนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นให้บรรลุภารกิจดังกล่าว ภายในแผนพัฒนาเขตการค้าเสรีฯ ยังได้ระบุถึงข้อเสนอมาตรการ 28 ข้อ อาทิ การสร้างระบบบริหารจัดการทางการเงินที่สะดวกต่อการชำระและรับเงินทุน การสร้างระบบบริหารจัดการบุคลากรข้ามพรมแดน การเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของบุคลากร โลจิสติกส์ เงินทุน และข้อมูล การผลักดันการพัฒนาระบบบริการจัดการการเดินเรือ การพัฒนานวัตกรรมการขนส่งทางอากาศ และการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมบริการการเดินเรือ เป็นต้น
เกาะติดสถานการณ์.. โอกาสและความท้าทายที่ไทยเตรียมรับมือ
ภายหลังจากที่ก่อสร้างเขตการค้าเสรีฯ แล้ว รัฐบาลหนิงโปพยายามดึงดูดการลงทุนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อ 19 กรกฎาคม 2564 หนังสือพิมพ์ Zhejiang Daily ได้ระบุว่า ปัจจุบันมีโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่รวม 35 โครงการเข้าลงทุนในเขตการค้าเสรีหนิงโปแล้ว ครอบคลุมสาขาปิโตรเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วงจรรวม (IC) ยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ อุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง เป็นต้น คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 23,578 ล้านหยวน คาดว่าในปีนี้จะมีมูลค่าการผลิตเพิ่มขึ้น 26,152 ล้านหยวน ซึ่งนับเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเขตการค้าเสรีทั้ง 4 พื้นที่ของมณฑลเจ้อเจียง
ทั้งนี้ จากแผนพัฒนาการค้าเสรีหนิงโปจะเห็นได้ว่า มีหลายประเด็นที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ซึ่งมุ่งเน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green (BCG) ของไทย ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาคุณภาพสูงและนโยบาย carbon peak/ carbon neutrality ของจีน จึงเป็นโอกาสที่จะขยายความร่วมมือกันได้ในอนาคต อาทิ
– การดึงดูดเทคโนโลยีการผลิตสมรรถนะสูงจากศูนย์กลางนวัตกรรมวัสดุใหม่และเขตสาธิตการพัฒนาภาคการผลิตสมรรถนะสูงของเขตการค้าเสรีฯ เข้าลงทุนในไทย หรือการสร้างความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับกลุ่มธุรกิจของหนิงโป โดยเฉพาะด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้วยเทคโนโลยี AI และเครือข่าย 5G ซึ่งได้มีการใช้งานจริงแล้วในท่าเรือหนิงโป – โจวซาน และคลังสินค้าในเขตการค้าเสรีฯ
– การสร้างความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเขตการค้าเสรีฯ ตลอดจนการเรียนรู้เทคโนโลยีและวิธีการบริหารจัดการงานควบคุมการปล่อยมลพิษ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ไทยอาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องการส่งออกวงจรรวมสู่จีน โดยที่ผ่านมาวงจรรวม (IC) เป็นสินค้าอันดับ 2 ที่จีนนำเข้าจากไทย[3] หากในอนาคตเขตการค้าเสรีหนิงโปได้ดึงดูดกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวเข้าสู่พื้นที่เพิ่มขึ้น และสามารถผลิตเองได้มากขึ้นแล้ว ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
*****************************
จัดทำโดย นายโอภาส เหลืองดาวเรือง ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้
ข้อมูลอ้างอิง
- www.zj.gov.cn หัวข้อ浙江省人民政府关于印发中国(浙江)自由贸易试验区深化改革开放实施方案的通知 วันที่ 25 ธันวาคม 2563
- ningbo.gov.cn หัวข้อ宁波市人民政府关于印发中国(浙江)自由贸易试验区宁波片区建设方案的通知 วันที่ 18 พฤษภาคม 2563
- https://baijiahao.baidu.com หัวข้อ 浙江自贸区宁波片区建设方案出炉วันที่ 26 พฤษภาคม 2564
- https://baijiahao.baidu.com หัวข้อ浙江自贸试验区宁波片区35个重大产业项目建成投产,“试验田”里, 产业项目加速跑 วันที่ 20 กรกฎาคม 2564
[1] มณฑลเจ้อเจียงจัดตั้งเขตทดลองการค้าเสรีแห่งแรกขึ้นที่เมืองโจวซานเมื่อ 1 เมษายน 2560 ครอบคลุมพื้นที่ 119.95 ตร.กม. และขยายพื้นที่เพิ่มเติมที่เมืองหนิงโป 46 ตร.กม. นครหางโจว 37.51 ตร.กม. และเมืองจินหัว – เมืองอี้อู 35.99 ตร.กม. รวมเป็นพื้นที่เขตทดลองการค้าเสรีมณฑลเจ้อเจียงในปัจจุบันที่ 239.45 ตร.กม.
[2] เมืองหนิงโปแบ่งการปกครองออกเป็น 6 เขตเทศบาล 2 อำเภอ 2 เมืองระดับอำเภอ รวมพื้นที่ 9,816 ตร.กม.
[3] ปี 2563 จีนนำเข้าวงจรรวม (IC) จากไทยกว่า 4,467 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการนำเข้าผ่านมณฑลเจ้อเจียง 178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ