ไห่หนานกับเป้าหมายของการเป็นหนึ่งด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล
7 Jul 2021
มณฑลไห่หนาน หรือที่คนไทยรู้จักกันดีคือ เกาะไหหลำ มณฑลที่รัฐบาลจีนพยายามผลักดันทุกรูปแบบเพื่อให้เป็นเมืองแห่งการค้าเสรีระดับโลกตามแผน 5 ปี ฉบับที่ 14 แต่ไม่ใช่เฉพาะด้านธุรกิจการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวแล้ว ในด้านวิทยาศาสตร์ นอกจากมณฑลไห่หนานยังเป็นที่ตั้งของสถานีอวกาศสำคัญ 1 ใน 4 แห่งของจีน และมีสถาบันวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ใต้ทะเลลึกด้วย ทั้งนี้ก็ด้วยภูมิศาสตร์ของมณฑลซึ่งล้อมรอบด้วยทะเลจีนใต้ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติต่าง ๆ ทำให้เป็นแหล่งศึกษา ค้นคว้าและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลที่สำคัญ โดยวันนี้ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนจะพาทุกท่านไปหาคำตอบว่า อะไรคือเป้าหมายของมณฑลไห่หนานในการเป็นหนึ่งด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล และทำความรู้จักสถาบันวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ใต้ทะเลลึกกัน
ความพร้อมด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ใต้ทะเลลึก
นอกจากมณฑลไห่หนานจะเป็นที่ตั้งของสถานีอวกาศสำคัญ 1 ใน 4แห่งขอลจีน โดยล่าสุดได้เป็นสถานที่ปล่อยยานอวกาศขนสัมภาระและยานห้องทดลอง ซึ่งจีนมีแผนจะสร้างสถานีอวกาศ “เทียนกง” ให้แล้วเสร็จในปี 2565 โดยสถานีอวกาศแห่งนี้ จะมีรูปทรงตัวที มีแกนโมดูลอยู่ตรงกลางและแคปซูลห้องปฏิบัติการอยู่ด้านละข้าง ในการสร้างสถานีอวกาศ จีนส่ง “เทียนเหอ” โมดูลหลักของสถานีเทียนกงขึ้นสู่อวกาศแล้วเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 64 และล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 64 จีนยังปล่อยยานขนส่ง “เทียวโจว 2” ที่ฐานปล่อยานอวกาศเหวินชางในมณฑลไห่หนานทางใต้ของประเทศ การวิจัยและการสำรวจทะเลลึกที่พัฒนาอย่างรวดเร็วของในจีนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งเสริมให้ทะเลจีนใต้ (SCS) เป็นสถานที่สำคัญในการศึกษาใต้ทะเลลึกระหว่างประเทศ ซึ่งมีสถาบันวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ใต้ทะเลลึก (Institute of Deep-sea Science and Engineering : IDSSE) เป็นสถาบันวิจัยภายใต้สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences : CAS) จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2554 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซานย่า และมีนายติง คั่ง (Ding Kang) ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ โดยปัจจุบัน เมืองซานย่ามีโครงการที่สำคัญคือ การพัฒนาเทคโนโลยีใต้ทะเลลึก โดยมณฑลไห่หนานให้ความสำคัญกับโครงการนี้เพราะ ทะเลจีนใต้ประกอบไปด้วยแร่ธาตุจำนวนมาก เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่โลหะ และทรัพยากรน้ำแข็งติดไฟ[1] (Combustible Ice or Flammable Ice)
สถานบัน IDSSE วิจัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับทะเลลึกแห่งแรกของจีน ประกอบด้วยสาขาการวิจัย 3 ด้าน ได้แก่ (1) วิทยาศาสตร์ใต้ทะเลลึก เน้นการวิจัยฟิสิกส์ทางทะเล ธรณีวิทยาทางทะเล เคมีทางทะเลและชีวภาพทางทะเล เช่น การศึกษาสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยา โครงสร้างทางธรณีวิทยา การทับถมของทรัพยากร และลักษณะชีววิทยาเฉพาะใต้ทะเลลึก (2) เทคโนโลยีวิศวกรรมใต้ทะเลลึก เน้นการวิจัยด้านวิศวกรรมเทคโนโลยี อุปกรณ์ตรวจวัด และเซ็นเซอร์ในทะเล เช่น ระบบตรวจจับทรัพยากรทางชีวภาพ การจำลองปฏิบัติการทางฟิสิกส์ เคมีชีวภาพทะเลลึก ระบบเครือข่ายสังเกตการณ์และตำแหน่งทางทะเล เทคโนโลยีเครื่องหมายใต้น้ำ และระบบการสำรวจทรัพยากรทางทะเลสมัยใหม่ และ (3) เครื่องจักรและอุปกรณ์ทางทะเล เน้นการวิจัยด้านอุปกรณ์เกี่ยวกับการสำรวจทางทะเล เช่น เรือสำรวจและวิจัย เรือดำน้ำ เครื่องร่อนสำรวจใต้น้ำ อุปกรณ์สำรวจ บันทึกภาพ และอุปกรณ์สื่อสารใต้ทะเลลึก เป็นต้น
การสนับสนุนจากภาครัฐ
นอกจากนี้ จะมีการสร้างสถาบันที่คล้ายคลึงกันเพื่อจะเป็นแหล่งค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับ การทำเหมืองแร่ใต้ทะเลลึก การสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งให้ความร่วมมือด้านเทคนิคแก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น สถานีพลังงาน “ดีป ซี หมายเลข 1 (Deep Sea No.1)” เป็นสถานีผลิตและกักเก็บน้ำมันแบบลอยตัวกึ่งจมในน้ำลึกขนาด 100,000 เมตริกตัน แห่งแรกของโลกที่จีนพัฒนาขึ้น ปัจจุบันได้ติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเริ่มการผลิตอย่างเป็นทางการในปลายเดือนมิถุนายน 2564 โดยจะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้มากถึง 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ไปยังมณฑลกวางตุง ไห่หนาน และเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน สถานีพลังงานซึ่งพัฒนาและสร้างโดย บริษัทน้ำมันนอกชายฝั่งแห่งชาติจีน (CNOOC) ตั้งอยู่ที่แหล่งก๊าซหลิงสุ่ย 17-2 (Lingshui 17-2) ห่างจากมณฑลไห่หนาน 150 กิโลเมตร เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติน้ำลึกที่บริษัทจีนดำเนินงานด้วยตัวเองทั้งหมดแห่งแรก และมีระดับความลึกเฉลี่ย 1,500 เมตร ทั้งนี้ สถานีพลังงาน Deep Sea No.1 ถูกออกแบบให้มีอายุการใช้งานนาน 150 ปี และสามารถกักเก็บน้ำมันได้สูงสุด 20,000 ลูกบาศก์เมตร

โอกาสการแลกเปลี่ยนทางวิชาการกับไทย
ความร่วมมือด้านทะเลลึกครั้งล่าสุดระหว่างไทยและมณฑลไห่นานคือ เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 56 สถาบันวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ใต้ทะเลลึกได้เชิญนายสุวัฒน์ จุฑาพฤทธิ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาทรัพยากรประมง คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มาฝึกอบรมด้านการวิจัยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางน้ำจากภาคปฏิบัติการสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทางทะเลและชีวสวนศาสตร์ (Marine Mammals and Bioacoustics Research) สถาบัน IDSSE เป็นเวลา 5 เดือน
จากความสำเร็จในการพัฒนาเรือดำน้ำลึกและสถานีพลังงานของจีน แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยีใต้ทะเลลึกของจีนเป็นอย่างดี นับเป็นก้าวที่สำคัญของการวิจัยวิทยาศาสตร์ใต้ทะเลลึก และคาดว่าทางรัฐบาลไห่หนานจะให้การสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยทางไทยเองก็มีส่วนที่ติดกับทะเลคือภาคกลางและภาคใต้ อีกทั้งภาคอุตสาหกรรมยังมีความต้องการใช้แร่ธรรมชาติอยู่ จึงทำให้มีการสำรวจแหล่งแร่เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะในทะเลน้ำลึก ดังนั้น ไทยเราเองก็สามารถเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ ๆ ของจีนและนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ ไม่แน่เราอาจค้นพบทรัพยากรใหม่ใต้ท้องทะเลที่ยังรอการค้นพบอีกก็เป็นได้
—————————
วิภูพัฒน์ ธีร์ธนะกาญจน์ เขียน
วันที่ 07 กรกฎาคม 2564
แหล่งที่มาของข้อมูล
www.xinhuanet.com/english/2021-03/16/c_139814499.htm
www.globaltimes.cn/page/202105/1224831.shtml
www.tass.com/economy/1301767
www.hinews.cn/news/system/2021/06/11/032566846.shtml
www.global.chinadaily.com.cn/a/202106/09/WS60c07ab6a31024ad0bac4a10.html
www.en.hnftp.gov.cn
[1] เป็นชื่อธรณีวิทยาทางทะเลของร่องลึกก้นสมุทรที่ลึกที่สุดในโลก และเป็นจุดที่ต่ำที่สุดของเปลือกโลกเท่าที่ทราบกันในปัจจุบัน ร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนามีตำแหน่งอยู่ที่ก้นมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกเฉียงเหนือ และอยู่ในแนวตะวันออกและแนวใต้ของหมู่เกาะมาเรียนา
[2] คือ สารประกอบของมีเทน ซึ่งถูกเก็บกักเอาไว้ในผลึกน้ำแข็ง หรือรูปของของแข็งเป็นก้อน ๆ สามารถดำรง คงรูป อยู่ภายใต้เงื่อนไขสภาวะที่มีอุณหภูมิต่ำมาก ๆ หรือมีแรงกดดันสูงมาก ๆ เช่น ในพื้นที่ใต้ทะเลลึก หรือบริเวณที่ราบสูงซึ่งมีอากาศหนาวเย็นเป็นพิเศษ จนมีรูปร่างคล้ายผลึกคริสตัลน้ำแข็ง หรือ “เอทานอลแข็ง” ที่สามารถเอามาจุดติดไฟขึ้นมาได้