พัฒนาการอุตสาหกรรมรถยนต์ในมณฑลกวางตุ้ง อนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานสะอาดของจีน ตอนที่ 1
29 Jun 2021ในช่วงที่ผ่านมา มลพิษทางอากาศที่มีสาเหตุมาจากควันจากท่อไอเสียรถยนต์เป็นปัญหาที่จีนให้ความสำคัญและต้องการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้รัฐบาลจีนส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานใหม่[1] (New Energy Vehicle; NEV) ให้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้ ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายต่างต้องหันมาพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่ของตนเองเพื่อไม่ให้ตกรถไฟขบวนดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ของจีนยิ่งคึกคักมากขึ้น เมื่อรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นจีนต่างออกนโยบายมอบเงินสนับสนุนให้แก่ทั้งผู้ผลิต ผู้ซื้อและผู้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะสถานีอัดประจุไฟฟ้าจนทำให้จีนมีสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ (ecosystem) ที่เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
มณฑลกวางตุ้งเป็นหนึ่งในฐานการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปที่สำคัญของจีน โดยในช่วงระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์ในมณฑลกวางตุ้งต่างหันมาผลิตรถยนต์พลังงานใหม่เพื่อให้สอดคล้องต่อแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมของจีนและความต้องการของผู้บริโภค ปัจจุบัน มณฑลกวางตุ้งเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ที่สำคัญของจีนและเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในจีน แต่ผู้อ่านสงสัยหรือไม่ว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้มณฑลกวางตุ้งก้าวสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ และเราเรียนรู้อะไรจากพัฒนาการสำคัญครั้งนี้ได้บ้าง ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทย ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวจะพาทุกท่านไปร่วมหาคำตอบกัน
ภาพรวมอุตสาหกรรม NEV ของมณฑลกวางตุ้ง
ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบว่ามณฑลกวางตุ้งก้าวสู้การเป็นผู้นำรถยนต์พลังงานใหม่ได้อย่างไร เรามาดูกันว่าอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ของมณฑลกวางตุ้งเป็นเช่นไร เมื่อปี 2563 มณฑลกวางตุ้งผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ทั้งหมด 208,700 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 ในจำนวนดังกล่าวได้ส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่ให้กับผู้ซื้อกว่า 166,316 คัน มากที่สุดในจีน ทั้งนี้ เมืองเซินเจิ้นเป็นเมืองที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 12,858 คัน มากที่สุดในจีนคิดเป็นร้อยละ 22.2 ของยอดจำหน่ายทั้งหมดในจีน นอกจากนี้ เมืองเซินเจิ้นยังเป็นเมืองแรกของโลกที่มีรถบัสโดยสารสาธารณะเป็นรถพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด โดยปัจจุบันมีรถบัสสาธารณะให้บริการทั่วเมืองเซินเจิ้นกว่า 16,000 คัน รวมถึงแท็กซี่พลังงานไฟฟ้าอีก 22,000 คัน ในส่วนของนครกว่างโจว เมื่อปี 2563 มียอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานใหม่ 79,800 คัน เพิ่มขึ้น 17.3% และปัจจุบันมีรถบัสสาธารณะพลังงานไฟฟ้าให้บริการกว่า 10,000 คัน คิดเป็นร้อยละ 92 ของรถบัสโดยสารสาธารณะทั้งหมดของนครกว่างโจว
ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน
อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ของมณฑลกวางตุ้งยังมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเดือนเมษายน 2564 มณฑลกวางตุ้งมีสถานีอัดประจุไฟฟ้า 119,000 แห่ง มากที่สุดในจีน โดยนครเซี่ยงไฮ้มีมากเป็นอันดับสอง 86,000 แห่ง กรุงปักกิ่งอันดับสาม 83,000 แห่ง มณฑลเจียงซูอันดับสี่ 77,000 แห่ง และมณฑลเจ้อเจียงอันดับห้า 64,000 แห่ง
ในส่วนของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมแท่นอัดประจุไฟฟ้าซึ่งประกอบด้วย Upstreamที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์รวมถึงแบตเตอรี่ Midstream ซึ่งเป็นผู้ผลิตและติดตั้งแท่นอัดประจุไฟฟ้า และ Downstream ซึ่งเป็นผู้ให้บริการและแก้ไขปัญหา (solution provider) เกี่ยวกับการใช้งาน โดยมณฑลกวางตุ้งเป็นที่ตั้งของบริษัทระดับ Midstream สำคัญจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท BYD บริษัท China Southern Power Grid และบริษัท Shenzhen Car Electric Network นอกจากนี้ ยังมีบริษัทระดับ Downstream สำคัญคือบริษัท Chargerlink
นอกจากนี้ เมื่อพฤศจิกายน 2563 รัฐบาลมณฑลกวางตุ้งประกาศแผนส่งเสริมการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ โดยได้จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการดังกล่าวกว่า 660,000 ล้านหยวน (95,657 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งแผนดังกล่าวประกอบด้วยโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าเพิ่ม 180,000 แห่ง โครงการติดตั้งสถานีพลังงานไฮโดรเจน 200 แห่ง และโครงการติดตั้งสถานีฐานสัญญาณ 5G จำนวน 220,000 แห่งภายในปี 2565
NEV มณฑลกวางตุ้ง ผู้นำตลาดจีน
อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ของมณฑลกวางตุ้งได้รับการสนับสนุนภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของมณฑลกวางตุ้ง โดยมีผู้ผลิตรถยนต์จากนครกว่างโจวและเมืองเซินเจิ้นเป็นหัวหอกของอุตสาหกรรมซึ่งปัจจุบัน มีผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ บริษัท BYD บริษัท GAC และบริษัท XPeng ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ น้องใหม่ที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองในฐานะผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่อัจฉริยะของมณฑลกวางตุ้ง
บริษัท BYD ก่อตั้งเมื่อปี 2538 เป็นหนึ่งในบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของจีนและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเซินเจิ้น ซึ่งแต่เดิมดำเนินธุรกิจผลิตแบตเตอรี่โดยผลิตแบตเตอรี่ให้กับโทรศัพท์มือถือ เช่น Motorola และ Nokia ต่อมา เมื่อปี 2546 ผันตัวมาผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปครั้งแรก และเมื่อปี 2551 บริษัท BYD เริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่นาย Warren Buffett[2] เข้ามาซื้อหุ้นของ BYD และก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของจีนภายในระยะเวลาไม่นาน ปัจจุบัน บริษัท BYD ผลิตรถยนต์ส่วนบุคคล รถบัสและรถไฟรางเบา นอกจากนี้ เมื่อปี 2563 มียอดจำหน่ายรถยนต์ 426,972 คัน ในจำนวนนี้เป็นการจำหน่ายรถยนต์พลังงานใหม่ 189,689 คัน ล่าสุด เมื่อช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2564 บริษัท BYD จำหน่ายรถยนต์พลังงานใหม่ได้ 80,413 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 128.53
บริษัท GAC ก่อตั้งเมื่อปี 2540 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครกว่างโจว เมื่อปี 2548 บริษัท GAC ร่วมกับบริษัทผลิตรถยนต์หลายราย[3] เพื่อก่อตั้ง “กลุ่มบริษัท GAC” รับผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปให้กับบริษัทรถยนต์จากต่างประเทศ ได้แก่ Honda Hino Fiat Chrysler และ Mitsubishi ต่อมาเมื่อปี 2553 เริ่มผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปของตนเองภายใต้แบรนด์ Trumpchi และเมื่อปี 2560 บริษัท GAC จัดตั้งบริษัทย่อย GAC New Energy เพื่อผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ของตนเองครั้งแรกภายใต้แบรนด์ Aion โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัท GAC ยังมีความพยายามที่จะมีความร่วมมือกับบริษัทรถยนต์อัจฉริยะอื่น ๆ อีกด้วย เช่น บริษัท NIO บริษัท DiDi โดยมีจุดประสงค์ที่จะผลิตรถยนต์พลังงานใหม่อัจฉริยะในอนาคต ทั้งนี้ เมื่อปี 2563 บริษัท GAC จำหน่ายรถยนต์ 2,043,756 คัน ลดลง -0.89 ในจำนวนดังกล่าวเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ 60,033 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.9 นอกจากนี้ เมื่อไตรมาสแรกของปี 2564 บริษัท GAC จำหน่ายรถยนต์ได้ 496,560 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 62.2 ในจำนวนดังกล่าวเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ 17,649 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 120.9
บริษัท XPeng ก่อตั้งเมื่อปี 2558 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครกว่างโจว บริษัท XPeng เป็นบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart EV) ที่มีจุดเด่นในการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้เป็นเทคโนโลนีหลักในการขับเคลื่อนผ่านซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเอง ปัจจุบัน รถยนต์พลังงานใหม่อัจฉริยะของบริษัท Xpeng สามารถขับเคลื่อนได้ไกล 706 กิโลเมตรต่อการอัดประจุไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง ซึ่งเป็นระยะขับเคลื่อนของระยนต์ไฟฟ้าที่ไกลที่สุดในโลก นอกจากนี้ บริษัท Xpeng ยังผลิตแท่นอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์สำหรับครัวเรือน (Home Charging Pile) และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Supercharging Stations) โดยร่วมกับบริษัทที่ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอื่นในจีนขยายเครือข่ายการให้บริการ 200,000 แห่งทั่วจีน ล่าสุด บริษัท XPeng อยู่ระหว่างการพัฒนารถต้นแบบรถยนต์บินได้ต้นแบบ (Flying car prototype) รุ่น Kiwigogo นอกจากนี้ เมื่อปี 2563 บริษัท XPeng จำหน่ายรถยนต์ได้ 27,041 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 112 นอกจากนี้ เมื่อไตรมาสแรกของปี 2564 บริษัท XPeng จำหน่ายรถยนต์ได้ 13,340 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 487.4
มณฑลกวางตุ้งนับเป็นหนึ่งในศูนย์กลางรถยนต์ของจีนที่ได้ก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์พลังงานใหม่ที่เพียบพร้อม กอปรกับผู้ผลิตรถยนต์เจ้าเก่าที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและผู้เล่นรายใหม่ที่นำเทคโนโลยีมาเป็นจุดแข็ง ปัจจัยดังกล่าวล้วนแล้วแต่ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ของมณฑลกวางตุ้งรุดหน้าไปอย่างที่ไม่มีใครฉุดรั้งไว้ได้ ในตอนต่อไป ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนจะพาไปดูกันว่า ผู้ผลิตรถยนต์ของมณฑลกวางตุ้งมีความสามารถด้านการแข่งขันอย่างไร และมีส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในจีนมาแค่ไหน โปรดติดตามตอนต่อไป
[1] รถยนต์พลังงานใหม่ ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle, HEV) รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicle, PHEV) รถยนต์ไฟฟ้าเซลเชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle, FCEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV)
[2] นายวอร์เร็น บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) เป็นนักธุรกิจและนักลงทุนชาวอเมริกันที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
[3] Junda Automobile Group, Yangcheng Automobiles Co., Ltd., Guangzhou Bus Group, and Anxun Investment Co., Ltd