มณฑลกวางตุ้งกับตลาดคาร์บอนเครดิตที่ใหญ่ที่สุดในจีน
14 Jun 2021ปัจจุบันจีนได้รับแรงกดดันจากประชาคมโลกในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ มากที่สุดในโลก อย่างไรก็ดี จีนตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ สู่ชั้นบรรยากาศให้เท่ากับศูนย์ก่อนปี 2613 ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้จีนพยายามควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ โดยการจัดตั้งตลาดคาร์บอนเครดิตระดับประเทศขึ้น และโครงการเหรียญคาร์บอนของนครกว่างโจว ซึ่งตลาดคาร์บอนและเหรียญคาร์บอนจะมีบทบาทสำคัญต่อจีนอย่างไร วันนี้ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนจะพาทุกท่านไปหาคำตอบกัน
รู้จักกับตลาดคาร์บอนปัจจุบันจีนได้รับแรงกดดันจากประชาคมโลกในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนอ มากที่สุดในโลก อย่างไรก็ดี จีนตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ สู่ชั้นบรรยากาศให้เท่ากับศูนย์ก่อนปี 2613 ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้จีนพยายามควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ โดยการจัดตั้งตลาดคาร์บอนเครดิตระดับประเทศขึ้น และโครงการเหรียญคาร์บอนของนครกว่างโจว ซึ่งตลาดคาร์บอนและเหรียญคาร์บอนจะมีบทบาทสำคัญต่อจีนอย่างไร วันนี้ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนจะพาทุกท่านไปหาคำตอบกัน
การซื้อขายแลกเปลี่ยนก๊าซเรือนกระจก (Emissions trading หรือ cap and trade) เป็นเครื่องมือทางการเงินอีกอย่างหนึ่ง ที่สร้างแรงจูงใจให้องค์กรและบริษัทหันมาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อน ก๊าซเรือนกระจกที่เราคุ้นเคยและรู้จักดี เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และ ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N20) เป็นต้น ซึ่งถูกปล่อยออกมาจากกิจกรรมของมนุษย์เป็นหลัก ทั้งจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล ถ่านหิน น้ำมัน เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า ซึ่งทั่วโลกได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา เช่น การอออกกฎหมายส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจก จัดเก็บภาษีคาร์บอน และการตั้งตลาดคาร์บอน (Carbon market) เพื่อซื้อขายคาร์บอนเครดิต[1]
ตลาดคาร์บอนเครดิต จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดคาร์บอนซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gas) สู่ชั้นบรรยากาศ โดยการนำโควต้าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์หรือที่เรียกว่าคาร์บอนเครดิตมาซื้อขายแลกเปลี่ยน ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ ตลาดคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory carbon market) โดยมีหน่วยงานรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานของปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ของภาคอุตสาหกรรม สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งหากโรงงานหรือบริษัทต้องการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ สู่ชั้นบรรยากาศเกินกว่าปริมาณที่กำหนด โรงงานหรือบริษัทนั้น ๆ จะต้องซื้อคาร์บอนเครดิตจากโรงงานหรือบริษัทอื่น ที่มีปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ สู่ชั้นบรรยากาศไม่ถึงปริมาณที่กำหนด และตลาดคาร์บอนสมัครใจ (Voluntary carbon market) ตลาดคาร์บอนที่สร้างขึ้นโดยไม่มีกฎหมายบังคับ การจัดตั้งตลาดเกิดจากความร่วมมือกันของภาคเอกชนเพื่อช่วยลดปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยสมัครใจ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมซื้อขายในตลาดอาจจะมีการตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ของตนเอง ไม่มีการกำหนดระยะเวลา และไม่มีการขอใบรับรองหรือไม่ได้ลงทะเบียนกับภาครัฐ
การซื้อขายคาร์บอนไดออกไซด์ของจีน
ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ มากที่สุดในโลก และเมืองใหญ่ ๆ หลายแห่งมีมลพิษทางอากาศที่รุนแรงโดยรัฐบาลกล่าวว่า จะปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ สู่ชั้นบรรยากาศสูงสุดในปี 2573 ก่อนจะค่อย ๆ ลดลงมาสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอน[2] (Carbon neutral) ภายในปี 2613 นั่นหมายความว่าการใช้ก๊าซคาร์บอนฯ จากถ่านหินและรถยนต์จะเท่ากับศูนย์ โดยนอกจากนโยบายให้เงินสนับสนุนด้านพลังงานสะอาด ทั้งภาคอุตสาหกรรมพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ไฟฟ้าพลังน้ำ และยานยนต์พลังงานใหม่ ๆ ยังใช้วิธีชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ที่เกิดขึ้นด้วยตลาดซื้อขายคาร์บอนภายในองค์กรหรือประเทศ
มณฑลกวางตุ้งตลาดคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดในจีน
เมื่อปี 2554 คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนได้อนุมัติให้ กรุงปักกิ่ง นครเทียนจิน นครเซี่ยงไฮ้ นครฉงชิ่ง มณฑลหูเป่ย มณฑลกวางตุ้ง และเมืองเซินเจิ้นเป็นกลุ่มเมืองที่เริ่มทดสอบโครงการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2556 เมืองเซินเจิ้นเป็นเมืองแรกของจีนที่เริ่มมีการซื้อขายคาร์บอนฯ และเมื่อเดือนธันวาคม 2556 มณฑลกวางตุ้งเปิด “ตลาดคาร์บอนมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong Carbon Market)” ที่นครกว่างโจว ซึ่งในปัจจุบัน ตลาดคาร์บอนกวางตุ้งเป็นตลาดคาร์บอนเครดิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
เมื่อปี 2562 มณฑลกวางตุ้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้มากถึง 12.3% เมื่อเทียบกับปี 2556 โดย นาย Zhang Chen รองผู้อำนวยฝ่ายตลาดแลกเปลี่ยนคาร์บอนมณฑลกวางตุ้ง กล่าวว่า “การซื้อขายคาร์บอนเครดิตช่วยให้มณฑลกวางตุ้งเลิกใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ล้าหลังและสามารถบรรลุเป้าหมายของมณฑลกวางตุ้งในการลดการปล่อยมลพิษทางอากาศให้ลดลง” อนึ่ง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ของการระบาดของ COVID-19 การซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างปกติ
นอกจากนี้ มณฑลกวางตุ้งยังเป็นพื้นที่นำร่องโครงการชดเชยคาร์บอน (Carbon sink)[3] โดยอนุญาตให้องค์กรหรือบริษัทที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเกินกำหนด สามารถเข้าไปลงทุนเพื่อพัฒนาพื้นที่ป่า พื้นที่ชุ่มน้ำหรืออ่างเก็บน้ำเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนผ่านตลาดคาร์บอนของมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งโครงการเหล่านี้จะขยายไปยังพื้นที่อื่นของจีนในอนาคต
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2562 นครกวางโจวเปิด PHCER (碳普惠兑换平台) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์บนแอปฯ Wechat โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นสื่อกลางในการส่งเสริมพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ในชีวิตประจำวันเป็นแห่งแรกของจีน โดยประชาชนสามารถรับ เหรียญคาร์บอน ได้จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ การปั่นจักรยานแทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล การประหยัดน้ำและไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวจะบันทึกกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน และคำนวณเป็นเหรียญคาร์บอน โดยเหรียญคาร์บอนดังกล่าวสามารถแลกเหรียญเป็นสินค้ากว่า 70 รายการ รวมถึงบัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว หรือเป็นส่วนลดสำหรับการสำรองห้องพักหรือบัตรโดยสาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการทดลองใช้งาน โดยคาดว่าจะขยายการใช้งานแพลตฟอร์มดังกล่าวให้ครอบคลุมทั่วจีนต่อไปในอนาคต อนึ่ง จีนมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน หากประชาชนสามารถลดกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้ ก็จะกลายเป็นพลวัตรที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ของจีน ซึ่งเหรียญคาร์บอนจึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของจีนที่ต้องการกระตุ้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ของจีนมากขึ้น
พัฒนาการที่ไทยสามารถเรียนรู้ได้จากจีน
หากองค์กรและโรงงานอุตสาหกรรมของจีนสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คาดว่าจะสามารถช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของอุณหูมิโลกได้มากถึง 2.4-2.5 องศาเซลเซียส และเมื่อจีนนำพลังงานไฟฟ้าที่เป็นพลังงานสะอาดมาให้ประชาชนใช้มากขึ้น รวมถึงประชาชนร่วมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ผ่านโครงการเหรียญคาร์บอนจะทำให้จีนเข้าสู่ประเทศที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เท่ากับศูนย์ดังที่คาดการณ์ไว้ อนึ่ง ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เข้าร่วมการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกแบบสมัครใจ ผ่านโครงการการพัฒนากลไกที่สะอาด และได้มีการพัฒนาการลดก๊าซเรือนกระจก (Certified Emission Reductions) ที่สามารถใช้ในการค้าขายในตลาดคาร์บอน เนื่องจากเชื่อกันว่าในอนาคตตลาดคาร์บอนจะมีการขยายใหญ่ขึ้นโดยเฉพาะตลาดคาร์บอนแบบสมัครใจ และคาร์บอนเครดิตจะเปรียบเสมือนสินค้าส่งออกที่สามารถสร้างรายได้ให้กับไทยในอนาคต และการกระตุ้นประชาชนไทยให้ช่วยลดการใช้คาร์บอนฯ ผ่านทางโครงการเหรียญคาร์บอน จะสามารถทำไทยบรรลุเป้าหมาย BCG ได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น
วิภูพัฒน์ ธีร์ธนะกาญจน์ เขียน
วันที่ 14 มิถุนายน 2564
แหล่งที่มาของข้อมูล
https://www.ec.europa.eu/clima/policies/ets_en
https://www.investopedia.com/terms/c/carbon_credit.asp
https://www.corporatefinanceinstitute.com/resources/knowledge/other/carbon-credit/
https://www.bbc.com/news/science-environment-34356604
https://www.investopedia.com/terms/c/carbontrade.asp
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/915259
https://www.europarl.europa.eu/news/en/headlines/society/20190926STO62270/what-is-carbon-neutrality-and-how-can-it-be-achieved-by-2050
https://www.argusmedia.com/en/news/2206599-chinas-new-guangzhou-exchange-eyes-carbon-futures https://www.xinhuanet.com/english/2021-02/01/c_139713454.htm
https://www.paulsoninstitute.org/green-finance/green-scene/the-green-team-speaks-to-meng-men
https://www.paulsoninstitute.org/green-finance/green-scene/sizing-up-chinas-carbon-market
https://www.gz.gov.cn/guangzhouinternational/home/citynews/content/post_5550417.html
https://www.globaltimes.cn/page/202105/1224509.shtml
https://www.mdpi.com/1999-4907/8/8/295/htm
https://www.nature.com/articles/s41598-018-31733-7
https://www.globaltimes.cn/page/202105/1224509.shtml
https://www.china-briefing.com/news/carbon-trading-with-chinese-characteristics/
[1] หมายถึง การอนุญาตซื้อขายที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือเครดิตในการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ หนึ่งเครดิตอนุญาตให้ปล่อยมวลก๊าซเท่ากับหนึ่งตันของคาร์บอนไดออกไซด์
[2] หมายถึง การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์
[3] หมายถึง อ่างเก็บน้ำทุกชนิดที่มีองค์ประกอบของคาร์บอน อ่างคาร์บอนมักจะถูกใช้เพื่อป้องกันการปล่อยคาร์บอนออกจากบรรยากาศ อ่างคาร์บอนอาจเป็นสิ่งก่อสร้างตามธรรมชาติหรือที่มนุษย์สร้างขึ้น