“ดิจิทัลหยวน” กับยุทธศาสตร์ YRD และความท้าทายต่อภาคธุรกิจไทย (ตอนจบ)
18 Jun 2021บทความก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงข้อมูลของดิจิทัลหยวนในภาพรวมไปแล้ว สำหรับบทความในตอนนี้จะกล่าวถึงบทบาทและความสำคัญของเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Delta: YRD) ในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระดับแนวหน้าของจีน และเป็นพื้นที่นำร่องดำเนินนโยบายที่สำคัญของจีน โดยดิจิทัลหยวนก็ได้ทดลองใช้ในพื้นที่เขต YRD เช่นกัน ทั้งนี้ หากในอนาคตจีนได้ใช้ดิจิทัลหยวนอย่างแพร่หลายแล้ว YRD ย่อมมีบทบาทด้านการค้ากับไทยมากขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกความท้าทายที่ธุรกิจไทยควรเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า
เขต YRD มีความโดดเด่นอย่างไร?
เขต YRD ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของจีน ประกอบด้วยนครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู มณฑลเจ้อเจียง และมณฑลอานฮุย เป็น 1 ใน 3 คลัสเตอร์เมืองขนาดใหญ่ของจีน นอกเหนือจากพื้นที่อ่าวกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า (Guangdong – Hong Kong – Macao Greater Bay Area: GBA) และพื้นที่ปักกิ่ง – เทียนจิน – มณฑลเหอเป่ย (Beijing – Tianjin – Hebei Urban Agglomeration)
YRD เป็นโครงการที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เสนอไว้ตั้งแต่ปี 2546 ในสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลเจ้อเจียง ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ประธานาธิบดีสีฯ ได้กล่าวในพิธีเปิดงาน China International Import Expo (CIIE) ครั้งที่ 1 ว่า ภาครัฐมุ่งมั่นสนับสนุนให้พัฒนาเขต YRD แบบบูรณาการ และยกระดับให้การพัฒนาเขต YRD เป็นกลยุทธ์ระดับชาติ และเมื่อช่วงสิ้นปี 2562 รัฐบาลกลางและคณะรัฐมนตรีจีนได้ประกาศ “แผนพัฒนาเขต YRD แบบบูรณาการ” จึงส่งผลให้เขต YRD ก้าวสู่ยุคแห่งการพัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขต YRD จะมีพื้นที่ไม่ถึงร้อยละ 4 ของพื้นที่ประเทศจีน แต่กลับสามารถสร้างมูลค่า GDP ได้สูงถึงเกือบ 1 ใน 4 ของ GDP ทั้งจีน (สูงกว่า GDP ของไทย 6.5 เท่า) มี GDP ต่อหัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยของจีนประมาณร้อยละ 50 (สูงกว่า GDP ต่อหัวไทย 2 เท่า) นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 36 ของการค้าระหว่างประเทศของทั้งจีน (สูงกว่าไทย 3.5 เท่า)
เขต YRD ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ/ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมสูงที่สุดในจีน อีกทั้งยังเป็นหัวหอกการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน และยังเป็นพื้นที่ทดลองนโยบายใหม่ ๆ ที่หากสำเร็จก็จะได้รับการนำไปใช้ในพื้นที่อื่นของจีนต่อไป
ยุทธศาสตร์ YRD กับการผลักดันดิจิทัลหยวน
ยุทธศาสตร์การพัฒนาเขต YRD ยังมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์วงจรคู่ (dual circulation) ซึ่งครอบคลุมถึง (1) YRD มีบทบาททำให้ตลาดจีนมีการรวมตัวอย่างแข็งแกร่งขึ้น (2) YRD ได้ใช้เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นพื้นฐานการพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูง และ (3) YRD เป็นพื้นที่นำร่องเปิดกว้างสู่สากลทั้งในภาคการค้า การลงทุน การเงิน และการบริการ ทั้งนี้ ตลอดช่วงที่ผ่านมาพื้นที่ต่าง ๆ ในเขต YRD ต่างมีแผนการดำเนินงานที่สอดรับกับนโยบายส่วนกลางของจีนอย่างแข็งขันในทุกมิติ โดยมีแผนงานล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลหยวน ดังนี้
1. การใช้นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจ ได้แก่
– เซี่ยงไฮ้จะพัฒนาเป็น “เมืองหลวงด้านเศรษฐกิจดิจิทัล” ที่มีอิทธิพลระดับโลกให้สำเร็จภายใน 15 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าหมายว่าเมื่อถึงปี 2568 มูลค่าเพิ่มของเศรษฐกิจดิจิทัลจะมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 60 ใน GDP เซี่ยงไฮ้ (เพิ่มจากสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ในปัจจุบัน)
– เจ้อเจียงได้ออก “ระเบียบว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลมณฑลเจ้อเจียง” เป็นระเบียบระดับท้องถิ่นฉบับแรกของจีนที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นหลัก โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป รวมทั้งตั้งเป้าหมายให้มูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรมด้านเศรษฐกิจดิจิทัลในปี 2564 เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10
2. การผลักดันเงินหยวนสู่สากล ถือเป็นภารกิจสำคัญด้านการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีน ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (ค.ศ. 2021 – 2025) โดยเซี่ยงไฮ้ในฐานะศูนย์กลางการเงินของจีนแผ่นดินใหญ่ได้ตั้งเป้าหมายพัฒนาด้านการเงิน โดยแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 ของเซี่ยงไฮ้ระบุว่า จะเร่งยกระดับให้ตลาดการเงินมีมาตรฐานแบบสากล และสร้างระบบตลาดการเงินที่มีศักยภาพการแข่งขันระดับโลก รวมถึงจะผลักดันทดลองใช้เงินหยวนเสรี ทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัล และผลักดันทดลองการซื้อขายเงินหยวนล่วงหน้า เพื่อเพิ่มสัดส่วนเงินหยวนในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ยังจะสร้างศูนย์เทคโนโลยีการเงินที่มีความสามารถการแข่งขันในระดับสากล รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมด้านการเงินที่สามารถเชื่อมโยงกับตลาดโลก
ล่าสุด เซี่ยงไฮ้ได้ตอบโจทย์นำร่องทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลแบบข้ามเมืองเป็นครั้งแรกร่วมกับเมืองซูโจวของมณฑลเจียงซู (ที่ผ่านมาจีนจะทดลองใช้เฉพาะภายในพื้นที่เมืองเดียวเท่านั้น) ในช่วงเทศกาล “May 5 Shopping Festival” ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง 30 เมษายน – 30 มิถุนายน 2564 โดยการใช้ดิจิทัลหยวนครั้งนี้ค่อนข้างครอบคลุมหลายสถานที่ ทั้งในย่านการค้า ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนที่สำคัญ เช่น เมืองโบราณโจวจวง เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ได้แจกคูปองดิจิทัลหยวนให้ประชาชน 350,000 คนเนื่องในโอกาสเทศกาลดังกล่าวด้วย โดยเปิดให้ผู้บริโภคในเซี่ยงไฮ้สุ่มรับคูปองดิจิทัลหยวนผ่านช่องทางออนไลน์คนละ 55 หยวน ระหว่าง 4 – 5 มิถุนายน 2564 โดยประกาศรายชื่อผู้ได้รับสิทธิเมื่อ 11 มิถุนายน 2564 ซึ่งคูปองดิจิทัลหยวนนี้สามารถใช้ได้ในที่พื้นที่ที่ร่วมโครงการในช่วง 11 – 20 มิถุนายน 2564 เพื่อกระตุ้นการใช้ดิจิทัลหยวนและส่งเสริมศักยภาพการรับดิจิทัลหยวนของเซี่ยงไฮ้
การทดลองใช้ดิจิทัลหยวนไม่ได้จำกัดเฉพาะในเซี่ยงไฮ้และซูโจวเท่านั้น แต่นครหนานจิง (มณฑลเจียงซู) นครหางโจว (มณฑลเจ้อเจียง) และนครเหอเฝย (มณฑลอานฮุย) ซึ่งล้วนเป็นหัวเมืองสำคัญในเขต YRD ก็ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่ทดลองใช้ดิจิทัลหยวนในอนาคตเช่นกัน
ความท้าทายที่ธุรกิจไทยต้องเผชิญเมื่อจีนเปลี่ยนไปใช้ดิจิทัลหยวน
เขต YRD มีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย – จีนมาก โดยเขต YRD มีการค้ากับไทยคิดเป็นเกือบร้อยละ 38 ของการค้าไทย – จีนในภาพรวม ขณะที่ 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางสู่ประเทศไทยก็มาจากภูมิภาค YRD ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าความท้าทายจากพื้นที่ YRD ก็จะเป็นชนวนไปสู่ความท้าทายเต็มรูปแบบที่จะต้องเผชิญจากจีนทั้งประเทศในอนาคตเช่นกัน
ที่ผ่านมา หลายธุรกิจไทยมักมองว่าเขต YRD โดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้ จะเป็น “ประตูเบิกทางเข้าสู่จีน” เนื่องจากผู้บริโภคมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เหมาะกับการเป็นพื้นที่ทดลองสินค้าจากไทย ซึ่งมักจะเริ่มต้นจากการเข้าสู่แพลตฟอร์ม E-commerce ชื่อดังในจีน เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการจัดตั้งบริษัทอย่างเต็มรูปแบบ โดยการเข้าสู่แพลตฟอร์ม E-commerce ในจีนของผู้ประกอบการไทยสามารถทำได้ใน 2 รูปแบบ ได้แก่ (1) การดำเนินการด้วยตนเอง และ (2) การอาศัยนอมินีในจีนช่วยดำเนินการแทน ทั้งนี้ หากในอนาคตเมื่อจีนได้ใช้ดิจิทัลหยวนอย่างแพร่หลายแล้ว (ถูกภาครัฐจีนจับตาเรื่องการไหลเวียนของเงินได้ง่ายขึ้น) ธุรกิจไทยที่อาศัยนอมินีในจีนจะได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากนอมินีจะไม่สามารถโอนเงินให้ฝ่ายไทยผ่านระบบ “โพยก๊วน” (ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย) ดังที่นิยมทำกันในปัจจุบันได้อีกต่อไป จึงนับเป็นความท้าทายที่ธุรกิจไทยจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่แพลตฟอร์ม E-commerce ในจีนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนที่จะติดปัญหาการโอนเงินเมื่อดิจิทัลหยวนถูกใช้งานจริงจังในอนาคต
อย่างไรก็ดี เมื่อจีนพร้อมที่จะผลักดันใช้ดิจิทัลหยวนกับการค้าระหว่างประเทศแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของธนาคารพาณิชย์และธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ (รวมถึงของไทย) ที่จะต้องเตรียมสร้างระบบรองรับเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน โดยที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยเคยร่วมมือกับธนาคารกลางฮ่องกง เพื่อทดสอบการโอนสกุลเงินดิจิทัลระหว่างกัน และปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจาหารือร่วมกับธนาคารกลางของจีน ธนาคารกลางฮ่องกง และธนาคารกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อสร้างระบบการโอนสกุลเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนร่วมกัน
ทั้งนี้ เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้สร้างความร่วมมือด้านการโอนสกุลเงินดิจิทัลกับธนาคารกลางจีนเป็นที่เรียบร้อยในอนาคตแล้ว ผู้ประกอบธุรกิจในไทยที่รับชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินออนไลน์ (เช่น Alipay และ Wechat Pay) ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ปัจจุบันมีจำนวน 29 ราย) ก็น่าจะผันตัวมารับชำระเงินสกุลดิจิทัลหยวนเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการไทยในตลาดจีนได้เช่นกัน
ธุรกิจไทยต้องรับมืออย่างไรหากจีนใช้ดิจิทัลหยวนจริงจัง?
สรุปได้ว่า การใช้ดิจิทัลหยวนเป็นพัฒนาการที่เป็นธรรมชาติและสมเหตุสมผลของจีน ผู้ประกอบการไทยจึงไม่ต้อง “ตระหนก” แต่ให้ “ตระหนัก” และ “ปรับตัวให้ทัน” เนื่องจากจีนเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับตัวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล สังคมดิจิทัล และแพลตฟอร์มดิจิทัลของจีนทั้งในภาคการค้าและภาคการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลกำลังเป็นแนวโน้มสำคัญ โดยหากผู้ประกอบการสามารถประยุกต์ใช้ระบบดิจิทัลในธุรกิจของตนเอง ก็จะเป็นประโยชน์ในการนำมาใช้วิเคราะห์ต้นทุน อุปสงค์ อุปทาน และข้อมูลการตลาดอื่น ๆ เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ดิจิทัลหยวนและเศรษฐกิจดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการอำนวยความสะดวกด้านธุรกรรมการเงินของประเทศ ซึ่งการติดตามพัฒนาการต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับนโยบายการทำเงินหยวนให้เป็นสกุลเงินสากลอย่างใกล้ชิด นอกจากเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับแนวโน้มการชำระเงินในอนาคตของตลาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีนที่เป็นหุ้นส่วนด้านตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของไทยแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์สำหรับการเตรียมพร้อมเพื่อการใช้สกุลเงินดิจิทัลในประเทศอื่น ๆ รวมทั้งประเทศไทยเองในอนาคตอีกด้วย
*****************************
จัดทำโดย นายโอภาส เหลืองดาวเรือง ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้
ข้อมูลอ้างอิง: งานสัมมนา Webinar เรื่อง “ดิจิทัลหยวนกับยุทธศาสตร์ YRD และความท้าทายต่อภาคธุรกิจไทย” จัดโดยสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ และธนาคารกสิกรไทย วันที่ 28 เมษายน 2564 (วิทยากร ได้แก่ น.ส. ลดา ภู่มาศ กงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ นายสุพัฒน์ อำไพธนากร หัวหน้าสำนักงานตัวแทนอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย กรุงปักกิ่ง และ ดร. ศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโครงการพิเศษ ธุรกิจข้ามประเทศ ธนาคารกสิกรไทย และนายกิตติพันธุ์ แจ่มประวิทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) เป็นผู้ดำเนินรายการ)