BYD ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์พลังงานใหม่
22 Jul 2024
หลังจากที่ศูนย์ BIC ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่บริษัท BYD ที่ตั้งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ในช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงพัฒนาการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่รถยนต์ที่มีรุ่นต่าง ๆ ออกมามากมาย แต่ยังได้รับทราบถึงการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีที่โดดเด่นของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของจีนแห่งนี้ โดย BIC จะขอนำข้อมูลความก้าวหน้าดังกล่าวมาแบ่งปันให้กับผู้อ่าน
ผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่
BYD (Build Your Dreams) มุ่งสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงานใหม่ ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วและการพัฒนานวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง โดย BYD เริ่มก่อตั้งในปี 2538 โดยเริ่มต้นธุรกิจด้วยการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และแบตเตอรี่ ภายหลังขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงานหมุนเวียน ปัจจุบันดำเนินธุรกิจ 4 กลุ่ม ได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้า (electronics) ยานยนต์ พลังงานใหม่ และ ระบบขนส่งทางราง (rail transit) มีพนักงานกว่า 800,000 คน โดยมีนักวิจัยและวิศวกรถึง 100,000 คนทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังได้จดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพลังงานใหม่แล้วถึง 1,250 ฉบับ สถานะเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 BYD จำหน่ายรถยนต์พลังงานใหม่ทั่วโลกแล้วกว่า 8 ล้านคัน โดยรถยนต์คันที่ 8 ล้านผลิตจากโรงงานที่จังหวัดระยอง นอกจากนี้ BYD ส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่แล้วกว่า 510,115 คัน ไปยัง 88 ประเทศทั่วโลก
นอกจากพัฒนาการของรถยนต์พลังงานใหม่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว พัฒนาการของรถโดยสารไฟฟ้า ยังเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่น่าจับตามอง BYD เปิดตัวรถบัสโดยสารไฟฟ้าครั้งแรกเมื่อปี 2554 สามารถวิ่งได้ไกลที่สุด 580,000 กิโลเมตรโดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันรถโดยสารพลังงานใหม่ของ BYD สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่า 700,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ BYD ยังส่งออกรถโดยสารพลังงานใหม่ไปยังหลายประเทศ โดยร้อยละ 60 ของรถโดยสารพลังงานใหม่ในอังกฤษ และร้อยละ 80 ของรถโดยสารพลังงานใหม่ในออสเตรเลียเป็นรถของ BYD
เทคโนโลยีแบตเตอรีปลอดภัยสูงสุด
BYD เริ่มต้นธุรกิจด้านการผลิตแบตเตอรีให้กับบริษัท Motorola ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบัน BYD ได้พัฒนา Blade Battery ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ล่าสุดที่ปลอดภัยสูงและกักเก็บพลังงานได้มาก และผ่านการทดสอบความปลอดภัยแบบเจาะทะลุ (Nail penetration test) โดยใช้เข็มเจาะทะลุแบตเตอรี่เพื่อให้แบตเตอรี่ลัดวงจร ซึ่งในการทดสอบดังกล่าว Blade Battery เกิดความร้อนเพียง 30 – 60 องศาเซลเซียส ขณะที่แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต (Battery Lithium Iron Phosphate) เกิดความร้อนสูงกว่า 300 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดควันและเปลวไฟ ยิ่งไปกว่านั้น โครงสร้างแบตเตอรี่แพค (battery pack structure) ของ Blade Battery ยังสามารถกักเก็บพลังงานมากกว่าแบตเตอรี่ลิเทียมทั่วไปกว่าร้อยละ 50 ด้วย อนึ่ง รถยนต์รุ่น Model Y ของ Tesla ใช้ Blade Battery ของ BYD
ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อนและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
BYD ยังพัฒนาเทคโนโลยีขับเคลื่อนพลังงานของตนเองที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละประเภทอีกด้วย ได้แก่ (1) เทคโนโลยี DM-i สำหรับยานยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) โดดเด่นเรื่องการประหยัดพลังงาน (2) เทคโนโลยี DM-p สำหรับยานยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) โดดเด่นเรื่องสมรรถนะ (3) เทคโนโลยี DMO (Dual Mode Off-road) สำหรับยานยนต์ประเภทขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ประหยัดพลังงานกว่ารถยนต์ 4WD ทั่วไปถึงร้อยละ 35 (4) เทคโนโลยี DiLink ระบบอัจฉริยะสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตและ (5) เทคโนโลยี DiSus Intelligent Body Control System ระบบการควบคุมการทรงตัวของรถยนต์อัจฉริยะ สามารถควบคุมการยกระดับตัวรถแต่ละด้าน และป้องกันการผลิกคว่ำ เป็นต้น

นอกจากนี้ BYD ยังเป็น 1 ใน 10 อันดับบริษัทของจีนมีนวัตกรรมการผลิตอุปกรณ์ IGBT (Isolate Gate Bipolar Transistor) ซึ่งเป็นเซมิคอนดักเตอร์ทำงานเป็นทรานซิสเตอร์ (transistor) หรือ CPU ที่ใช้ควบคุมการเปิด-ปิดของกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าให้สูงและมีความละเอียดสม่ำเสมอสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่
BYD ไม่เพียงแต่เป็นบริษัทผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ที่สำคัญของจีน แต่ยังเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เทคโนโลยีขับเคลื่อน และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งทำให้บริษัท BYD มีความได้เปรียบในการควบคุมห่วงโซ่การผลิต และมีศักยภาพในการปรับตัวให้เข้ากับอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างคล่องตัว
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบในการเป็นฐานการผลิตสำคัญของ BYD รวมถึงหลายบริษัทสำคัญที่พัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและเป็นที่จับตา แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยอาจยังมีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนาบุคคลากรคุณภาพสูง สอดรับต่อแนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดดังกล่าว เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่พร้อมต่อการลงทุนของไทย เอื้อบริษัทต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรบุคคลของไทยภายใต้ห่วงโซ่การผลิต รวมถึงคงไว้ ซึ่งความได้เปรียบและตอบสนองต่อนโยบายเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของภูมิภาค
ศูนย์ BIC ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว จะติดตามพัฒนาการของ BYD ต่อไป ท่ามกลางการแข่งขันของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานใหม่ทั่วโลก กอปรกับความท้าทายระดับโลก เช่น สงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร
สรศักดิ์ บุญรอด เขียน
11 กรกฎาคม 2567
แหล่งที่มาของข้อมูล
บริษัท BYD จำกัด
https://www.byd.com/
https://www.tycorun.com/blogs/news/top-10-inverter-igbt-companies-in-china#byd