เรียนรู้ความสำเร็จของผลไม้ที่ได้ชื่อว่า “Hermès แห่งวงการผลไม้” จากกว่างซี “ส้มจินจวี๋ห์” ของดีเมืองหลิ่วโจว
4 Nov 2025
กฤษณะ สุกันตพงศ์ เขียน
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC)
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
เมื่อจีนตอนใต้เริ่มย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ผลไม้พรีเมี่ยมของเขตปกครองตนเองกว่างซีที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Hermès แห่งวงการผลไม้” อย่าง “ส้มจินจวี๋ห์” (Kumquat/金桔) ก็จะเริ่มทยอยสุกพร้อมออกสู่ตลาด
ผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่า… “ส้มจินจวี๋ห์” คืออะไร คำว่า “จินจวี๋ห์” แปลว่า “ส้มทอง” เป็นส้มกินทั้งเปลือกที่คนไทยเรียกว่า “ส้มกิมจ้อ” บ้างก็เรียก “ส้มเปลือกหวาน” ส้มชนิดนี้เป็นสินค้า GI (Geographical Indications) หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของ “อำเภอยรงอัน” (Rong’an County/融安县) ตอนเหนือของเมืองหลิ่วโจว (ติดกับเมืองกุ้ยหลิน) เขตฯ กว่างซีจ้วง

การปลูกส้มจินจวี๋ห์ของ “อำเภอยรงอัน” สามารถสืบย้อนกลับไปเกือบ 300 ปี ในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง (ตรงกับปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาต้นกรุงธนบุรี) จากพันธุ์ดั้งเดิม (ที่ผลมีรสอมฝาดเล็กน้อย) ที่เป็นส้มจินจวี๋ห์ผิวมัน (油皮金桔) ส้มจินจวี๋ห์ผิวขลับ (滑皮金桔) นักวิจัยกว่างซีได้คัดเลือกและอัปเกรดสายพันธุ์จนมาถึงรุ่น ‘ส้มทอง 3.0’ ที่มีชื่อว่า “ส้มชุ่ยมี่จินจวี๋ห์” (脆密金桔)
ปี 2564 “(ส้ม)ยรงอันจินจวี่ห์” (融安金桔) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI แห่งชาติจีน และล่าสุดเดือนสิงหาคม 2568 “(ส้ม)ยรงอันจินจวี๋ห์-ชุ่ยมี่จินจวี๋ห์” (融安金桔-脆密金桔) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI แห่งชาติจีน และเป็นแบรนด์สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของเขตฯ กว่างซีจ้วงที่ขยับอันดับขึ้นเร็วที่สุดในปีนี้ (พุ่งขึ้น 11 อันดับจากปีก่อน)
สำหรับฤดูกาลผลิต “ส้มจินจวี๋ห์” ประจำปี 2568 สำนักเกษตรและชนชทอำเภอยรงอัน ได้จัดแถลงข่าวการประกาศกำหนดเวลาการเก็บเกี่ยวส้มจินจวี๋ห์ออกสู่ตลาดโดยทั่วกันในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเป็น “มาตรการจัดระเบียบตลาดส้มจินจวี๋ห์” ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2560 (เรียนรู้แนวทางการจัดระเบียบตลาดมะม่วงเมืองไป่เซ่อ กว่างซี) เพื่อป้องกันปัญหาการเก็บผลอ่อน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์แบรนด์ส้มจินจวี๋ห์ของอำเภอยรงอัน ช่วยการันตีด้านคุณภาพ รสชาติ และระดับความสุกของผลไม้ที่ออกสู่ตลาด และช่วยให้เกษตรกรมีอำนาจต่อรองด้านราคาได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งภาคเกษตรไทยได้ใช้แนวทางดังกล่าวกับ “ทุเรียนภาคตะวันออก” แล้วด้วย

ทำไมส้มจินจวี๋ห์ของอำเภอยรงอัน ถึงได้ชื่อว่าเป็น “Hermès แห่งวงการผลไม้” ??? แน่นอนว่า…“ส้มจินจวี๋ห์” รุ่นธรรมด๊าธรรมดาคงไปไม่ได้ระดับ Hermès แต่เป็น “(ส้ม)ชุ่ยมี่จินจวี๋ห์” หรือ ส้มทอง 3.0 ที่มีเอกลักษณ์เนื้อกรอบและรสชาติหวานมากสมชื่อ “ชุ่ยมี่” โดยคำว่า “ชุ่ย” ในภาษาจีนแปลว่า กรุบกรอบ ส่วนคำว่า “มี่” แปลว่า หวานปานน้ำผึ้ง

“(ส้ม)ชุ่ยมี่จินจวี๋ห์” มีผลกลมรีขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่เปลือกบางกรอบเนื้อสีเหลืองส้ม น้ำฉ่ำ ไร้เมล็ด นิยมรับประทานผลสดทั้งเปลือก หวานกรอบไร้รสฝาด (ค่าความหวาน +25%) โดยทั่วไป ผลผลิตจะออกสู่ตลาดราวช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ของปีถัดไป ผลสุกที่ออกในช่วงต้นฤดูจะมีสีส้มแกมเขียว และช่วงปลายฤดูจะมีสีส้มแป๊ด
“(ส้ม)ชุ่ยมี่จินจวี๋ห์” มีการคัดคุณภาพตามขนาด (Sizing) เหมือนไข่ไก่ ตั้งแต่เบอร์ 1 พรีเมี่ยมคิงไซซ์ ลดหลั่นไปถึงถึงเบอร์ 6 ตกเกรดมินิไซซ์ อย่างในปี 2567 ราคาขายปลีกต่อกิโลกรัมอยู่ที่ 35– 160 หยวน (ทุเรียนหมอนทองไทย ราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 45 หยวน) คาดว่า ปีนี้ ราคาขายปลีกจะยังรักษาระดับใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าพื้นที่ปลูกและคาดการณ์ผลผลิตจะเพิ่มขึ้น
ความน่าสนใจยังไม่หมดแค่นี้!!! ในบริบทที่ “อำเภอยรงอัน” เป็นพื้นที่เกษตรห่างไกล สิ่งที่ภาครัฐตั้งใจให้ “ส้มจินจวี๋ห์” เป็นเครื่องมือ‘แก้จน’ มาวันนี้ ได้อัปเกรดเป็นใบเบิกทางสู่‘ความร่ำรวย’ ของชาวอำเภอยรงอัน สร้างงานสร้างอาชีพได้ชาวยรงอันได้มากกว่า 1 แสนคน ชาวสวนส้มมีรายได้ (Specific income) มากกว่า 15,000 หยวน เป็นโมเดลความสำเร็จที่ว่า “ส้มครึ่งไร่หลุดพ้นความจน ส้มเต็มไร่อยู่ดีกินดี ส้มหมื่นไร่มั่งคั่งร่ำรวย” และประเทศจีนได้ยกให้ “ส้มทองยรงอัน” เป็นกรณีศึกษาด้านการพัฒนาชนบทสู่ความเจริญรุ่งเรืองที่ควรค่าแก่การเรียนรู้สำหรับพื้นที่อื่นทั่วประเทศจีน

ความสำเร็จของอำเภอยรงอันในการพัฒนาส้มจินจวี๋ห์จาก “เกษตรกรรม” ก้าวไปสู่ “อุตสาหกรรมการเกษตร” เป็นการทำงานทั้งองคาพยพ บูรณาการทุกฝ่ายให้เข้ามามีส่วนร่วม โดยตระหนักถึงความสำคัญด้านมาตรฐานการผลิต คุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกษตรที่ดีและยั่งยืน โดยมีการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม อาทิ
✦ การส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร/สหกรณ์การเกษตร/วิสาหกิจชุมชน และ “การเกษตรแบบแปลงใหญ่” โดยมีผู้จัดการแปลงเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ทุกกิจกรรมตลอดห่วงโช่อุปทาน (Supply chain) ซึ่งช่วยให้การบริหารจัดการด้านต่าง ๆ มีประสิทธิภาพสูง ทั้งการจัดการแหล่งน้ำ การเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และผลิตผลให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน (Standardized production) และการลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลงจากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ซึ่งได้ประสิทธิภาพเหนือกว่าการที่เกษตรกรรายย่อยต่างคนต่างปลูก (แปลงเล็กแปลงน้อย) ขาดการวางแผนการผลิตและการทำตลาด ขาดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ผลผลิตไม่ได้มาตรฐานเดียวกัน (บางสวนหวาน บางสวนจืด ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาด) โดยหนึ่งในรูปแบบที่ได้รับความนิยม คือ“บริษัท + ฟาร์มเกษตร + เกษตรกร” โดยบริษัทกับเกษตรกรทำความตกลงร่วมกัน (เกษตรพันธสัญญา หรือ Contract farming) เกษตรกรมีหน้าที่ปลูกพืชผลเกษตรให้ได้คุณภาพที่ดี บริษัทจะรับซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาท้องตลาด
✦ การกำหนดมาตรฐานการผลิตและงานด้านการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ “(ส้ม)ชุ่ยมี่จินจวี๋ห์” โดยได้จัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ของ(ส้ม)ยรงอันจินจวี่ห์ 204 รายการ ครอบคลุมตั้งแต่การเพาะปลูก การปรับปรุงดิน การบริหารจัดการน้ำและปุ๋ย การเก็บเกี่ยว การเก็บรักษา (ถนอมความสด) การแปรรูป จนถึงการไหลเวียนในตลาด (circulation)

✦ การดำเนินงานเชิงรุกของภาครัฐตั้งแต่ต้นน้ำ เจ้าหน้าที่สถานีเกษตรจะลงพื้นที่ไปให้คำแนะนำชาวสวนเกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตเพื่อสร้างหลักประกันด้านคุณภาพและอาหารปลอดภัย และยกระดับความเข้มข้นในการติดตามและตรวจสอบด้านคุณภาพและความปลอดภัย เช่น การลงพื้นที่ตรวจสอบและจัดระเบียบแหล่งผลิต/ตลาดซื้อขายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร (Agricultural supplies) การตรวจสอบและลงโทษผู้จำหน่ายเคมีเกษตรที่ต้องห้ามจำหน่าย การขยายขอบเขตและเพิ่มความถี่ในการตรวจทดสอบ (Rapid testing) ส้มจินจวี๋ห์ได้มากกว่าร้อยละ 80 ของพื้นที่สวนทั้งหมด โดยเฉพาะพื้นที่สวนที่ได้รับการจัดให้เป็นฐานการผลิตอาหารสีเขียว และฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ GI ต้องสุ่มตรวจมากกว่า 1 ครั้ง (ส่วนพื้นที่ที่เป็นสวนส้มรายย่อยจะใช้วิธีการสุ่มตรวจ) และการส่งเสริมให้ผู้ผลิตที่เกี่ยวข้องลงนามและปฏิบัติตาม “หนังสือคำมั่นสัญญาคุณภาพตามมาตรฐาน” (Self-Commitment Certificate of Edible Agricultural Products/诺达标合格证)
✦ การสร้างแพลตฟอร์ม/ช่องทางการจัดจำหน่ายให้เกษตรกร เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับสินค้าเกษตรขั้นต้น นอกจาก “ตลาดซื้อขายส้มจินจวี๋ห์ยรงอันประเทศจีน” (中国融安金桔交易市场) แล้ว ที่อำเภอยรงอันยังสร้างแพลตฟอร์มส่งเสริมการค้าออนไลน์ ——— “สวนธุรกิจอีคอมเมิร์ซสินค้าเกษตรกุ้ยเป่ย” (桂北农产品电商园) ซึ่งภายในมีคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (ห้องเย็น) ไว้สำหรับถนอมความสดใหม่ ปัจจุบัน สวนธุรกิจฯ มีผู้ค้าสนใจเข้าจัดตั้งธุรกิจมากกว่า 200 ราย และยังมี “ศูนย์บริการอีคอมเมิร์ซอำเภอยรงอัน” (融安县电子商务服务中心) ซึ่งภายในมีอาคาร Public Cloud Warehouse (ชื่อจีนว่า 融安金桔公共云仓) สายคัดบรรจุส้มจินจวี๋ห์ และระบบงานโลจิสติกส์ที่มีความทันสมัย ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ ตั้งแต่การคัดแยก บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงโลจิสติกส์ ปริมาณการประมวลผลรายวันเกิน 5 ล้านกิโลกรัม และชิ้นส่วนมาตรฐานอีคอมเมิร์ซเกิน 800,000 ชิ้น การจัดส่งที่เร็วที่สุดที่เป็นไปได้คือภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากที่ลูกค้าสั่งซื้อ

ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2568 ประเทศจีนมีพลเมืองเน็ต (Netizen) มหาศาลกว่า 1,123 ล้านคน (มากกว่าประชากรไทยเกือบ 16 เท่า) และผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ 1,116 ล้านคน (สัดส่วนร้อยละ 99.4 ของพลเมืองเน็ตทั้งหมด อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตร้อยละ 79.7
—————————- China Internet Network Information Center
- แพลตฟอร์ม e-Commerce อาทิ com (淘宝) jd.com (京东) suning.cn (苏宁易购)
- แอปพลิเคชัน social network อาทิ Wechat ที่สามารถพ่วง Mini program ของร้านผลไม้เฟรนไชส์น้อยใหญ่ และ Wechat moment ของผู้ค้าผลไม้รายย่อย / Little Red Book (小红书) และ Weibo (微博)
- แอปพลิคชัน Food Delivery อาทิ Meituan (美团) และ e leme (饿了么) ที่มักจะมีร้านผลไม้เฟรนไชส์น้อยใหญ่ และร้านค้าผลไม้รายย่อยเปิดอยู่
- แอปพลิเคชันไลฟ์สด (Live streaming) ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ อาทิ Tiktok (抖音) Kuaishou (快手) taobao (淘宝直播/点淘)
✦ การสร้างแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น นิคมอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่ส้มทองเพื่อการฟื้นฟูชนบทภายใต้ความร่วมมือกวางตุ้ง-กว่างซี (粤桂协作金桔乡村振兴现代农业产业园) และนิคมอุตสาหกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตรอำเภอหลงอัน (融安县农产品加工产业园) เป็นฐานการแปรรูปหลัก มุ่งส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าสินค้า (Value added) ด้วยการวิจัยพัฒนาและแปรรูปสินค้าเชิงลึก อาทิ ขนมไส้ส้มจินจวี๋ห์ ส้มจินจวี๋ห์แช่อิ่ม ส้มจินจวี๋ห์แห้ง (ชาวจีนนิยมทานคู่กับชาจีนในยามว่าง) ยาอมสมุนไพรส้มจินจวี๋ห์ ไซรัปส้มจินจวี๋ห์ และน้ำส้มจินจวี๋ห์
นิคมข้างต้นเป็นผลสำเร็จที่ได้ตกผลึกจากความร่วมมือภายใต้นโยบาย ‘จับคู่แก้จน’ ระหว่างอำเภอซุ่ยซี (遂溪县 เมืองจ้านเจียง มณฑลกวางตุ้ง) กับอำเภอยรงอัน (เมืองหลิ่วโจว เขตฯ กว่างซีจ้วง) ตั้งแต่ปี 2560 โดยมณฑลกวางตุ้งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ ‘คู่หู’ และผลักดันให้บริษัทที่มีศักยภาพาเข้าไปลงทุนจัดตั้งธุรกิจแปรรูปในนิคมอุตสาหกรรม เป็นส่วนช่วยสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับชาวอำเภอยรงอันด้วย

✦ การดำเนินงานอื่น ๆ เช่น ภาครัฐจะให้การสนับสนุนด้านฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร รวมถึงการอุดหนุนเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พันธุ์กล้าที่มีคุณภาพดี ทีมผู้เชี่ยวชาญทำการศึกษาวิจัยในห่วงโซ่การผลิตอย่างต่อเนื่อง สวนผลไม้ประยุกต์ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัย เช่น การลำเลียงด้วยราง การให้ปุ๋ยในระบบน้ำ (Fertigation) โดรนเพื่อการเกษตร ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) รวมถึงระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งมีการใช้งานแพร่หลายมานานแล้วในจีน เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยและการันตีสินค้า GI ของแท้ให้กับผู้บริโภค

✦ การส่งเสริมการส่งออก ด้วยความสนับสนุนของศุลกากรหลิ่วโจวในการลงพื้นที่แนะนำให้ความรู้แก่ชาวสวนและโรงคัดบรรจุเกี่ยวกับมาตรฐานการส่งออก ช่วง 2 ปีมานี้ อำเภอยรงอันส่งออกส้มจินจวี๋ห์รวมกว่า 400 ตัน ตลาดปลายทาง อาทิ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา

บีไอซี เห็นว่า กรณีศึกษาข้างต้นเป็นแนวทางที่ชาวสวนผลไม้ไทยสามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับสภาพพื้นที่ในการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรไทยให้ได้ประสิทธิภาพและยั่งยืน เพื่อพัฒนาผลผลิตภายในประเทศและส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายผลไม้ไทยในตลาดจีนได้ โดยเฉพาะในยุคที่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน แฝงตัวในทุกกิจกรรมจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ๆ ท่าน ๆ ซึ่งการเข้ามาของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ช่วยสร้างนิเวศธุรกิจใหม่ และสร้างพฤติกรรมการบริโภคใหม่ ดังนั้น การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ให้ได้อย่างเหมาะสมกับทุกภาคส่วนจะช่วยสร้างโอกาส “ทำเงิน” ให้กับผู้ที่พร้อมและมองเห็นโอกาสนั้น ๆ เสมอ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
