จับชีพจรเศรษฐกิจกว่างซี ครึ่งปีแรก 2567 กับคีย์เวิร์ด “คุณภาพ เสถียรภาพ”
2 Aug 2024
นายกฤษณะ สุกันตพงศ์ เขียน
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC)
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 สำนักงานสถิติประจำเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ได้แถลงการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจของเขตฯ กว่างซีจ้วง ครึ่งปีแรก 2567 ระบุว่า สภาพเศรษฐกิจของเขตฯ กว่างซีจ้วงฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ
เศรษฐกิจมหภาค
ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) มีมูลค่า 1,311,557 ล้านหยวน ขยายตัว 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 0.5 จุด (Q1/2567 ขยายตัว 3.1%) โดยแบ่งได้ดังนี้
- ภาคเกษตรกรรม มูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมการเกษตร 126,950 ล้านหยวน ขยายตัว 3.8% ในภาพรวม พบว่า ผลผลิตภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นได้ดี อาทิ ข้าวที่เก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ผลิ (+3.0%) พืชผักและเห็ด (+4.0%) ผลไม้ (+3.2%) การตัดไม้จากป่าปลูก (+20.0%) ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ (+5.0%)
- ภาคอุตสาหกรรม มูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมการผลิต 440,435 ล้านหยวน ขยายตัว 5.1% ในภาพรวม พบว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และมีส่วนขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (contribution rate) ถึง 52.0% และมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ขยายตัว 7.8% โดยเฉพาะ
- อุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ การผลิตเครื่องจักรกลไฟฟ้า การผลิตกระดาษ การผลิตวัสดุเคมีและเคมีภัณฑ์ การถลุง หล่อ และแปรรูปโลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Non-ferrous metals) และโลหะกลุ่มเหล็ก (Ferrous metals) และการผลิตยานยนต์
- อุตสาหกรรมสมัยใหม่ อาทิ การผลิตเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังงานลม แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน หุ่นยนต์ที่ใช้งานบริการ ยานยนต์พลังงานทางเลือก แบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ และสมาร์ทโฟน
- ภาคการบริการ มูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมภาคการบริการขยายตัว 2.7% ในภาพรวม พบว่า ธุรกิจภาคการบริการรักษาระดับการฟื้นตัวได้ดี โดยเฉพาะการบริการทั่วไป การเงิน การค้าปลีกค้าส่ง รวมถึงที่พักและร้านอาหารเครื่องดื่ม
สถานการณ์การลงทุน
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะการลงทุนในบางสาขาพบว่า มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาทิ การผลิตและส่งจ่ายกระแสไฟฟ้า (+58.4%) โดยเฉพาะพลังงานลม (+54.0%) และพลังงานแสงอาทิตย์ (+80.5%)
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางน้ำ (+20.1%) ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการลงทุนมูลค่ามหาศาลในเมกะโปรเจกต์ “คลองขนส่งผิงลู่” (ณ วันที่ 18 มิ.ย. 2567 มูลค่าการลงทุนสะสม 34,040 ล้านหยวน หรือกว่า 1.7 แสนล้านบาท)
“นครหนานหนิง” ยังคงเป็น High land ของการลงทุนในเขตฯ กว่างซีจ้วง โดยเฉพาะ ‘เขตเมืองใหม่อู่เซี่ยง’ พื้นที่ที่ได้รับการกำหนดให้เป็น Central Business District หรือ CBD แห่งใหม่ของนครหนานหนิง และเป็นพื้นที่ที่มีฟังก์ชันพิเศษเพื่อรองรับการลงทุนแบบหลายชั้น อาทิ (1) เขตทดลองการค้าเสรีจีน(กว่างซี) พื้นที่ย่อยหนานหนิง มีบริษัทจดทะเบียนรายใหม่สะสม 64,000 ราย เป็นบริษัทต่างชาติ 545 ราย มีบริษัทลูกของบริษัทชั้นนำ 500 อันดับแรกของโลก จำนวน 55 ราย และบริษัทลูกของบริษัทชั้น 500 อันดับแรกของจีน จำนวน 44 ราย (2) China-ASEAN Financial Town มีสถาบันการเงินที่จัดตั้งใหม่สะสม 552 ราย
การค้าต่างประเทศ
สถานการณ์การค้าต่างประเทศของเขตฯ กว่างซีจ้วงยังคงรักษาระดับการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะภาคการส่งออก ‘โตแรง’ สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีการค้ากับ “เวียดนาม” เป็นปัจจัยสำคัญ ขณะที่ภาคการนำเข้ายังคงอ่อนแรง และ “อาเซียน” ยังเกาะเก้าอี้คู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกว่างซีเป็นปีที่ 24 ติดต่อกัน

ช่วงครึ่งปีแรก 2567 กว่างซีมีมูลค่าการค้าต่างประเทศ 345,278 ล้านหยวน ขยายตัว 12.0% โดยมีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 12 ของประเทศ (จาก 31 มณฑลในจีนแผ่นดินใหญ่) และเป็นอันดับที่ 2 จาก 12 มณฑลในจีนตะวันตก (รองจากมณฑลเสฉวน) และมีอัตราขยายตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศร้อยละ 5.9 จุด (การค้าต่างประเทศของจีนขยายตัวที่ 6.1%) โดยแบ่งเป็น
- มูลค่าส่งออก 191,800 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 28.5%
- มูลค่านำเข้า 153,478 ล้านหยวน ลดลง 3.6%
- ได้ดุลการค้าต่างประเทศ 38,322 ล้านหยวน
“อาเซียน” เป็นคู่ค้าสำคัญด้วยสัดส่วน 53.76% ของมูลค่ารวม โดยสองฝ่ายมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 185,616 ล้านหยวน ขยายตัว 26.7% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการค้ากับ “เวียดนาม” โดยมีสัดส่วนสูงถึง 41.7% ของมูลค่ารวม และคิดเป็นสัดส่วน 77.57% ของการค้ากับอาเซียน การเติบโตภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ “เวียดนาม” การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์ในตลาดโลก กระตุ้นให้ภาคการส่งออกของกว่างซีไปเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และไอที อาทิ แผงวงจรรวม อะไหล่คอมพิวเตอร์ แบตเตอรี่ลิเทียม และอะไหล่อุปกรณ์เสริมงานภาพและเสียง (video and audio equipment)
การค้ากับ “กัมพูชา” น่าจับตามองอย่างมาก มีอัตราขยายตัวมากที่สุด (+99.5%) มูลค่าการค้าที่เพิ่มมากขึ้นช่วยให้กัมพูชาเบียดแซงฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ ขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับ 5 ในอาเซียนของกว่างซี ขณะที่การค้ากับ “ประเทศไทย” มีแนวโน้มชะลอตัวลง แม้ว่าประเทสไทยเป็น “ตลาดส่งออก” อันดับ 2 ของกว่างซี แต่สถานการณ์การนำเข้าจากไทยส่งสัญญาณฝืด ส่งผลให้ประเทศไทยตกไปเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 4 ของกว่างซี รองจากเวียดนาม บราซิล และออสเตรเลีย (ปี 2566 เคยอยู่อันดับ 2 รองจากเวียดนาม)

นอกจากตลาดอาเซียน พบว่า ตลาดเกิดใหม่แถบละตินอเมริกา โอเชียเนีย และแอฟริกามีแนวโน้มเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะประเทศในละตินอเมริกา (+38.5%) โอเชียเนีย (+40.6%)
ระบบงานขนส่งและโลจิสติกส์
ระบบงานขนส่งสินค้าที่มีความทันสมัยและสะดวกรวดเร็วเป็นแรงหนุนให้การค้าต่างประเทศของกว่างซีฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- กลุ่มท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้กว่างซี ซึ่งประกอบด้วยท่าเรือชินโจว ท่าเรือฝางเฉิงก่าง และท่าเรือเป๋ยไห่ มีปริมาณขนถ่ายสินค้ารวม 219.35 ล้านตัน ขยายตัว 4.5% อยู่อันดับที่ 10 ของท่าเรือในจีน ในจำนวนนี้ เป็นการขนถ่ายตู้สินค้า 4.32 ล้าน TEUs ขยายตัว 19.76% อยู่อันดับที่ 9 ของท่าเรือในจีน โดยสามารถรักษาอัตราการขยายตัวด้วยตัวเลข ‘สองหลัก’เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน
- ท่าเรือชินโจว ปริมาณขนถ่ายสินค้า 101 ล้านตัน (+10.9%) ปริมาณขนถ่ายตู้สินค้า 3.356 ล้าน TEUs (+20.2%)
- ท่าเรือฝางเฉิงก่าง ปริมาณขนถ่ายสินค้า 89.01 ล้านตัน (-3.5%) ปริมาณขนถ่ายตู้สินค้า 4.707 แสน TEUs (+18.8%)
- ท่าเรือเป๋ยไห่ ปริมาณขนถ่ายสินค้า 28.61 ล้านตัน (+10.15%) ปริมาณขนถ่ายตู้สินค้า 4.936 แสน TEUs (+18.2%)
- การขนส่ง “เรือ+ราง” ที่ท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้ มีรถไฟวิ่งให้บริการรวม 5,536 ขบวน (+22.7%) ปริมาณขนถ่ายตู้สินค้ากับต่างประเทศ 64,800 TEUs (+43.0%) ปัจจุบัน มีเส้นทางรถไฟขนส่งสินค้าโมเดล “เรือ+ราง” ครอบคลุม 153 สถานีใน 18 มณฑลทั่วประเทศจีน
ปากท้องประชาชน
ภาวะเงินเฟ้อ พบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จุด ราคาสินค้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 5 หมวด ได้แก่ หมวดการรักษาพยาบาล (+3.7%) หมวดการศึกษา วัฒนธรรม และบันเทิง (2.8%) หมวดเครื่องใช้และบริการอื่นๆ (+1.9%) หมวดเครื่องนุ่มห่ง (+1.5%) และหมวดที่อยู่อาศัย (+0.1%)
การค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 1.4% มีมูลค่ารวม 437,166 ล้านหยวน สินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี อาทิ อุปกรณ์กีฬาและบันเทิง (+31.9%) อุปกรณ์โทรคมนาคม (+23.6%) น้ำมันพืชและอาหาร (+7.3%) ยาสมุนไพรจีน (+2.4%) และเครื่องดื่ม (+2.2%)
รายได้เฉลี่ยที่ใช้จ่ายได้ 15,740 หยวน แบ่งเป็นรายได้เฉลี่ยที่นำไปใช้จ่ายได้ของผู้อาศัยในเขตเมือง 21,647 หยวน (+4.5%) และรายได้เฉลี่ยที่นำไปใช้จ่ายได้ของผู้อาศัยในเขตชนบท 10,278 หยวน (+7.6%) หากพิจารณาจากแหล่งที่มาของรายได้ พบว่า รายได้เฉลี่ยจากเงินเดือนเพิ่มขึ้น 5.9 และรายได้จากการประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้น 6.7%
**********************