ชาวจีนฮิต “ผลิตภัณฑ์ความงาม” ไทย.. กลยุทธ์ “ขายออนไลน์” ได้ผลจริง!!
21 Oct 2019 เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ความงาม หลายท่านคงคิดถึงแบรนด์ยุโรป แบรนด์ญี่ปุ่น หรือแบรนด์เกาหลี ซึ่งเป็นแบรนด์ยอดฮิต แต่แท้จริงแล้วแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามของไทยก็เรียกได้ว่าไม่แพ้ใครเหมือนกัน เพราะคนจีนที่ไปเที่ยวไทยก็มักขนซื้อเครื่องสำอางหรือเครื่องบำรุงผิวของไทยติดมือกลับจีนกันทั้งนั้น จนกระทั่งผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ไทยหลายรายมองเห็นโอกาสและได้บุกเข้าตลาดจีน โดยได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคจีนไม่น้อย!!
“สินค้าความงาม” ฮอทฮิต.. ติด 1 ในของฝากจากไทยกลับจีน
เมื่อพูดถึงของฝากที่เมื่อคนจีนไปท่องเที่ยวไทยแล้วต้องซื้อกลับมาเป็นของฝากติดมือแล้ว ก็คงไม่พ้นสินค้าอาหารและขนมขบเคี้ยว รังนกสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยา และผลิตภัณฑ์เครื่องนอนยางพารา ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ทุกคอลัมน์ท่องเที่ยวไทย (ภาษาจีน) มักจะเขียนแนะนำให้ซื้อเป็นของฝาก นอกจากนี้ กลุ่มสินค้าที่กำลังมาแรงและกลายเป็นอีกหนึ่งของฝากที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมซื้อกันมากขึ้น คือ “สินค้าเพื่อความงาม”
สินค้าเพื่อความงามของไทยครอบคลุมถึงเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ และผลิตภัณฑ์สปา โดยจากการค้นหาคอลัมน์และเว็บบอร์ดท่องเที่ยวไทย (ภาษาจีน) พบว่า แบรนด์สินค้าเพื่อความงามของไทยที่คนจีนแนะนำว่าควรซื้อติดมือเป็นของฝาก ได้แก่ มิสทิน (Mistine) สเนลไวท์ (Snail White) บิวตี้ บุฟเฟต์ (Beauty Buffet) คิวท์เพรส (Cute Press) แอนเจอรี่ (ANJERI) และเรย์ (RAY) เป็นต้น
จากความนิยมดังกล่าว จึงทำให้ทั้งแบรนด์สินค้าเพื่อความงามของไทยข้างต้นทยอยยกทัพบุกตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งรูปแบบการจับมือกับตัวแทนจำหน่ายในจีน การเข้าสู่แฟลตฟอร์มออนไลน์ของจีน จนกระทั่งถึงการตั้งหน้าร้านจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในจีน
.
“ร้านออฟไลน์” ยังรอได้.. “ขายออนไลน์” ต้องมาก่อน!!
ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทิศทางการซื้อขายออนไลน์ในจีนขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อปี 2551 จีนมีมูลค่าการซื้อขายทางธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์รวม 3.14 ล้านล้านหยวน และทยอยขยายตัวขึ้นในแต่ละปีจนถึงปี 2561 มีมูลค่ารวมสูงถึง 31.63 ล้านล้านหยวน ซึ่งขยายตัวถึง 10 เท่าในช่วงระยะเวลา 10 ปี
ขณะเดียวกัน จีนได้ครองแชมป์การเป็นตลาดซื้อขายปลีกผ่านระบบออนไลน์ใหญ่ที่สุดในโลกต่อเนื่องหลายปี โดยเมื่อปี 2551 จีนมีมูลค่าซื้อขายปลีกผ่านระบบออนไลน์รวม 0.13 ล้านล้านหยวน และเติบโตเพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่ากว่า 9 ล้านล้านหยวนในปี 2561
.
จากตัวเลขสถิติที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงพฤติกรรมการบริโภคในจีนได้ก้าวสู่ “ยุคออนไลน์” อย่างเต็มตัว ทำให้ผู้ประกอบการต้องใช้เครือข่ายออนไลน์เป็นช่องทางสำคัญเพื่อขยายธุรกิจในจีน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ไม่ยากมาก และใช้งบประมาณไม่สูงเท่าใดนักเมื่อเทียบกับการตั้งหน้าร้าน
จากประสบการณ์ขยายธุรกิจสู่ตลาดจีนของ “มิสทิน” และ “สเนลไวท์” พบว่า ทั้งสองแบรนด์ไทยได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดจีนโดยเริ่มต้นจากช่องทางออนไลน์ก่อนที่จะตั้งหน้าร้านจริงขึ้น ซึ่งช่องทางออนไลน์ที่สำคัญ อาทิ Tmall , JD.com , VIP.com , Jumei.com พร้อมกับการทำการตลาดผ่าน Social Network ต่าง ๆ อาทิ Kuaishou , Huoshan , Douyin (Tik Tok) และ Little Red Book เป็นต้น
การนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสู่จีน จะต้องได้รับ “ใบอนุญาต CFDA (China Food and Drug Administration)” ก่อน โดยข้อกำหนดการขอใบอนุญาตต้องใช้เวลาตามกระบวนการอย่างน้อย 6 เดือนจนถึง 3 ปี จึงทำให้ทั้งมิสทินและสเนลไวท์เล็งเห็นเครือข่ายออนไลน์เป็นช่องทางแรกสำหรับทำตลาดในจีน พร้อมกับทยอยยื่นขอใบอนุญาตดังกล่าวตามลำดับ จนในที่สุดมิสทินได้ประสบความเร็จเปิดร้านค้า MISTINE สาขาแรกของจีนใน Super Brand Mall ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าสัญชาติไทยในเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2561 ขณะที่สเนลไวท์ตั้งเป้าวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตามร้านขายเครื่องสำอางถึง 15,000 แห่งในเมืองสำคัญของจีนภายในปี 2562
กลยุทธ์น่าลองใช้.. “โลกออนไลน์” ได้ผลจริง!!
จากประสบการณ์ทำธุรกิจออนไลน์ของมิสทินพบว่า แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้มิสทีนประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ทำให้รู้จักและเข้าใจผู้บริโภค รวมทั้งเข้าใจคู่แข่งและการแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น เนื่องจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้ให้ข้อมูลการขายต่าง ๆ ทำให้สามารถทราบถึงความเคลื่อนไหวของยอดขายทั้งแบรนด์ตนเองและคู่แข่งด้วย
ระยะเวลา 2-3 ปีที่มิสทินเข้าทำตลาดในจีนอย่างจริงจัง ทำให้ยอดขายในปี 2562 สูงถึงประมาณ 5,000 ล้านบาท (ปีแรกที่เข้าตลาดจีนมียอดขายเพียงกว่า 100 ล้านบาท) ซึ่ง 90% ของยอดขายมาจากการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมิสทินสามารถทำยอดขายติดอันดับแบรนด์เครื่องสำอางที่มียอดขายสูงสุดอันดับ 7 บน TMALL เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ สินค้าเครื่องแต่งหน้าของมิสทินมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งแซงหน้าแบรนด์อินเตอร์หลายแบรนด์ในบางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่น ๆ ของจีนด้วย
อีกตัวอย่างประสบการณ์ความสำเร็จด้านการโปรโมทเพื่อเพิ่มยอดขายเครื่องสำอางในตลาดจีนที่น่าสนใจ คือ การใช้ “เน็ตไอดอล” บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่าง ๆ โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีเน็ตไอดอลหนุ่มหน้าหวานคนหนึ่ง ชื่อ “หลี่ เจียฉี 李佳琦” ซึ่งแนะนำลิปสติกแบรนด์ต่าง ๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น Douyin (ในไทย คือ Tik Tok) ซึ่งมีสถิติขายลิปสติกได้ 15,000 แท่งภายใน 5 นาที เหตุผลที่โด่งดังและทำให้ลิปสติกขายดีนั่นคือคำพูดโปรโมทที่สนุกสนานน่าสนใจ และผู้ที่คลิกชมเห็นว่าหนุ่มหน้าหวานผู้นี้ทาลิปสติกแล้วดูสวยจริงจนอยากไปซื้อมาใช้กันบ้าง โดยแบรนด์ที่มียอดขายถล่มทลายในจีนเพราะเนตไอดอลผู้นี้ ได้แก่ MAC , YSL , Charlotte Tilbury , Chanel และ ELLISFAAS เป็นต้น
แบรนด์น้องใหม่อย่าท้อใจ.. ตลาดจีน “ใหญ่” กินไม่หมดง่าย ๆ
หลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ธุรกิจสาขาผลิตภัณฑ์ความงามจึงโตขึ้นเช่นกัน โดยข้อมูลจากกรมสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า เมื่อปี 2561 จีนมีมูลค่าขายปลีกผลิตภัณฑ์ความงามกว่า 261,900 ล้านหยวน เบื้องต้นคาดการณ์ว่าปี 2562 จะมีมูลค่าขายปลีกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทะลุยอด 270,000 ล้านหยวน ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามในจีนมีขนาดใหญ่มาก พร้อมขยายตัวขึ้นต่อเนื่องตามสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งยังมีโอกาสเอื้อต่อแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามของไทย สำหรับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามน้องใหม่ของไทยที่สนใจขยายธุรกิจสู่ตลาดจีน อาจเริ่มต้นจากเข้าร่วมงานแฟร์ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาคู่ร่วมมือหรือตัวแทนกระจายสินค้าที่มีศักยภาพ เช่น
– China International Beauty Expo/ www.chinainternationalbeauty.com
จัดเป็นประจำทุกปี ปีละ 3 ครั้ง ได้แก่ นครกว่างโจว 2 ครั้ง (เดือนมีนาคมและกันยายน) และนครเซี่ยงไฮ้ 1 ครั้ง (เดือนพฤษภาคม)
– China Beauty Expo (CBE)/ www.chinabeautyexpo.com
จัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี
– Chengdu China Beauty Expo (CBE)/ www.cbebaiwen.com
จัดขึ้นในเดือนเมษายนและเดือนตุลาคมของทุกปีที่นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน
ผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ไทยมีคุณภาพดีไม่แพ้ประเทศอื่นใด อีกทั้งมีราคาสมเหตุผล จึงทำให้ผู้บริโภคจีนยุคใหม่เริ่มหันมาสนใจใช้สินค้าไทยมากขึ้น ประกอบกับคนจีนนิยมซื้อออนไลน์มาก จึงทำให้ช่องทางออนไลน์เป็นเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้เพื่อขยายธุรกิจสู่ตลาดจีน
————————————————————-
จัดทำโดย นายโอภาส เหลืองดาวเรือง และนางสาวพรฤทัย ศักดิ์สกุลพรชัย ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเซี่ยงไฮ้
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.posttoday.com หัวข้อ “Beauty Buffet บุกตลาดจีน-ขยายช่องทางหลากหลายในต่างประเทศ” วันที่ 8 ก.พ. 2562
https://www.sentangsedtee.com หัวข้อ “Konvy.com ดัน “Cute Press”เครื่องสำอางไทยเจาะตลาดกลุ่มคนจีน เข้าถึงทั้งออนไลน์-ออฟไลน์” วันที่ 19 ก.ค. 2561
https://www.ryt9.com หัวข้อ “มาส์กหน้า’เรย์’โชว์ความสำเร็จ ปั้นแบรนด์ไทยผงาดตลาดจีน” วันที่ 4 มิ.ย. 2561
https://www.brandbuffet.in.th หัวข้อ “พี่จีนจ๋า “มิสทิน…มาแล้วค่ะ” ปักธงตลาดจีนจุดยุทธศาสตร์ใหม่ ที่มีโอกาสมากกว่าแค่ธุรกิจเครื่องสำอาง” วันที่ 18 ก.ค. 2561
https://wordpress-575750-3895056.cloudwaysapps.com หัวข้อ “มิสทินมา (จีน) แล้วค่ะ!” วันที่ 28 ธ.ค. 2561
https://wordpress-575750-3895056.cloudwaysapps.com หัวข้อ “Snail White เปิดตัวผลิตภัณฑ์พร้อมพรีเซนเตอร์ไอดอลดัง กระแสตอบรับดีในตลาดจีน!” วันที่ 15 ม.ค. 2561
http://www.sohu.com หัวข้อ“2019年去泰国必买的化妆品清单,千万不能错过”วันที่ 17 ม.ค. 2562
http://www.sohu.com หัวข้อ“买买买!泰国化妆品必买清单”วันที่ 19 ก.ค. 2561
http://www.sohu.com หัวข้อ“2018年中国电子商务交易总额超30万亿,10年增长10倍”วันที่ 15 เม.ย. 2562
https://baijiahao.baidu.com หัวข้อ“李佳琦求你别再推荐口红了,这6支差点卖到断货” วันที่ 27 ก.พ. 2562
http://china-trade-research.hktdc.com หัวข้อ“中国化妆品市场概况”วันที่ 12 ก.ค. 2562