AmCham South China Mid-Year Report: ธุรกิจในจีนเป็นอย่างไรหลังการแก้ไขนโยบายโควิด-19
7 Sep 2023ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หอการค้าอเมริกันในจีนตอนใต้ (The American Chamber of Commerce in South China: AmCham South China) เผยแพร่รายงาน 2023 Mid-Year Report on Impact of COVID Policy Change ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลสถิติจากการสำรวจบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในจีน โดยเน้นการสำรวจผลกระทบภายหลังจีนปรับเปลี่ยนนโยบายโควิด-19 ตลอดจนนโยบายการยื่นขอวีซ่าและพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
การสำรวจเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 4 พฤษภาคม – 21 มิถุนายน 2566 มีบริษัทร่วมให้ข้อมูลทั้งสิ้น 185 แห่งจากสาขาอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยสาขาอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต ร้อยละ 42 ธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง ร้อยละ 10 และอุตสาหกรรมบริการการเช่าและบริการเชิงพาณิชย์ ร้อยละ 8 โดยบริษัทสัญชาติอเมริกันร่วมให้ข้อมูลมากที่สุด ร้อยละ 49 หรือราวกึ่งหนึ่งของบริษัททั้งหมด และบริษัทสัญชาติจีน (แผ่นดินใหญ่) มากเป็นอันดับ 2 ที่ร้อยละ 21
การฟื้นตัวของธุรกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19
ผลการสำรวจจากรายงานระบุว่า บริษัทร้อยละ 92 ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดแล้วบางส่วนหรือฟื้นตัวแล้วโดยสมบูรณ์ (ร้อยละ 56 ฟื้นตัวบางส่วน และร้อยละ 36 ฟื้นตัวโดยสมบูรณ์) ซึ่งหากแบ่งตามสัญชาติพบว่าบริษัทสัญชาติจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวทั้งหมด ขณะที่บริษัทสัญชาติอเมริกันฟื้นตัวแล้วร้อยละ 93 ทั้งนี้ ร้อยละ 27 ของบริษัทที่ยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566
ในด้านการเปลี่ยนแปลงของรายได้ รายงานระบุว่า ช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 บริษัทร้อยละ 49 มีรายได้ในจีนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยถึงมาก ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 อย่างไรก็ดี บริษัทร้อยละ 31 ยังคงประสบปัญหาขาดทุน อันเป็นผลจากการยกเลิกและการเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-COVID) จะยังคงมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2566 นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทที่มีรายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2566 จะพบว่า ในกลุ่มบริษัทสัญชาติจีนมีบริษัทร้อยละ 64 ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น นับเป็นตัวเลขสัดส่วนที่สูงกว่าบริษัทสัญชาติอื่น ในขณะที่กลุ่มบริษัทสัญชาติอเมริกันมีเพียงร้อยละ 38 ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม บริษัทสัญชาติจีนที่รายได้ลดลงในไตรมาสแรกของปี 2566 มีเพียงร้อยละ 13 ขณะที่บริษัทสัญชาติอเมริกันที่รายได้ลดลงมีสูงถึงร้อยละ 45
เมื่อจำแนกตามประเภทอุตสาหกรรม พบว่าอุตสาหกรรมภาคการอุปโภคบริโภคและภาคบริการมีแนวโน้มเติบโต โดยธุรกิจสินค้าและบริการภาคการอุปโภคบริโภค (Consumption Products and Services) กว่าร้อยละ 54 และธุรกิจบริการโดยผู้เชี่ยวชาญ (Professional Services) ร้อยละ 62 มีรายได้ในจีนเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 สวนทางกับบริษัทในภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่กว่าร้อยละ 46 หรือเกือบครึ่งหนึ่ง มีรายได้ลดลงประมาณร้อยละ 1 – 15 เมื่อเทียบกับรายได้ช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2565
วิสาหกิจมีแนวโน้มขยายการลงทุน
ประมาณร้อยละ 68 หรือกว่า 2 ใน 3 ของบริษัทที่ร่วมการสำรวจระบุว่า บริษัทยังมีความต้องการที่จะขยายการลงทุน (reinvestment) ในปี 2566 ตามแผนเดิมที่กำหนดไว้ก่อนจีนจะประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เมื่อปลายปี 2565 และไม่มีแผนที่จะปรับการลงทุน ขณะที่บริษัทอีกร้อยละ 32 มีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในโครงการขนาดต่าง ๆ อย่างไรก็ดี บริษัทที่แต่เดิมวางแผนขยายการลงทุนมูลค่าสูงกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพียงร้อยละ 2 เท่านั้นที่มีความประสงค์จะเพิ่มยอดการลงทุนภายหลังการปรับของนโยบายโควิด-19
ทั้งนี้ ผลการสำรวจครั้งนี้แสดงให้เห็นแนวโน้มเชิงบวกเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผลการสำรวจฉบับก่อนหน้า[1] ซึ่งจัดทำก่อนรัฐบาลจีนจะประกาศผ่อนคลายนโยบายควบคุมโควิด-19 โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า บริษัทกว่าร้อยละ 74 มีแผนขยายการลงทุนในปี 2566 ที่มูลค่าน้อยกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทเพียงร้อยละ 4 มีแผนขยายการลงทุนมูลค่าสูงกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เศรษฐกิจจีนยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัว
นาย Harley Seyedin ประธานหอการค้าอเมริกันในจีนตอนใต้ได้ให้ความเห็นว่า รายงานการสำรวจฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า จีนกำลังอยู่บนเส้นทางของการฟื้นตัวที่ช้าแต่มั่นคง และจีนจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกดังที่เคยเป็นมาในอดีตต่อไป ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นปี 2566 หอการค้าอเมริกันในจีนตอนใต้ได้จัดทำรายงานพิเศษเกี่ยวกับสถานะของธุรกิจในจีนตอนใต้ ประจำปี 2566 (2023 Special Report on the State of Business in South China)[2] เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุนและประเมินสถานการณ์ภาพรวมของบริษัทที่ประกอบธุรกิจในจีน แต่เนื่องจากรายงานดังกล่าวจัดทำขึ้นจากข้อมูลที่รวบรวม ณ ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2565 ก่อนการประกาศผ่อนคลายนโยบายควบคุมโควิด-19 เพียงไม่นาน ผลสำรวจจึงยังไม่สะท้อนถึงท่าทีของผู้ประกอบการที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงของนโยบายโควิด-19 ดังนั้น รายงานฉบับล่าสุดนี้จึงมีส่วนช่วยให้เห็นถึงการตัดสินใจของผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งรายได้ รูปแบบการดำเนินธุรกิจ แผนขยายการลงทุน และสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจในช่วง 6 เดือนภายหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
หอการค้าอเมริกันในจีนตอนใต้ (AmCham South China) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีเป้าหมายส่งเสริมการค้าแบบทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และจีน ได้รับการรับรองโดยหอการค้าสหรัฐฯ ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อปี ค.ศ. 1995
แหล่งที่มาข้อมูล
https://www.scmp.com/economy/china-economy/article/3229594/southern-china-firms-refraining-big-investments-amid-cautious-confidence-amcham-finds
https://finance.yahoo.com/news/amcham-south-china-study-business-010000553.html
http://www.amcham-southchina.com/amcham/static/publications/specialreport.jsp
[1] รายงาน 2023 Special Report on the State of Business in South China จัดทำโดย AmCham South China
[2] บทความเพิ่มเติม: https://wordpress-575750-3895056.cloudwaysapps.com/article/amcham2023-03052023/