โอกาส “รังนกไทย” ในตลาดจีน: รู้จักตลาดรังนกจีน (ตอนที่ 1)
30 Dec 2019จัดทำโดย…นายกฤษณะ สุกันตพงศ์
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC)
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
ด้วยสรรพคุณทางยาชนิดที่เรียกว่า “ครอบจักรวาล” ตามความเชื่อในศาสตร์แพทย์แผนจีนที่สืบทอดมายาวนานหลายพันปี ทำให้ “รังนกนางแอ่น” ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารเสริมสุขภาพชั้นยอดที่เป็นที่นิยมสำหรับผู้บริโภคชาวจีนเป็นอย่างมาก จากการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่า “รังนก” ช่วยเสริมความงามของผิว จึงเป็นที่นิยมมากเป็นพิเศษในหมู่หญิงสาวชาวจีน ทำให้สินค้าฟุ่มเฟือยชนิดนี้มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วในตลาดผู้บริโภคชาวจีน
ฉายา “คาร์เวียร์แห่งโลกตะวันออก” หรือบ้างก็เรียกทองคำขาว คงพอจะสะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจของ “รังนกนางแอ่น” จำนวนที่น้อยและความหายาก ทำให้ซุปรังนกเป็นอาหารที่มีราคาแพงติด 1 ใน 10 ของโลกโดยสื่อต่างประเทศ
รู้หรือไม่ว่า…จีนเป็นประเทศที่มีการบริโภครังนกมากที่สุดในโลก กว่า 90% ของรังนกที่ผลิตได้จากทั่วโลกถูกส่งไปจำหน่ายในประเทศจีน ทั้ง “รังนกดิบ” (raw bird’s nest) หรือบ้างก็เรียก “รังนกขน” ซึ่งเป็นรังนกธรรมชาติที่ยังไม่ผ่านกระบวนการคัดขนและสิ่งแปลกปลอม “รังนกบริสุทธิ์” ซึ่งผ่านการคัดแยกขนและทำความสะอาดแล้ว และรังนกที่ผ่านการแปรรูปเป็น “ผลิตภัณฑ์รังนกสำเร็จรูป” โดยแหล่งนำเข้าหลัก (ที่จีนอนุญาต) มาจาก 3 ประเทศหลัก ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศไทย
เส้นทางรังนกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มองย้อนไปเมื่อปี 2554 ธุรกิจนำเข้ารังนกในจีนส่อแววไม่สดใส หลังจากที่ทางการจีนสั่งระงับการนำเข้ารังนก (ที่ยังไม่แปรรูป) จากต่างประเทศ รวมถึงรังนกไทย การหักดิบธุรกิจรังนกนำเข้าของรัฐบาลจีนมีสาเหตุมาจากการตรวจพบสารไนไตรท์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระดับเกินมาตรฐาน (มากกว่า 30 ppm) ปนเปื้อนอยู่ในรังนกมาเลย์ที่ผู้ประกอบการหัวใสใช้อุจจาระของนกนางแอ่นมาบ่มรังนกให้เป็นสีแดงคล้ายรังนกเลือด และปัญหารังนกปลอมทะลักเข้าสู่ตลาดจีน
ในปี 2556 วิกฤตรังนกในจีนเริ่มคลี่คลายหลังการเจรจาหลายฝ่าย รัฐบาลจีนได้ทยอยอนุญาตให้ประเทศมาเลเซีย (ปี 2556) อินโดนีเซีย (ปี 2557) และไทย (ปี 2560) ส่งออกรังนกบริสุทธิ์ไปยังจีนได้ตามลำดับ พร้อมนำกลไกการตรวจสอบที่เข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นทะเบียนแหล่งผลิต/ผู้ส่งออก การนำระบบตรวจสอบย้อนกลับมาใช้เพื่อสร้างหลักประกันด้านคุณภาพมาตรฐานของ “รังนกบริสุทธิ์” ที่จะส่งออกไปยังประเทศจีน โดยมีคณะกรรมการกำกับการรับรองและอนุญาตเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์แห่งชาติจีน (CNCA- Certification and Accreditation Administration of the People’s Republic of China) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในเรื่องนี้
ใช่ครับ มีเพียง “รังนกบริสุทธิ์‘” เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ส่งเข้าไปยังจำหน่ายในจีน ทางการจีนยังคงปิดประตูการนำเข้า “รังนกดิบ” เนื่องด้วยความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกและการเจือปนของสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย จนกระทั่งปี 2559 รัฐบาลจีนเซย์เยสกับ “พิธีสารรังนกดิบ” ที่กรุงปักกิ่ง ทำให้มาเลเซียกลายเป็นชาติเดียวในโลกที่สามารถนำ “รังนกดิบ” วิ่งเข้าเส้นชัยในตลาดจีน “ใบเบิกทาง” รังนกดิบช่วยให้มาเลเซียบุกเข้าตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมีการตรวจสอบวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงกระบวนการนำเข้าอย่างเข้มข้นจากหน่วยงานจีนเสียก่อน
มีการประเมินว่า มูลค่าของตลาดรังนกดิบในจีนน่าจะสูงแตะหลักแสนล้านบาทต่อปี ตัวเลขการนำเข้าเฉพาะ “รังนกแห้ง” บนแพลตฟอร์ม Chinese Bird Nest Traceability Management Service Platform (หน่วยงานที่ขึ้นทะเบียนและ CAIQ ตรวจสอบย้อนกลับสำหรับรังนกนำเข้าไปจีน) ระบุว่า ช่วง 5 ปี หลังจากที่จีนกลับมาอนุญาตให้มีการนำเข้ารังนก ปริมาณการนำเข้ารังนกแห้งมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว กล่าวคือ เมื่อปี 2557 ปริมาณนำเข้าอยู่ที่ 3.09 ตัน ในปี 2561 ตัวเลขการนำเข้าพุ่งทะยานไปอยู่ที่ 105.2 ตัน ซึ่งคิดเป็นอัตราขยายตัวสูงถึง 34 เท่า ซึ่งนี่ยังไม่นับรวมตลาดใต้ดินที่มีมูลค่าการค้าอีกมหาศาล ซึ่งในบางรายงาน ชี้ว่า รังนกที่เข้าจีนแบบถูกกฎหมายมีน้อยมาก ซึ่งตัวเลขอย่างเป็นทางการอาจจะเป็นเพียง 10% ของการนำเข้าทั้งหมดก็เป็นได้
ในปี 2561 อินโดนีเซียยังคงรั้งเก้าอี้ผู้ส่งออกรายใหญ่ในตลาดจีนด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 67.11% ตามมาด้วยมาเลเซีย 31.65% ขณะที่ไทยมีส่วนแบ่งเพียง 1.23% เท่านั้น อย่างไรก็ดี กลับมองได้ว่า รังนกไทยยังมีโอกาสรุกขยายส่วนแบ่งในตลาดรังนกแห้งของจีนได้อีกมาก เนื่องจากจีนเพิ่งปลดล็อกการนำเข้ารังนกไทยเมื่อปี 2560 ซึ่งไทยส่งออกไปจีน 0.1 ตัน แต่เมื่อปีที่แล้ว (ปี 2561) ยอดส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ตัน ซึ่งคิดเป็นอัตราขยายตัวสูงถึง 12 เท่าตัว ขณะที่อินโดนีเซียและมาเลเซีย มีอัตราขยายตัวที่ 27.4% และ 28.5% ตามลำดับ
สมาคมธุรกิจรังนกมณฑลกวางตุ้ง คาดการณ์ว่า ปี 2562 แนวโน้มการนำเข้ารังนกของจีนจะขยายตัวสูงถึง 90% ปริมาณนำเข้าน่าจะทะลุ 200 ตัน และการนำเข้ารังนกของจีนจะยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอปี 2564 จีนจะมีปริมาณการนำเข้ารังนกราว 450 ตัน โดยรังนกมาเลเซียครองส่วนแบ่งในตลาดรังนกนำเข้ามากที่สุด ขณะที่การนำเข้ารังนกไทยยังขยายตัวได้ไม่มากพอ เนื่องจากปัจจัยภายในและภายนอกที่เป็นอุปสรรคในการส่งออกรังนกมาจีน
แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลจากแบรนด์รังนกยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Yanzhiwu (燕之屋) ที่ชี้ว่า ยอดขายรังนกมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 40% ในกลุ่มสินค้าบำรุงสุขภาพในจีน และแบรนด์ Xiaoxiandun (小仙炖) ระบุว่า ผลิตภัณฑ์รังนกเป็นสินค้าที่มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นและมีอัตราขยายตัวรวดเร็วที่สุดในกลุ่มสินค้าบำรุงสุขภาพ
ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2562 ในกลุ่มสินค้าบำรุงสุขภาพ ยอดจำหน่ายรังนกมีอัตราขยายตัวที่ 40% เฉพาะเทศกาลช็อปปิงวันคนโสด 11.11 ของกลุ่มบริษัทอาลีบาบากรุ๊ป พบว่า แบรนด์ผลิตภัณฑ์รังนกครอง 6 อันดับในตารางการจัดอันดับ Top 10 แบรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งแบรนด์ Yanzhiwu และ Xiaoxiandun มียอดขายวันเดียวทะลุหลักร้อยล้านหยวน จึงเห็นได้ว่า ชาวจีนส่วนใหญ่เชื่อว่ารังนกเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพชั้นยอด และโอกาสของรังนกในตลาดจีนนั้นยังคงมีความสดใสมาก
…ในตอนต่อไป บีไอซีจะนำท่านผู้อ่านไปรู้จักช่องทางการทำตลาดรังนกในจีน….
*********************