โอกาสธุรกิจ SME ไทย เมื่อไห่หนานยกระดับการท่องเที่ยว และยกเว้นวีซ่าแก่ 59 ประเทศทั่วโลก
29 May 2018โฆษกสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาตินายกัว หลิน แถลงว่านโยบายฟรีวีซ่าของมณฑลไห่หนานจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและเร่งการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมความเป็นสากลที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นหน้าต่างที่เปิดไปสู่ “ความฝันจีน” ที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไห่หนานและสร้างเศรษฐกิจที่สามารถเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ เมื่อมณฑลไห่หนานมีนโยบายที่เป็นการกรุยทางสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญในพื้นที่แล้ว จึงเป็นโอกาสทางการค้าที่สำคัญสำหรับภาคธุรกิจในพื้นที่หรือภาคธุรกิจจากต่างประเทศ โดยเฉพาะไทย
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประกาศยกเว้นวีซ่าแก่ชาวต่างชาติจาก 59 ประเทศทั่วโลก[1] รวมถึงนักท่องเที่ยวจากไทย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายังมณฑลไห่หนาน และอยู่ได้นานถึง 30 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 นายฉู่ว์ หยุนไห่ รองผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่านโยบายดังกล่าวครอบคลุมเนื้อหาสำคัญ 3 ประการได้แก่
– ขยายขอบเขตการยกเว้นวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจากเดิมให้แก่ 26 ประเทศ ขยายเป็น 59 ประเทศ
– ยืดระยะเวลาพำนักจากเดิม 15-21วัน เพิ่มเป็น 30 วันทั้งหมด
– ผ่อนคลายข้อกำหนดการยกเว้นวีซ่า จากเดิมให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาโดยบริษัททัวร์ ให้ครอบคลุมถึงนักท่องเที่ยว FIT (Free and Independent Traveler) ที่เดินทางด้วยตนเองด้วย
ธุรกิจไหนได้ประโยชน์จากนโยบายยกเว้นวีซ่า
นโยบายยกเว้นวีซ่าของมณฑลไห่หนานถือเป็นนโยบายตรวจคนเข้าเมืองที่เปิดกว้างที่สุดเท่าที่จีนเคยมีมา นับตั้งแต่ปี 2543 ที่รัฐบาลกลางประกาศยกเว้นวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในมณฑลไห่หนานผ่านบริษัทท่องเที่ยวจาก 21 ประเทศ โดยมีระยะเวลาพำนัก 15 วัน หลังจากนั้นเพิ่มจำนวนเป็น 26 ประเทศในปี 2553 และล่าสุดเพิ่มเป็น 59 ประเทศ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 โดยยังขยายขอบเขตการยกเว้นวีซ่าให้ครอบคลุมนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง (Free Individual Traveler; FIT) อีกด้วย ซึ่งหากมองในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวบนเกาะไห่หนานเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 78 ในปี 2560 โดยกิจการธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบทางบวก ได้แก่
ธุรกิจบริการ โรงแรมและรีสอร์ท เป็นธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับอัตราขึ้นลงของจำนวนนักท่องเที่ยวโดยตรง จากตัวเลขสถิติของปี 2559 ไห่หนานมีนักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนกว่า 34.74 ล้านคน โรงแรมกว่า 876 แห่ง ห้องพักจำนวน 129,916 ห้อง อัตราการจองห้องพัก (Room Occupancy rate) ร้อยละ 60.67 นอกจากนี้บนเกาะไห่หนานยังมีโรงแรมไทยจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมอนันตรา รีสอร์ตแอนด์สปา ซานย่า โรงแรมดุสิตธานี หลิงสุ่ย ไห่หนาน และ โรงแรมดุสิตเดวาราณาเป่าถิง ไห่หนาน
ธุรกิจบริการ ร้านอาหารและกิจกรรมท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง ปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวไว้ได้นานและยอมใช้จ่ายมากขึ้น คือกิจกรรมการท่องเที่ยว การบริการเพื่อการผ่อนคลาย อาทิ สปา ร้านนวด และร้านอาหาร รัฐบาลไห่หนานได้จัดวางสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานไว้อย่างครบครัน เพื่อเติมเต็มและอำนวนควมสะดวกในการเดินทาง แต่อย่างไรก็ดี มณฑลไห่หนานยังมีข้อจำกัดด้านประสบการณ์และคุณภาพของการบริการในพื้นที่ ซึ่งเป็นช่องว่างที่ยังรอการเติมเต็ม
ธุรกิจค้าปลีกห้างสรรพสินค้าซุปเปอร์มาเก็ต เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวสูงขึ้นธุรกิจค้าปลีกโดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าย่อมได้รับประโยชน์โดยตรงจากปริมาณการบริโภคที่สูงขึ้นตาม ในปี 2559 มูลค่าการค้าปลีกของมณฑลไห่หนานเท่ากับ 120,429 ล้านหยวน ขยายตัวร้อยละ 9.8 นครไหโข่วเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการบริโภคสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 45 ของทั้งมณฑล ปัจจุบันห้างซุปเปอร์มาเก็ตค้าปลีกในไห่หนานมีทั้งที่เป็นการลงทุนจากต่างชาติ อาทิ คาร์ฟู (ฝรั่งเศส) RT-Mart (ไต้หวัน) และการลงทุนของจีนเอง อาทิ กลุ่มบริษัท Wangfujing กลุ่มบริษัท Dalian Wanda และห้างสรรพสินค้าซุปเปอร์มาเก็ตหนานกั๋ว (南国超市) ที่ได้รับความนิยมจากคนในท้องถิ่น
ธุรกิจสายการบิน เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากนโยบายกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไห่หนาน ซึ่งจะทำให้การแข่งขันของธุรกิจการบินยิ่งดุเดือดมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันเส้นทางการบินไทยมายังมณฑลไห่หนานมีค่อนข้างหลากหลาย อาทิ สานการบิน China Southern Airline Hong Kong Airline Shenzhen Airline Carthey Pacific – ไทยบินตรงไห่หนาน
สถานการณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการไห่หนาน
เกาะไห่หนานแยกออกมาจากมณฑลกวางตุ้งในปี 2531 มีขนาดพื้น 35,400 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ทางทะเล 2 ล้านตารางกิโลเมตร (พื้นที่ของเกาะใหญ่กว่าจังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอนรวมกันเล็กน้อย) เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศชายทะเลที่สำคัญของประเทศจีน ได้รับฉายาว่าเป็น “ฮาวายของจีน” ในปี 2561 GDP ของเกาะไห่หนานเท่ากับ 446,254 ล้านหยวน ซึ่งกว่าร้อยละ 50 ของ GDP มาจากภาคการท่องเที่ยว และการบริการอื่น ๆ เกาะไห่หนานยังได้รับการพัฒนาให้เป็นเกาะท่องเที่ยวนานาชาติของจีนเมื่อปี 2553 และเริ่มมีนโยบายส่งเสริมการการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ นโยบายการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยวในปี 2554 และนโยบายสินค้าปลอดภาษีให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและต่างชาติที่เดินทางออกจากไห่หนานโดยไม่ต้องออกนอกประเทศ กำหนดเพดานการจับจ่ายปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 8,000 หยวน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเพดานจำนวนเงินเป็น 50,000 หยวนต่อปีในอนาคต
ในปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวกว่า 67.45 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ12 โดยสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากในประเทศยังคงสูงถึงกว่าร้อยละ 90 ซึ่งหากมองในส่วนของรายได้ก็สอดคล้องกับสัดส่วนของนักท่องเที่ยว โดยรายได้จากการท่องเที่ยวเท่ากับ 81,199 ล้านหยวน (คิดเป็นร้อยละ 22.36 ของรายได้การท่องเที่ยวไทย) มาจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ชี้ว่ามณฑลไห่หนานยังคงห่างไกลจากการเป็นเกาะนานาชาติของจีนอยู่มาก
ถึงแม้ปัจจุบันรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการมณฑลไห่หนานยังคงมาจากนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก แต่สถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไป เพราะตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 มณฑลไห่หนานเริ่มดำเนินนโยบายผ่อนคลายระเบียบการตรวจคนเข้าเมือง โดยเพิ่มจำนวนประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเพื่อเข้ามาท่องเที่ยวและขยายเวลาพำนักให้ยาวขึ้น นโยบายนี้จะกลายเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่จะผลักดันให้เกาะไห่หนานกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกได้ในไม่ช้าส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการขยายสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เพิ่มสูงขึ้น สร้างสิ่งแวดล้อมด้านการลงทุนให้ดีขึ้น ให้รวมถึงเพื่อบรรลุเป้าหมายของการเป็น “เกาะท่องเที่ยวนานาชาติของจีน” และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็น Free-Trade Zone แห่งที่ 15 ของจีนในปี 2563 และเขตนำร่อง Free-Trade Port ในปี 2568
โอกาสของธุรกิจ SME ไทยในมณฑลไห่หนาน
ไห่หนานมีรายได้หลักจากสินค้าเกษตรและการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 80 ยังคงเป็นชาวจีนจากมณฑลอื่น ๆ การดำเนินนโยบายที่จะเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มีสัดส่วนที่สูงขึ้นจะเป็นการกระตุ้นการบริโภคให้ขยายตัวสูงขึ้น ดั่งที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวไว้ได้นานและยอมใช้จ่ายมากขึ้น คือกิจกรรมการบริการและการท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพ (Health & Wellness) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ SME ไทยมีศักยภาพ ซึ่งครอบคลุมธุรกิจหลากหลายประเภท อาทิ การรักษาพยาบาล ศัลยกรรมความงาม อาหารเพื่อสุขภาพ ร้านอาหาร สปา ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม อาทิ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าและบริการที่ไทยได้เปรียบในเรื่องคุณภาพและความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไห่หนานที่กำลังผลักดันให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นฮับด้าน Medical Tourism ของจีน ดึงดูดผู้สูงอายุจากภูมิภาคต่าง ๆ ของจีน ให้เข้ามารักษาพยาบาล ใช้บริการด้านสุขภาพ พักผ่อนที่เกาะไห่หนาน จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ประกอบการควรเข้าไปศึกษาตลาด เสาะหาโอกาส เพื่อที่จะนำสินค้าและบริการของไทยเข้าไปบุกตลาดไห่หนาน
SME ต้องปรับก่อนบุก
หาก SME ด้าน Health & Wellness ของไทยสามารถเข้าไปบุกในตลาดการท่องเที่ยวและการบริการของมณฑลไห่หนานได้ ไม่เพียงแต่ตอบโจยท์การมุ่งการเป็นฮับด้าน Medical Tourism เท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าไปยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่การที่จะนำสินค้าและบริการเข้าไปแล้วประสบความสำเร็จนั้น ไม่สามารถที่จะพึ่งพาคุณภาพได้เพียงอย่างเดียว ยังจะต้องคำนึงถึงปัจจัยอีกหลายประการ โดยเฉพาะการกำหนดกลุ่มลูกค้าเพราะการทำตลาดแบบ mass marketing ไม่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อีกต่อไป พฤติกรรมการบริโภคที่เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ รวมถึงควบคุมต้นทุนให้สามารถมีความได้เปรียบหรือสูสีกับสินค้าเดิมในตลาด นอกจากนี้ต้องไม่ลืมที่จะสร้างความแตกต่างให้แก่สินค้า มีบรรจุภัณฑ์ที่น่าสนใจ แยกสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยวกับสินค้าเพื่อการบริโภคจริงออกจากกัน ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในตลาดจีน ที่ผู้ประกอบการไทยต้องรู้และปรับก่อนที่จะนำสินค้าและบริการต่าง ๆ เข้ามาในเกาะไห่หนาน
อย่าลืม Go Offline
รูปแบบการจำหน่ายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้รับความนิยมสูงขึ้นมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อปี2561 มณฑลไห่หนานมีมูลค่าการซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์กว่า 23,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.7 ซึ่งการขยายตัวของการบริโภคออนไลน์ยังมีอยู่มาก แต่ทว่าหากสินค้าของผู้ประกอบการเป็นสินค้าสำหรับการท่องเที่ยวและการบริการในพื้นที่ การเลือกการตลาดแบบ Offline ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่มีเวลามากพอที่จะรอรับสินค้า ซึ่งโดยปกติใช้เวลาประมาณ 2-3 วันและหากสินค้ามีปัญหา ต้องการเปลี่ยนหรือคืน ก็อาจจะกลายเป็นฝันร้ายที่สร้างความรำคาญใจให้กับผู้บริโภคได้ ดังนั้น การมุ่งเน้นการจำหน่ายแบบ Offline ในมณฑลไห่หนาน เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ของสินค้าและบริการจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการความสำคัญเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันห้างซุปเปอร์มาเก็ตค้าปลีกมากมายในไห่หนาน มีทั้งที่เป็นการลงทุนจากต่างชาติ อาทิ คาร์ฟู (ฝรั่งเศส) RT-Mart (ไต้หวัน) และการลงทุนของจีนเอง อาทิ กลุ่มบริษัท Wangfujing กลุ่มบริษัท Dalian Wanda และห้างสรรพสินค้าซุปเปอร์มาเก็ตหนานกั๋ว (南国超市) ที่ได้รับความนิยมจากคนในท้องถิ่น
โอกาสความร่วมมือระหว่างองค์กร
ไห่หนานนอกจากจะเป็น “เกาะฮาวาย” ของจีนแล้ว ในปี 2556 รัฐบาลไห่หนานได้จัดตั้งเขตนำร่องการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ นานาชาติ ป๋ออ่าว เล่อเฉิง (Bo‘ao Lecheng International Medical Tourism Pilot Zone) ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทศาสตร์ปฏิรูปและเปิดกว้างสู่การเปิดเขตการค้าเสรีในปี 2020 เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเป็นฮับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของจีน โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมารัฐบาลกลางยังได้ออกประกาศผ่อนคลายการควบคุมการนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ จากเดิมที่จะอนุญาตนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะจากบริษัทที่มีตัวแทนหรือสาขาที่ตั้งอยู่ในจีนเท่านั้น ให้มณฑลไห่หนานสามารถนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่บริษัทผู้ผลิตไม่ได้ตั้งอยู่ในจีนได้ เพื่อใช้ในกิจกรรมทางการแพทย์ที่เร่งด่วนภายในเขตนำร่องฯ
มณฑลไห่หนานมีเพียงโรงพยาบาล 3 แห่งที่ได้รับมาตรฐาน JCI (Joint Commission International) ได้แก่ โรงพยาบาล Reher Cosmetic โรงพยาบาล Hainan Modern Women & Infants และโรงพยาบาล Hainan Modern Women and Children’s อีกทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของมณฑลไห่หนานอยู่ในระยะเริ่มเต้น ขลาดแคลนทั้งจำนวนของสถานพยาบาลระดับสูง อุปกรณ์การแพทย์ เทคโนโลยี รวมถึงประสบการณ์ในการบริหารจัดการ ทำให้หน่วยงาน สถานพยาบาลในไห่หนานจำเป็นต้องไค่วคว้าหาความร่วมมือจากรอบด้าน ในขณะที่ไทยมีโรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐานดังกล่าว กว่า 64 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้งยังเพรียบพร้อมด้วยมีประสบการณ์และการจัดการที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นความได้เปรียบของโรงพยาบาลไทย หากจะเข้าไปหาโอกาสของความร่วมมือในพื้นที่ดังกล่าว
ล่าสุดบริษัท Evergrande Health บริษัทด้านสุขภาพในเครือ China Evergrande Group ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง จับมือกับ the Brigham and Women’s Hospital Affiliated และ Harvard Medical School (BWH) สหรัฐอเมริกา เข้าไปลงทุนและเปิดโรงพยาบาล Boao Evergrande International ในเขตนำร่องการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ นานาชาติ ป๋ออ่าว เล่อเฉิง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าโรงพยาบาลในไห่หนานยังคงต้องการความร่วมมือในด้านต่าง ๆ จากโรงพยาบาลและหน่วยงานทั่วโลก ซึ่งโอกาสของไทยก็ยังมีอยู่มาก
[1] บุคคลต่างด้าวถือหนังสือเดินทางธรรมดาเข้าราชอาณาจักรไทยเพื่อการท่องเที่ยวโดยได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประมาณ 60 ประเทศ