เพิ่มมูลค่าสินค้าไทยด้วยลูกเล่นแพคเกจจิ้ง (2) ตอน พลังแห่งการเรียกลูกค้า
2 Jun 2016จากความเดิมตอนที่แล้ว (บทความ “เพิ่มมูลค่าสินค้าไทยด้วยลูกเล่นแพคเกจจิ้ง ตอน เคล็ดลับการตลาดเงินล้าน”) ท่านผู้อ่านคงทราบถึงลูกเล่นการตลาดสุดมีเอกลักษณ์ของประเทศที่ให้ความสำคัญกับการใช้แพ็คเกจจิ้งดึงดูดลูกค้ากันไปแล้ว แต่ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า ในแต่ละลูกเล่นนั้นล้วนมีกลยุทธ์แนบเนียนแฝงอยู่ด้วย ในบทความนี้ BIC ขอสรุปกลยุทธ์แนบเนียนเรียกลูกค้ามาให้ท่านผู้อ่านเห็นกันจะจะ ดังนี้
1. พลังแห่งการใส่ใจ การจะขายสินค้าชนิดหนึ่งให้ประสบความสำเร็จย่อมมาจากการวางแผนและคิดแทนลูกค้าในทุกขั้นตอน ยกตัวอย่างเช่น การขายน้ำผลไม้หนึ่งกล่อง เราต้องคิดเสมือนเราเป็นลูกค้าตั้งแต่การออกแบบแพคเกจจิ้งให้สีสันโดดเด่นเมื่อวางบนชั้น การสร้างความสะดวกสบายเมื่อลูกค้าฉีกพลาสติกหุ้มหลอดออกง่าย ดื่มสะดวก รสชาติอร่อย ทิ้งสะดวก โดยออกแบบให้ลูกค้าสามารถดึงหลอดให้สั้น พับใส่กล่อง โดยคนญี่ปุ่นมักฉีกปีกกล่องและพับให้แบนเพื่อประหยัดเนื้อที่ในถังขยะ และใต้ฝากล่องจะมีข้อความว่า “ขอบคุณนะที่ช่วยพับกล่อง” (ถ้าไม่ฉีกพับกล่อง จะไม่เห็นข้อความตรงนี้ เป็นลูกเล่นที่ซ่อนเล็ก ๆ)
2. พลังแห่งการเล่าเรื่องราว การเล่าเรื่องราวจากวิธีการทำ ประวัติความเป็นมา ตำนาน เพื่อนำจุดเด่นนั้นมาสร้างเป็นความทรงจำให้ลูกค้าและเพิ่มมูลค่าให้แบรนด์และสินค้า ดังเช่น “Li Ning” (หลี่หนิง) เป็นแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องกีฬาอันดับหนึ่งของประเทศจีน โดยผู้ก่อตั้งคือ คุณหลี่ หนิง อดีตนักยิมนาสติกแชมป์โลกและแชมป์โอลิมปิกของจีนเมื่อ 20 กว่าปีก่อน หลังจากเลิกเล่นยิมนาสติกแล้ว คุณหลี่ หนิง ก็ผันตัวเข้าสู่วงการธุรกิจ โดยในปี 2533 ได้ก่อตั้งบริษัทเครื่องกีฬาภายใต้ชื่อตัวเองขึ้นมา เรื่องราวเหล่านี้ทำให้ผู้ซื้อเกิดความวางใจในคุณภาพและเชื่อมั่นในแบรนด์จากความสามารถและความสำเร็จของผู้ก่อตั้ง ดังนั้น หากแบรนด์ของคุณยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ จงสร้างขึ้นมา!
3. พลังแห่งการออกแบบ มีหนังสือขายดีในญี่ปุ่นกล่าวว่า “มนุษย์ตัดสินใจจากรูปลักษณ์ภายนอกกว่า 90 เปอร์เซนต์” เพราะพลังแห่งการออกแบบแพคเกจจิ้งสามารถเปลี่ยนแปลงสินค้าธรรมดาให้เป็นสินค้าตัวทำกำไรได้อย่างน่าทึ่ง เช่น การปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าและการทำตลาดของ Huawei ที่หันมาเจาะตลาดกลุ่ม High – end เป็นหลัก ด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามาสร้างความแตกต่าง พร้อมกับสร้างแบรนด์ไปในตัว ทำให้ภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกมองว่าเป็นแบรนด์จีนราคาถูกอีกต่อไป
4. พลังแห่งการเจาะจง คือ การเจาะจงเฉพาะสิ่งที่ใช่ที่สุดเพียงอย่างเดียว ดังที่สตีฟ จ๊อบส์ เคยกล่าวไว้ สิ่งนี้จะทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายว่า บริษัทนั้นขายอะไร บริษัทเองก็สามารถทุ่มเทพลังและการพัฒนาสินค้าไปในทางเดียวกันได้ ดังเช่น การออกแบบแพคเกจจิ้งของผลิตภัณฑ์ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรือ iPod โดยใช้แนวคิด Minimalism (งานศิลปะที่ใช้สิ่งของน้อยชิ้น แต่ให้คุณค่ามาก) โดยโฟกัสเฉพาะสิ่งที่ต้องการนำเสนออย่างเรียบง่าย แต่ดูดีและเน้นการใช้ประโยชน์ เห็นได้จากในกล่องผลิตภัณฑ์จะมีเฉพาะสินค้าและคู่มือการใช้สินค้าที่อธิบายฟังค์ชั่นสำคัญที่จำเป็นต้องรู้เท่านั้น ผลก็คือลูกค้าสามารถเข้าใจได้ง่าย ชื่นชอบ และเกิด Brand Loyalty ในที่สุด อีกตัวอย่างสุดคลาสสิคคงเป็นเรื่องราวของโค้กขวดแก้ว เพราะไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน โค้กก็ยังใช้ขวดแก้ว เพราะให้ความรู้สึกถึงการมีคุณค่าทางจิตใจ และยังเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดังมากมาย
5. พลังแห่งครอบครัว จีนให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอย่างมาก เทศกาลต่าง ๆ มักผูกโยงกับการใช้เวลาร่วมกับครอบครัว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคงหนีไม่พ้นการที่ทุกแบรนด์มุ่งออกกลยุทธ์การตลาดให้ซื้อสินค้าแบรนด์ของตนกลับบ้านไปเป็นของฝากครอบครัวในเทศกาลตรุษจีน โดยออกแบบแพคเกจจิ้งที่เหมาะสำหรับการเดินทาง และสะดวกกับการหิ้วเป็นของฝากกลับบ้าน
จัดทำโดย นางสาวชนิกานต์ การวิวัฒน์
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้
ข้อมูลอ้างอิง
1.ข้อมูลจากเว็บไซต์ pantip.com วันที่ค้นหา 25 ธันวาคม 2556 ในหัวข้อ เมื่อแพ็กเกจจิ้งพูดได้
2.ข้อมูลจากเว็บไซต์ smethailandclub.com วันที่ค้นหา 25 ธันวาคม 2556 ในหัวข้อ 7 เทรนด์ แพ็คเกจจิ้งมาแรงปี 2014
3. ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.krungsri.com วันที่ 11 พฤษภาคม 2558 ในหัวข้อ ทำไมใคร ๆ ก็ติดใจสินค้าญี่ปุ่น : กับแนวทางการตลาดที่ปรับใช้ได้กับตลาดไทย ๆ
4. ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต