เจาะอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนและรถยนต์เมืองเป่าจี ฐานการผลิตและส่งออกหลักของมณฑลส่านซี
24 Aug 2020เมืองเป่าจี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของมณฑลส่านซี มีขนาดพื้นที่ 18,117 ตร.กม. ใหญ่เป็นลำดับที่ 6 ของมณฑลส่านซี ในอดีตชื่อ “เมืองเฉินชาง (陈仓) มีความหมายว่า “จุดเริ่มต้น” เป็นเมืองที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากนครซีอาน โดยมีความสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เป็นที่ตั้งของวัดฝ่าเหมินที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และได้ชื่อว่าบ้านเกิดของเครื่องสำริดโบราณ” (Home of Bronze Ware, The Land of Buddha Bone)
ในด้านภูมิศาสตร์ เมืองเป่าจีมีอาณาเขตติดต่อกับ 3 มณฑล ได้แก่ มณฑลกานซู เสฉวน และเขตฯ หนิงเซี่ยหุย ทำให้ได้เปรียบในการเป็นจุดศูนย์กลางการขนส่งผู้โดยสารและกระจายสินค้าที่ผลิตในพื้นที่อีกด้วย
เมืองเป่าจียังเป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญ โดยเป็น ฐานการผลิต 9 อุตสาหกรรมหลักของมณฑลส่านซี ได้แก่ (1) อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนและรถบรรทุกขนาดใหญ่ (2) อุตสาหกรรมหลอมแร่และแปรรูปผลิตภัณฑ์จากแร่ธาตุ (3) อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกล (4) อุตสาหกรรมผลิตท่อส่งน้ำมัน (5) อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร (6) อุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์ (7) อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนความปลอดภัยในอากาศยาน (8) อุตสาหกรรมผลิตยารักษาโรค และ (9) อุตสาหกรรมผลิตรางรถไฟและอุปกรณ์เชื่อมต่อรางรถไฟ โดยเฉพาะฐานการผลิตชิ้นส่วนและรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่มีวิสาหกิจขนาดใหญ่ตบเท้าเข้าลงทุนจำนวนไม่น้อย
ภูมิหลังการพัฒนาอุตสาหกรรมของเมืองเป่าจี
นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ราบกวนจง-เทียนสุ่ย ถือเป็นแผนพัฒนาอุตสาหกรรมแม่บทแรกๆ ที่ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตของเมืองเป่าจีให้ก้าวสู่ยุคทันสมัย ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในการผลิตมากขึ้น ต่อมาในปี 2553 เมืองเป่าจีได้รับการอนุมัติให้เป็นหนึ่งในพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมหลักของมณฑลส่านซี ส่งผลให้โครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมและการลงทุนจากวิสาหกิจขนาดใหญ่เริ่มทยอยเข้าลงทุนในพื้นที่ เมืองเป่าจีได้เข้ายุคของการปรับเปลี่ยนรูปแบบอุตสาหกรรม จากที่เน้นอุตสาหกรรมดั้งเดิม (ปิโตรเคมี ซีเมนต์ และเหมืองแร่) มาสู่อุตสาหกรรมที่อาศัยเทคโนโลยีมากขึ้น อาทิ การผลิตเซ็นเซอร์ การผลิตสวิตช์ควบคุมการเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า การผลิตเครื่องจักร การผลิตเครื่องนุ่งห่ม รวมไปถึงอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และรถบรรทุกขนาดใหญ่ก็ได้รับการผลักดันในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นกัน
รัฐบาลเมืองเป่าจีได้สนับสนุนการลงทุนจากวิสาหกิจขนาดใหญ่ผ่านนโยบายสิทธิประโยชน์ด้านที่ดิน ค่าแรงบุคลากร ภาษีขนย้าย เงินอุดหนุนการจัดตั้งโรงงานของวิสาหกิจ รวมไปถึงการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเมืองเป่าจีได้นำมาใช้จูงใจวิสาหกิจในช่วงแรกๆ เนื่องจากเมืองเป่าจีได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีทรัพยากรน้ำที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด (ร้อยละ 44.8 ของปริมาณน้ำทั้งหมดในที่ราบกวนจง) ในขณะที่สัดส่วนการใช้น้ำมีเพียงร้อยละ 22.4 เท่านั้น นอกจากนี้ เมืองเป่าจียังเป็นที่ตั้งของสถาบันวิจัยของวิสาหกิจมากถึง 56 แห่ง และศูนย์เทคโนโลยีระดับชาติและระดับมณฑลอีก 23 แห่ง ทำให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเมืองเป่าจีเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่น่าลงทุนของมณฑลส่านซี
ในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนและรถยนต์ ในปี 2562 มณฑลส่านซีผลิตรถยนต์ได้ 547,000 คัน ในจำนวนนี้จำแนกเป็นการผลิตรถยนต์ของเมืองเป่าจี 152,500 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28 ของจำนวนที่ผลิตได้ทั้งมณฑล ทว่า จำนวนที่ผลิตได้ข้างต้นยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลมณฑลส่านซีเคยประกาศไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจปี 2561 ผ่านแนวคิด “กวนจงแข็งแกร่ง ส่านเป่ยยอดเยี่ยม ส่านหนานรุ่งเรือง” ซึ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพพื้นฐานของแต่ละพื้นที่ให้มีความแข็งแกร่ง โดยกำหนดให้เมืองเป่าจีซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลส่านซี เป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ระดับประเทศ พร้อมเดินหน้าผลักดันแผนการผลิตรถยนต์ทั้งมณฑลให้ได้ 3 ล้านคันภายในปี 2564 อนึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าวิกฤติ COVID19 ในปี 2563 ได้ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของมณฑลส่านซีชะลอตัว
อย่างไรก็ดี รัฐบาลเมืองเป่าจีได้พยายามดำเนินการตามแผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์เมืองเป่าจีปี 2561-2565 (2018-2022 Baoji Automobile Industry Development Action Plan) ที่กำหนดเป้าหมายการผลิตรถยนต์พาณิชย์ขนาดกลาง และรถบรรทุกขนาดกลาง-ใหญ่ ภายในปี 2565 (ค.ศ. 2022) ต้องไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน หรือรายได้ต้องไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านหยวน พร้อมตั้งเป้ากระตุ้นวิสาหกิจผู้ผลิตและประกอบรถยนต์ในพื้นที่ ให้เลือกใช้ชิ้นส่วนและอะไหล่ที่ผลิตในท้องถิ่น ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของงานประกอบรถยนต์แต่ละคัน
ปัจจุบัน เมืองเป่าจีมีวิสาหกิจผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 11 ราย ลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ อาทิ บริษัท Geely บริษัท Shacman และบริษัท Huacheng นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์กว่า 300 โรงงาน อาทิ บริษัท Fast Gear บริษัท HanDe และบริษัท Axle เป็นต้น สร้างรายได้ในปี 2562 มากถึง 22,580 ล้านหยวน เฉพาะในส่วนอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ของเมืองเป่าจี สร้างรายได้ 39,420 ล้านหยวน โดยมีบริษัทขนาดใหญ่ที่น่าสนใจ ดังนี้
- บริษัท Shaanxi Geely Automobile Parts Co., Ltd
Shaanxi Geely เป็น 1 ในบริษัทลูกของ Geely Automobile Holdings Limited ซึ่งเป็นวิสาหกิจผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 มีสำนักงานใหญ่ที่นครหางโจว มณฑลเจ้อเจียง เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ Geely และ Lynk & Co อย่างเป็นทางการ
Shaanxi Geely ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดหาสถานที่ก่อตั้งโรงงาน ด้วยงบประมาณกว่า 7,200 ล้านหยวน กำลังการผลิตตลอด 24 ชม. ที่ 200,000 คัน/ปี รถยนต์ที่ผลิตที่เมืองเป่าจีจะถูกส่งไปจำหน่ายยังมณฑลหูเป่ย กุ้ยโจว ชานซี เหอเป่ย ส่านซี กานซู และเขตฯ หนิงเซี่ยหุย
ปัจจุบัน Shaanxi Geely เป็นฐานการผลิตรถยนต์ประเภท SUVs ที่มีรูปแบบหรูหราและทันสมัย เพื่อตอบสนองรสนิยมผู้ใช้งาน โดยใช้ประโยชน์จากศูนย์วิจัยและพัฒนายุโรป (Geely European R&D Center) ซึ่งร่วมมือกับ Volvo ในการพัฒนาพื้นฐานโครงสร้างตัวรถ หรือ “แพลตฟอร์ม” (Platform) สำหรับรถขนาดกลาง (Compact Modular Architecture: CMA) มาตั้งแต่ปี 2556
ในช่วงปลายปี 2563 นี้ Shaanxi Geely ยังมีแผนเปิดสายประกอบรถ (Assembly Line) ที่ประเทศไทย โดยใช้ประโยชน์จากฐานการผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์จากโรงงาน Geely Malaysia ที่ Geely ได้ซื้อหุ้นบริษัท Proton บริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติมาเลเซีย ร้อยละ 49.9 ไปเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2560 โดยรถยนต์ประกอบสำเร็จในประเทศไทยจะส่งออกไปจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียน
- Shaanxi Automobile Group
บริษัท Shaanxi Automobile Holding Group Co., Ltd. หรือ ShaanQi เป็นรัฐวิสาหกิจของมณฑลส่านซี ผู้ผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่ หัวจักรรถลาก รถบัสขนาดกลาง-ใหญ่ และเพลาหนัก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ เขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีนครซีอาน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2511 ด้วยทุนจดทะเบียน 14,900 ล้านหยวน ปัจจุบัน มีบุคลากรมากถึง 23,000 คน เป็นบริษัทชั้นนำของมณฑลที่ได้รับการจัดอันดับจาก China Fortune 500 ให้อยู่ในลำดับที่ 276 และอยู่ในลำดับที่ 122 จาก Top 500 Chinese Manufacturing Enterprises นอกจากนี้ ยังมีบริษัทลูกที่ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีในสาขาที่เกี่ยวข้องมากกว่า 100 บริษัท อาทิ บริษัท Shaanxi Automobile Industry Co., Ltd บริษัท Shaanxi Automobile Group Commercial Vehicle Co., Ltd บริษัท Xi’an Cummins Engine Co., Ltd บริษัท Shaanxi Tongli Special Purpose Vehicle Co., Ltd และบริษัท Shaanxi Lantong Transmission Shaft Co., Ltd เป็นต้น
ShaanQi เป็นวิสาหกิจรายแรกที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนให้ผลิตและประกอบรถบรรทุกขนาดใหญ่แบบครบวงจร และเป็นผู้พัฒนาและคิดค้นเทคโนโลยีตามกรอบยุทธศาสตร์ 2035 เน้นการสร้างนวัตกรรมและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้จีนก้าวไปสู่ประเทศแห่งการพัฒนาที่มีคุณภาพ โดย ShaanQi เน้นการวิจัยและพัฒนารถบรรทุกพลังงานสะอาด และการพัฒนาเครื่องยนต์ขับเคลื่อนในกลุ่มรถบรรทุกขนาดเล็ก นอกจากนี้ ShaanQi ยังเพิ่มขอบเขตการทำธุรกิจ อาทิ การเช่าและซื้อ-ขายรถบรรทุกมือสอง ธุรกิจประกันภัยหัวจักรรถลาก ธุรกิจจัดเก็บและให้บริการติดตามข้อมูลรถบรรทุกบน Cloud (www.sqtxj.com/h5) เป็นต้น
รถบรรทุกของ ShaanQi ผลิตและจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศภายใต้ชื่อ “Shacman” มีการลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่ใน 13 ประเทศทั่วโลก อาทิ แอลจีเรีย และเคนยา รวมถึงสำนักงานจำหน่ายและให้บริการหลังการขายกว่า 560 แห่ง ครอบคลุมกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
แม้อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนและรถยนต์ของเมืองเป่าจีจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID19 แต่จากการที่ศูนย์ BIC ได้มีโอกาสเยี่ยมชมฐานการผลิตเมื่อต้นเดือน ส.ค. 2563 พบว่า วิสาหกิจขนาดใหญ่ส่วนมากได้กลับมาเดินสายการผลิตแล้ว 100% พร้อมทั้งเดินหน้าแผนการลงทุนและส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะแผนการลงทุนสายการผลิตรถยนต์ของ Shaanxi Geely ที่จะเริ่มเดินสายการประกอบรถยนต์เต็มคันที่ประเทศไทยในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงการก้าวออกไปลงทุนในประเทศไทยเป็นที่แรก ตั้งแต่ปี 2550 ของบริษัท Shaanqi ภายใต้ชื่อ Shaanxi Automobile Group (Thailand) Co., Ltd. ดำเนินกิจการจัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถบรรทุกและรถแทร็คเตอร์ในภูมิภาคอาเซียน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าและสำนักงานระดับภูมิภาค (Regional Office) ของประเทศไทย
ในอนาคต ไม่เพียงเฉพาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์เท่านั้นที่สามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพการขนส่งสินค้าที่หลากหลายของมณฑลส่านซี แต่ครอบคลุมไปยังสินค้าอื่นๆ ได้อีกด้วย โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทั้งรางและทางอากาศที่รัฐบาลมณฑลส่านซีเพิ่มการสนับสนุน เพื่อเป็นเครื่องมือฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังหลังวิกฤติ COVID19 โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนรับมือกับสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงจากวิกฤติ COVID19 ส่งผลให้รายได้ของสนามบินลดลงมาก มณฑลส่านซีได้หันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจขนส่งสินค้ามากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้และเป็นการยกระดับศักยภาพด้านโลจิสติกส์ของมณฑลให้สามารถแข่งขันกับพื้นที่อื่นๆ ได้ คาดการณ์ว่า ในอนาคต มณฑลส่านซี อาจพิจารณาเปิดเส้นทางขนส่งสินค้าทางอากาศเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน จากเดิมมีเส้นทางการขนส่งสินค้าทางอากาศเพียง 2 เส้นทาง (นครซีอาน- กทม. และนครซีอาน-กรุงฮานอย) ประกอบกับสนามบินนานาชาติซีอานเสียนหยาง ได้รับการยกระดับให้เป็นด่านนำเข้าสินค้ากลุ่มผลไม้สด เนื้อสัตว์แปรรูป สัตว์น้ำทั้งแบบแช่แข็งและชนิดยังมีชีวิต รวมถึงสัตว์มีชีวิตจากต่างประเทศได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านเมืองหน้าด่านอีกต่อไป ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าสดใหม่และการขนส่งที่รวดเร็ว
ในส่วนของการขนส่งสินค้าทางราง มณฑลส่านซีใช้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมการเปิดเส้นทางการขนส่งสินค้า การจัดตั้งพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ การจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน และการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรใน “ระเบียงการค้าระหว่างประเทศเชื่อมทางบกกับทางทะเลสายใหม่” (ILSTC) ทำให้มณฑลส่านซีสามารถขยายช่องทางการส่งออกและนำเข้าสินค้าจากกลุ่มประเทศอาเซียนได้สะดวกมากขึ้น จากเดิมที่มุ่งการขนส่งไปยังประเทศในกลุ่มเอเชียกลาง เอเชียใต้ และทวีปยุโรป โดยเส้นทางการขนส่งสินค้าฯ ไปยังอาเซียนจะใช้รูปแบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) ผ่านนครฉงชิ่ง มณฑลกุ้ยโจว และเขตฯ กว่างซีจ้วง ก่อนจะไปสิ้นสุดยังประเทศสิงคโปร์ ระยะทางรวม 4,080 กิโลเมตร เหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสของวิสาหกิจไทยที่อาจพิจารณาส่งออกสินค้าในกลุ่มผลไม้เมืองร้อน อาหารทะเล สินค้าหัตถกรรม และสินค้าที่มีโอกาสบอบช้ำหรือเน่าเสียง่าย มายังเมืองไร้ทางออกสู่ทะเลอย่างมณฑลส่านซีได้โดยตรง พร้อมแสวงหาโอกาสทางการค้าในกลุ่มเมืองรองที่มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเมืองเป่าจีได้อีกทางหนึ่ง
ข้อมูลอ้างอิง
- http://www.baoji.gov.cn/art/2017/3/8/art_205_57086.html
- http://sn.ifeng.com/a/20190905/7717668_0.shtml
- https://www.sohu.com/a/388481194_267106
- http://auto.sohu.com/20070803/n251399202.shtml
- http://news.cnwest.com/sxxw/a/2020/04/25/18694561.html
- http://www.baoji.gov.cn/art/2019/5/14/art_52_197024.html
- http://www.baoji.gov.cn/art/2019/11/27/art_52_332390.html