ส่องเครือข่ายเส้นทางรถไฟมณฑลส่านซี กานซู และเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย : ความเชื่อมโยงกับ ILSTC และโอกาสมุ่งใต้สู่อาเซียน
5 Nov 2021ระเบียงการค้าเชื่อมทางบกและทางทะเลระหว่างประเทศสายใหม่ 国际陆海贸易新通道: New International Land-Sea Trade Corridor: ILSTC) ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ระดับชาติในการพัฒนาความเชื่อมโยงของจีนภายใต้นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อ“Belt and Road Initiatives” หรือ “BRI” ซึ่งเป็นความพยายามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการเชื่อมโยง 3 ทวีปคือเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา เข้าด้วยกัน
ILSTC เป็นเส้นทางการค้าและการขนส่งที่มีศูนย์กลางอยู่ที่นครฉงชิ่ง เชื่อมต่อกับท่าเรือกว่า 190 แห่งในกว่า90 ประเทศ เป็นโครงการร่วมของมณฑลพันธมิตรทางตะวันตกของจีน ได้แก่ นครฉงชิ่ง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มณฑลกุ้ยโจว มณฑลกานซู่ มณฑลชิงไห่ มณฑลซินเจียง มณฑลยูนนาน และเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย ล่าสุดเมื่อ วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 มณฑลส่านซีได้ลงนามข้อตกลงร่วมเป็นสมาชิกรายล่าสุดของ ILSTC
ขอบคุณภาพประกอบจาก https://www.ichongqing.info/2019/03/06/chongqing-proposal-to-make-ilstc-as-a-national-strategic-project/
การที่มณฑลส่านซี เข้าร่วมเป็นสมาชิกรายล่าสุดของ ILSTC ด้วยตระหนักดีว่า ความก้าวหน้าของภาคการขนส่งและโลจิสติกส์ เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาและกระจายความเจริญสู่พื้นที่จีนตะวันตกเฉียงเหนือ รวมถึงมณฑลส่านซี โดยเฉพาะนครซีอาน เมืองหลักของมณฑลส่านซี
ในบทความนี้ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครซีอาน ขอนำเสนอข้อมูลสถิติและทิศทางการพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งของมณฑลส่านซี รวมถึงโอกาสในการส่งออกสินค้าของมณฑลกานซู และเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยสู่อาเซียน โดยใช้ประโยชน์จาก ILSTC ที่เชื่อมต่อกับภูมิภาคตะวันตกของจีนไปยังท่าเรือเมืองซินโจวในเขตฯ กว่างซีจ้วง
ย้อนมองจุดเริ่มต้นของแผนการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของส่านซี
สืบเนื่องจากนโยบายมุ่งตะวันตก มุ่งพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจ การลงทุน ทำให้หลายปีที่ผ่านมาพื้นที่ด้านตะวันตกของจีน เกิดการขยายตัวของภาคการขนส่งและโลจิสติกส์อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเส้นทางการคมนาคมขนส่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับพื้นที่ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะนโยบายเร่งพัฒนาธุรกิจภาคบริการในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 11 (ปี 2549 – 2553) ซึ่งมณฑลส่านซีก็มีลักษณะเช่นเดียวกับมณฑลอื่น ๆ ทางภาคตะวันตก ที่มีการเติบโตด้านคมนาคมแบบก้าวกระโดด และมีการลงทุนทั้งจากทุนในประเทศและต่างประเทศจำนวนมหาศาล ต่อมาในช่วงของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 12 (ปี 2554-2558) รัฐบาลมณฑลส่านซีได้วางเป้าหมายเพิ่มเติมให้การคมนาคมในมณฑลส่านซี สามารถเชื่อมต่อกับเมือง/มณฑลใกล้เคียง โดยวางนครซีอานเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟไปยังอีก 20 มณฑล โดยอาศัยความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่มีที่ตั้งอยู่กึ่งกลางประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลมณฑลส่านซีได้ตั้งเป้าให้นครซีอานเป็นเมือง “One-day Transportation” สามารถใช้เวลาเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ ด้วยรถไฟความเร็วสูงได้โดยใช้ระยะเวลาเพียง 1 วัน นอกจากนี้ ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสนับสนุนจากภาครัฐในการให้นครซีอาน เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับประเทศในแถบเอเชียกลางและยุโรป ตามข้อริเริ่มเส้นทางสายไหมทางบกพร้อมการจัดตั้งท่าเรือบนดินที่ครบวงจรขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศจีน เพื่อรองรับการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 13 : ยกระดับเครือข่ายเส้นทางรถไฟเปิดสู่ยุคทองของเส้นทางการขนส่งสินค้าทางราง
ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 13 ถือเป็นยุคของการพัฒนาเครือข่ายรถไฟของมณฑลส่านซี โดยเฉพาะเครือข่ายรถไฟความเร็วสูง โดยส่านซีวางตนเองเป็นมณฑลหน้าด่านเชื่อมโยงเครือข่ายรถไฟสู่ภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือ โดยอาศัยเส้นทางรถไฟหลัก 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางรถไฟหลง-ไห่ (陇海铁路) หรือชื่อเต็มว่าเส้นทาง Lanzhou-Lianyungang Railway)[1] และเส้นทางรถไฟเส้นทางรถไฟเป่า-เฉิง (Baoji-Chengdu Railway: 宝成铁路)[2]และได้ขยายเส้นทางรองเชื่อมต่อจากเส้นทางรถไฟหลักทั้งสองออกไปจนครอบคลุมพื้นที่ ตลอดจนแผนก่อสร้างเส้นทาง
[1] เส้นทางรถไฟสายเก่าแก่ตั้งแต่ปี 2447 เชื่อมต่อเมืองเหลียนหยุนก่าง มณฑลเจียงซู เมืองท่าสำคัญของจีน – นครหลานโจว มณฑลกานซู ระยะทางรวมกว่า 1,759 กิโลเมตร
[2] เส้นทางรถไฟเชื่อมต่อเมืองเป่าจี ทางทิศตะวันตกของนครซีอาน – นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน สร้างขึ้นในปี 2495 ระยะทางรวม 668 กิโลเมตร
นอกจากโครงการลงทุนด้านเครือข่ายรถไฟที่สำคัญ ๆ ข้างต้นแล้ว นครซีอานยังได้รับการสนับสนุนให้เป็นประตูขนส่งสินค้าสู่เอเชียกลาง เอเชียใต้ และยุโรป ผ่านเส้นทางการขนส่งสินค้านานาชาติ “ฉางอันห้าว” ที่กลายมาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการในการส่งออกสินค้าสู่ต่างประเทศ โดยไม่ต้องผ่านเมืองหน้าด่าน
รถไฟความเร็วสูงที่สำคัญ ๆ อาทิ เส้นทางรถไฟความเร็วสูงเปา-ไห่ (包海高铁: Baotou – Haikou High Speed Railway) เชื่อมต่อเมืองเปาโถว เขตฯ มองโกเลียใน-นครไห่โข่ว มณฑลไหหลำ ระยะทางกว่า 2,300 กิโลเมตร ซึ่งการอนุมัติแผนการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเปา-ไห่นี้ ยังกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในเส้นทางรถไฟความเร็วสูงช่วงต่อขยายซีอาน-ฉงชิ่ง
(西渝高铁: Chongqing-Xi’an High-Speed Railway) อีกด้วยนอกจากเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงแล้ว มณฑลส่านซียังได้พัฒนาระบบขนส่งทางราง “ฉางอันห้าว” (中欧班列长安号) ขึ้นภายใต้แแผนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจและการพัฒนาเส้นทางการขนส่ง โดยได้รับการสนับสนุนจาก
รัฐบาลกลาง โดยในช่วงแรก (ปี 2556-2559) เน้นการขนส่งสินค้าสู่กลุ่มประเทศเอเชียกลาง เอเชียใต้ และยุโรป ต่อมาในช่วงปลายปี 2562 จึงได้เริ่มขยายพื้นที่ให้บริการสู่กลุ่มประเทศนอร์ดิก และเพิ่มบทบาทตนเองสู่เส้นทางขนส่งสินค้านานาชาติที่มีบริการเชื่อมต่อยุโรปเหนือ-ใต้[1] ในช่วงต้นปี 2563 และทยอยเปิดเส้นทางการขนส่งจากเมืองรอง เพื่อเพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้าจากเมืองรองขนาดใหญ่ของมณฑลส่านซี อาทิ เมืองยวีหลิน เมืองเว่ยหนาน เมืองเป่าจี ให้สามารถขนส่งสินค้าส่งออกได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านเมืองหน้าด่านอีกต่อไป โดยใช้นครซีอานเป็นข้อต่อสำคัญในการส่งออกสินค้า
ทั้งยังได้เปิดให้บริการขนส่งสินค้าแบบด่วน อาทิ เส้นทางขนส่งสินค้านานาชาติ (ด่วน) ซีอาน – กรุงอังการา ของตุรกีผ่านการลงนามความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมตุรกี เส้นทางนี้มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 12,251 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง12 วัน (จากเดิม 21 วัน) และใช้ระบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) ขนส่งสินค้าทางรางและเรือ โดยไม่ต้องผ่านประเทศรัสเซีย ทำให้สามารถย่นระยะเวลาการขนส่ง ส่งผลดีต่อการนำเข้าสินค้าจำพวกเนื้อสัตว์ นม และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ไปยังนครซีอานได้รวดเร็วขึ้น
ในช่วงปี 2563 “ฉางอันห้าว” มีอัตราการเติบโตสวนกระแส COVID-19[2] เพราะได้กลายเป็นกลไกสำคัญในการส่งออกสินค้า ถือเป็นการปิดม่าน “ฉางอันห้าว” ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ลงอย่างงดงาม ด้วยสถิติการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นกว่า 52 เท่า (เทียบกับในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12) ปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น 29 เท่า และมีเส้นทางขนส่งสินค้าหลักรวม 15 เส้นทาง (ไม่รวมเส้นทางย่อยและเที่ยวขนส่งเฉพาะกิจ) อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับท่าเรือขนาดใหญ่ของจีน อาทิ ท่าเรือชิงต่าว หนิงโป และเหลียนหยุนก่างในการเป็นข้อต่อการขนส่งที่สำคัญต่อไปยังเอเชียกลางเอเชียใต้ และทวีปยุโรปอีกด้วย อย่างไรก็ดี ยังไม่พบการขนส่งสินค้าไปสู่อาเซียนมากเท่าใดนัก
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 : เร่งสานต่อโครงข่ายเส้นทางรถไฟทุกทิศทาง
ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 (ปี 2564-2568) มณฑลส่านซีเร่งสานต่อเครือข่ายเส้นทางคมนาคมด้วยรถไฟแบบทุกทิศทางตามตัวอักษร “米”และวางแผนยกระดับเครือข่ายคมนาคมสู่การพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูง โดยตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปีจะมีเครือข่ายเส้นทางรถไฟเพิ่มขึ้น 6,500 กิโลเมตร ในจำนวนนี้เป็นเป้าหมายการขยายเส้นทางรถไฟความเร็วระดับกลาง-สูง (中高速铁路: Medium to High speed railway) ไม่ต่ำกว่า 1,500 กิโลเมตร รวมทั้งสานต่อโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง4 เส้นให้แล้วเสร็จภายในปี 2025 ได้แก่
แผนโครงสร้างรถไฟความเร็วสูงมณฑลส่านซี (陕西高铁网) ในแผนฯ ฉบับที่ 14 (2564-2568)
ก่อสร้างตามแบบอักษร 米 เส้นสีแดงแสดงถึงสถานะที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
- โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงซี-เหยียน (西延高铁 : Xian-Yanan High speed Railway) เชื่อมต่อภายในมณฑลส่านซี ระยะทางรวม 300 กิโลเมตร งบประมาณ 60,000 ล้านหยวน พาดผ่านเมืองและอำเภอขนาดใหญ่ของมณฑลส่านซี อาทิ อำเภอฟู่ผิงของเมืองเว่ยหนาน เมืองถงชวน อำเภอยี่จวิน อำเภอหวงหลิง อำเภอลั่วชวน และเมืองเหยียนอาน ถือเป็นรถไฟความเร็วสูงที่ตัดผ่านที่ราบกวนจงเชื่อมต่อกับพื้นที่สานเป่ย (陕北) หรือพื้นที่ทางตอนเหนือของมณฑลส่านซีให้สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันโดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ใช้เวลาก่อสร้าง 4.5 ปี (คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568)
- โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นต่อขยายซี-สือ (西十高铁) เป็นส่วนต่อขยายของเส้นทางรถไฟความเร็วสูงอู่-ซี (武西高速铁路 : Wuhan-Xi’an High-speed Railway) เชื่อมต่อนครซีอาน-เมืองสือเยี่ยน (十堰市) มณฑลหูเป่ย ระยะทาง 256 กิโลเมตร งบประมาณการลงทุนจำนวน 46,000 ล้านหยวน พาดผ่าน 7 สถานีของเมืองขนาดใหญ่ของทั้งสองมณฑลได้แก่ อำเภอ หลานเถียน (蓝田县) เมืองซังลั่ว (商洛市) อำเภอ ซานหยาง (山阳县)อำเภอ ยวินซี (郧西县) โครงการก่อสร้างทางรถไฟเส้นนี้ พาดผ่านเขตอนุรักษ์และพื้นที่ทางธรรมชาติจำนวนไม่น้อยจึงทำให้การก่อสร้างดำเนินการได้ทีละช่วง ในแต่ละช่วงจะต้องทำการสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม ล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2564 กระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้อนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในเส้นทางรถไฟความเร็วสูงซี-สือ[1] แล้ว
- โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงซี-คัง (西康高铁) เชื่อมต่อเมืองใหญ่ภายในมณฑลส่านซีอีกหนึ่งเส้นทาง เริ่มจากนครซีอานสู่เมืองอันคัง ทางตอนใต้ของมณฑลส่านซี โครงการก่อสร้างนี้เป็นส่วนต่อขยายของเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเปา–ไห่ (包海高速铁: Baotou — Haikou High Speed Railway)
สถานะเส้นต่อขยายของเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเปา-ไห่ (包海高速铁: Baotou — Haikou High Speed Railway)
เส้นทาง | ชื่อเส้นทางรถไฟ/โครงการ | สถานะ | ความเร็ว |
เมืองเปาโถว เขตฯ มองโกเลียใน-เมืองเหยียนอาน (包头-延安) | – | ยังไม่เริ่มก่อสร้าง | 350 กม./ชม. |
เมืองเหยียนอาน-นครซีอาน
(延安-西安) |
西延高速铁路 Xian-Yanan High speed Railway |
เริ่มก่อสร้างเมื่อ 9 ม.ค. 2563 | 350 กม./ชม. |
นครซีอาน-นครฉงชิ่ง
(西安-重庆) |
渝西高速铁路
Chongqing-Xi’an High Speed Railway |
– เมื่อเดือน พ.ค. 2564 มณฑลเสฉวนและ
นครฉงชิ่งประกาศร่วมมือใน 67 โครงการลงทุนขนาดใหญ่ งบประมาณรวม 1.56 ล้านล้านหยวน หนึ่งในนั้นคือ การก่อสร้างเส้นทางรถไฟนครซีอาน-นครฉงชิ่ง (西安-重庆) – เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2564 นครซีอาน ได้เริ่มก่อสร้างช่วงเชื่อมต่อนครซีอาน-เมืองอันคัง โดยอยู่ระหว่างการสร้างอุโมงค์ลอดผ่านภูเขาไท่ซิ่ง ของเทือกเขาฉินหลิ่ง (秦岭太兴山隧道) |
350 กม./ชม. |
นครฉงชิ่ง-กุ้ยหยาง
(重庆-贵阳) |
渝贵高速铁路
Yugui high-speed railway[1] |
ยังไม่เริ่มดำเนินการ | 350 กม./ชม. |
นครกุ้ยหยาง-นครหนานหนิง
(贵阳-南宁) |
贵南高速铁路
Guiyang-Nanning High-speed Railway |
เริ่มดำเนินการเมื่อ 23 ธ.ค. 2560 | 350 กม./ชม. |
นครหนานหนิง-อำเภอ เหอผู่
(南宁-合浦) |
邕北铁路
Nanning-Beihai Railway |
เปิดให้บริการเมื่อ 28 ธ.ค. 2556 | 200 กม./ชม. |
อำเภอเหอผู่ –เมืองจ้านเจียง
(合浦~湛江) |
合湛高速铁路
Hepu Zhanjiang high speed railway |
มีการพิจารณาทบทวนแผนการก่อสร้าง | 350 กม./ชม. |
เมืองจ้านเจียง-นครไหโข่ว
(湛江~海口) |
湛海高速铁路
Zhanhai high speed railway |
เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดการณ์แล้วเสร็จในปี 2568 | 250 กม./ชม. |
海口~三亚
นครไห่โข่ว-เมืองซานย่า |
海南环岛铁路 (东环) Hainan roundabout Railway(East Wing) | เปิดให้บริการเมื่อปี 2563 | 250 กม./ชม. |
海南环岛铁路 (西环)
Hainan roundabout Railway (West Wing) |
เปิดให้บริการเมื่อปี 2558 | 200 กม./ชม. |
- โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงยวี่-ซี (渝西高速铁路 : Chongqing-Xi’an High Speed Railway) เชื่อมต่อนครฉงชิ่ง-นครซีอาน เป็นอีกหนึ่งเส้นทางสำคัญที่จะเชื่อมต่อนครซีอานลงสู่ตอนใต้ของจีน และเป็นหนึ่งในโครงข่ายรถไฟระยะกลาง-ยาวแห่งชาติ (中长期铁路网规划) รวมทั้งเป็นหนึ่งในแผนการก่อสร้างช่องทางทางบกและทางทะเลใหม่ในภูมิภาคตะวันตกอย่างมีคุณภาพสูงตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 (十四五: 推进西部陆海新通道高质量建设实施方案)โดยพาดผ่าน 2 มณฑลใหญ่ และ 1 นครสำคัญ คือ มณฑลส่านซี มณฑลเสฉวน และ นครฉงชิ่ง ระยะทาง 538 กิโลเมตร งบประมาณกว่า 127,700 ล้านหยวน หากพิจารณาในส่วนของมณฑลส่านซีพบว่า พาดผ่านนครซีอาน เมืองซังลั่ว เมืองอันคัง ระยะทางรวม 170.42 กิโลเมตร คาดการณ์ว่าเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยยกระดับศักยภาพการคมนาคมระหว่างเขตว่านโจวของนครฉงชิ่ง พื้นที่เขื่อนสามผา (เมืองอี้ชาง มณฑลหูหนาน: 湖北省宜昌市) และพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของมณฑลส่านซี
บทบาทของส่านซีใน ILSTC
หากมองจากแผนโครงสร้างรถไฟของมณฑลส่านซีจะเห็นว่า ได้เน้นการเสริมส่วนขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงภายในมณฑลให้เชื่อมต่อกันอย่างทั่วถึง และเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการที่เป็นภาระผูกพันให้แล้วเสร็จ หากมองในส่วนของเส้นทางการขนส่งสินค้าทางราง นครซีอานมีศูนย์บูรณาการโลจิสติกส์ทางรถไฟซินจู้[1] (Xi’an Xinzhu Railway Integrated Logistics Center) เป็นศูนย์กลางการขนส่งและขนถ่ายสินค้าสำคัญที่เชื่อมต่อกับขบวนรถไฟขนส่งสินค้าสู่เอเชียกลางและทวีปยุโรป และมีเป้าหมายจะยกระดับการเชื่อมต่อเข้ากับเขตโลจิสต์ติกส์ระดับชาติ (National Demonstration Logistics Park) ที่สำคัญ อาทิ (1) ฐานอุตสาหกรรมโลจิสติกส์สมัยใหม่ นครฉงชิ่ง (2) ฐานโลจิสติกส์ทางรถไฟสถานีเฉิงเซียง นครเฉิงตู (Chengxiang Railway Logistics Base of Chengdu Railway Administration) (3) เขตโลจิสติกส์สมัยใหม่แห่งจีนตะวันตก เมืองซุยหนิง มณฑลเสฉวน (Modern Logistics Port in Western China (Suining)) (4) เขตโลจิสติกส์นานาชาติเถิงจวิ้น เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน (Yunnan Tengjun International Land Port) (5) โลจิสติกส์พาร์คอ่าวตะวันออก เมืองฝางเฉิงก่างเขตฯ กว่างซีจ้วง (Guangxi Fangchenggang Dongwan Logistics Park) (6) เขตคลังสินค้าทัณฑ์บนในโลจิกสติกส์พาร์ค เมืองผิงเสียง เขตฯ กว่างซีจ้วง (Guangxi Pingxiang Comprehensive Bonded Zone Logistics Park) ดังนั้น จะเห็นได้ว่า แผนขยายความเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟของมณฑลส่านซี เน้นสานต่อความร่วมมือกับโครงข่ายที่ให้บริการเส้นทางมุ่งลงใต้อยู่แล้ว โดยเฉพาะโครงข่าย ILSTC
มณฑลกานซูและเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย กับการส่งออกสินค้ามุ่งใต้สู่อาเซียน
นอกเหนือจากเส้นทางขนส่งสินค้าของมณฑลส่านซีแล้ว ในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีความพยายามในการเพิ่มช่องทางการขนส่งสินค้าจากมณฑลกานซูและเขตฯ หนิงเซี่ยหุย สู่อาเซียนด้วยเช่นกัน
มณฑลกานซู
ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่บนเส้นทางเชื่อมต่อแผ่นดินยูเรเชียแห่งใหม่ (New Eurasian Landbridge) ที่รัฐบาลจีนส่งเสริมให้เป็นอีกหนึ่งประตูสำคัญมุ่งสู่ภูมิภาคตะวันตก ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ในการเชื่อมต่อตะวันตกและตะวันออก และเป็นหนึ่งในพันธมิตร ILSTC ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กานซูได้เร่งสร้างระบบสาธารณูปโภครองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการก่อตั้งศูนย์ท่าเรือบกนานาชาตินครหลานโจว (International Land Port of Gansu (Lanzhou) : 甘肃(兰州) 国际陆港)[1] โดย 1 ใน 4 พันธกิจหลักของศูนย์ฯ คือ การกำหนดแนวทางการพัฒนาเส้นทางการขนส่งสินค้ามุ่งลงใต้ผ่านระบบการขนส่งทางราง ทางถนน ทางน้ำและทางอากาศ มีศูนย์ฯ เป็นพื้นที่หลักของกานซูในการขนส่งสินค้าทางรางสู่เมืองข้อต่อสำคัญคือ นครฉงชิ่ง (พึ่งพาเส้นทางรถไฟ Lanzhou-Chongqing Railway เป็นหลัก) และมณฑลกุ้ยโจว ที่จะลำเลียงสินค้าสู่ท่าเรือเมืองซินโจว เขตฯ กว่างซีจ้วง เพื่อขนส่งต่อไปยังภูมิภาคอาเซียน
การขนส่งสินค้าด้วยเส้นทางนี้ มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากข้อมูลของ NDRC นครหลานโจวระบุว่า ตลอดปี 2561 มณฑลกานซูขนส่งสินค้าผ่าน ILSTC รวม 35 เที่ยว น้ำหนัก 30,000 ตัน เฉลี่ยรอบการขนส่งอยู่ที่เดือนละ1-4 เที่ยว ในปี 2562 มีการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางดังกล่าวรวม 50 ขบวน น้ำหนัก 46,000 ตัน มูลค่า 570 ล้านหยวนโดยสินค้าส่งออกหลักของมณฑลกานซู ได้แก่ แอปเปิ้ล หอมหัวใหญ่ แร่ใยหิน โซดาแอช และอลูมิเนียมที่ขึ้นรูปแล้วสินค้าเหล่านี้ส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย เมียนมาร์ และไต้หวัน ทั้งนี้ สถิติเมื่อถึงเดือนกรกฎาคม 2564 มณฑลกานซูได้ขนส่งสินค้าผ่าน ILSTC ไปแล้วรวม 172 เที่ยว[2]
ล่าสุด ข้อมูลจากการจัดงานมหกรรมส่งเสริมการค้าและการลงทุนนครหลานโจว ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 8-12 กรกฎาคม 2564 ระบุว่า มณฑลกานซูเริ่มส่งออกสินค้าที่นำเข้าจากยูเครน อาทิ ส่งออกข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์จากยูเครนไปยังมาเลเซีย ทั้งยังเริ่มพบข้อมูลการขนส่งสมุนไพรจีน[3] อีกด้วย อย่างไรก็ดี สินค้าส่งออกหลักของมณฑลพันธมิตรในเส้นทาง ILSTC ที่ครอบคลุม 308 ท่าเรือใน 106 ประเทศทั่วโลกนี้ ส่วนมากจะเป็นชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รถยนต์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากนายจาง จิ่นกัง (Zhang JIngang: 张锦刚) รองผู้ว่าการมณฑลกานซูที่ให้สัมภาษณ์ในงานมหกรรมฯ ว่า มณฑลกานซูกำลังพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เพิ่มขีดความสามารถและความหลากหลายของสินค้า เพื่อเป็นส่วนร่วมของเส้นทางสายไหมและศูนย์กลางการค้าข้ามพรมแดนแบบยั่งยืนและมีคุณภาพสูง ส่งเสริมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ให้เป็นฟันเฟืองใหม่ที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกานซูภายในปี 2568
เขตฯ หนิงเซี่ยหุย
ในปี 2563 เขตฯ หนิงเซี่ยหุยร่วมกับอีก 7 มณฑลทางภาคตะวันตก ได้แก่ นครฉงชิ่ง เขตฯ กว่างซีจ้วง มณฑลกุ้ยโจว มณฑลกานซู มณฑลชิงไห่ เขตฯ ซินเจียงอุยกูร์ และมณฑลยูนนาน ได้ลงนามในกรอบความตกลง (MOU) ว่าด้วยการสร้างช่องทางการส่งเสริมเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศทางบกและทางทะเล ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2563 ศุลกากร 15 แห่งในภูมิภาคตะวันตกของจีนได้ร่วมลงนาม MOU สนับสนุนการดำเนินการของเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศทางบกและทางทะเล (Memorandum of Cooperation on the Joint Support of Regional Customs for the Construction of “New Land Sea Channel in Western China”) ซึ่งครอบคลุมศุลกาการนครซีอาน นครหลานโจว และนครหยินชวนด้วย
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 สำนักข่าว ChinaNews สาขานครหยินชวน รายงานว่า ศูนย์โลจิสติกส์ทางหลวงและทางรางแห่งเขตฯ หนิงเซี่ยหุย (Ningxia Yinchuan Highway and Railway Transport Logistics Center, 宁夏银川公路铁路运输物流中心) ได้เปิดตัวเที่ยวการขนส่งสินค้าทางรางรอบพิเศษ โดยใช้ประโยชน์จากเส้นทาง New Western Land-Sea Corridor (西部陆海新通道) ส่งสินค้าผ่านนครฉงชิ่ง สู่ท่าเรือชินโจว (钦州港) เขตฯ กว่างซีจ้วง ต่อไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จ. ชลบุรี (ท่าเรือแหลมฉบังของไทยและท่าเรือชินโจวเป็นท่าเรือพี่น้องกันตั้งแต่ปี 2561) ถือเป็นการขนส่งสินค้ากลุ่มหินและแกรนิตแปรรูปของเขตฯ หนิงเซี่ยหุยรอบปฐมฤกษ์ที่ขนส่งไปยังประเทศไทย บรรทุกสินค้ารวม 60 ตู้ น้ำหนัก 1,650 ตัน มูลค่า 6.73 ล้านหยวน ใช้เวลาในการขนส่งรวม 20 วัน ซึ่งเมื่อนำโมเดลการขนส่งแบบหลากหลาย (Multimodal Transportation) มาใช้ทำให้สามารถลดต้นทุนได้มากถึงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับการขนส่งทางเรือเพียงอย่างเดียว
ปัจจุบัน เขตฯ หนิงเซี่ยหุยมีศูนย์โลจิสติกส์ทางหลวงและทางราง เป็นฐานรองรับการขนส่งสินค้าทั้งทางบกและทางราง ซึ่งได้รับการอนุมัติจัดตั้งจากรัฐบาลเขตฯ เมื่อปี 2554 และได้รับการพัฒนาและยกระดับอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมพื้นที่ 7,800 หมู่ (ราว 3,196 ไร่) อาทิ โครงการก่อสร้างทางเชื่อมต่อเข้ากับสถานีรถไฟหยินชวนใต้ (银川火车站南站综合货场) ที่มีสถานที่รองรับการออกลากตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเพื่อมาบรรจุสินค้าในพื้นที่หรือโกดัง และมีโครงการลงทุนย่อยในพื้นที่รวม 13 โครงการ
บทสรุป
แม้มณฑลส่านซี มณฑลกานซู และเขตฯ หนิงเซี่ยหุย จะมิใช่พื้นที่เป้าหมายหลักในการส่งเสริมของแผนแม่บท ILSTC[1] แต่ก็ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและสร้างโอกาสทางการค้าเพิ่มเติม โดยปัจจุบันทิศทางการขนส่งสินค้าทางรางของทั้ง 3 มณฑลยังคงเน้น “รถไฟขนส่งสินค้าสู่เอเชียกลางและยุโรป” จึงทำให้ที่ผ่านมาแผนการพัฒนาเครือข่ายรถไฟในพื้นจึงเน้นที่การพัฒนาเครือข่ายรถไฟภายในมณฑลเป็นหลัก เพื่อเสริมศักยภาพและสร้างโอกาสการขนส่งสินค้าจากเมืองรองได้โดยตรง
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงแผนการพัฒนาเครือข่ายรถไฟในอนาคตแล้ว จะพบว่านครซีอาน เมืองเอกของมณฑลส่านซี มีแผนการขยายการเชื่อมต่อที่เน้นการสานความร่วมมือกับเครือข่ายที่มีในการให้บริการเส้นทางมุ่งลงใต้ที่ค่อนข้างชัดเจน อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่นก็มีความกระตือรือร้นในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้สอดรับกับแผนพัฒนาเครือข่ายรถไฟอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถคาดการณ์ได้ว่า ในอนาคต นอกเหนือจากการเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระบบรางสู่เอเชียกลางและยุโรปแล้ว นครซีอานจะมุ่งเน้นการเข้ามามีส่วนร่วมใน ILSTC มากยิ่งขึ้น เป้าหมายคือตลาดใหญ่ในอาเซียน ซึ่งศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซีอาน จะได้ติดตามพัฒนาการเพื่อนำเสนอแก่ท่านผู้อ่านต่อไป
ข้อมูลเพิ่มเติม
[1] แผนแม่บทฯ แบ่งเส้นทางระเบียงฯ เป็น 3 เส้น ได้แก่ (1) เส้นทางนครฉงชิ่ง – กุ้ยหยาง (มณฑลกุ้ยโจว)-นครหนานหนิง (เขตฯ กว่างซีจ้วง) -อ่าวเป่ยปู้ (2) นครฉงชิ่ง-เมืองหวนฮว่า (มณฑลหูหนาน)-เมืองหลิ่วโจว (เขตฯ กว่างซีจ้วง)-อ่าวเป่ยปู้ และ (3) นครเฉิงตู – เมืองหลูโจว (มณฑลเสฉวน) – เมืองไป๋เซ่อ (เขตฯ กว่างซีจ้วง) – อ่าวเป่ยปู้
[1] เดิมชื่อศูนย์บรรทุกสินค้าด้วยคอนเทนเนอร์ทางรางนครหลานโจว兰州铁路集装箱中心 และศูนย์โลจิสติกส์นานาชาตินครหลานโจว 兰州国际港务区
[2] ข้อมูลจากศูนย์ประสานงานระเบียงการค้าเชื่อมทางบกและทางทะเลระหว่างประเทศสายใหม่ (The Coordination Center for Logistics and Operation of the New International Land-Sea Trade Corridor (ILSTC)) ระบุว่า สิ้นปี 2563 ปริมาณการขนส่งสินค้าผ่าน ILSTC ทั้งในระบบรางและเรือ มีมากกว่า 4,596 เที่ยว เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีเพียง 2,243 เที่ยว ซึ่งถือเป็นสถิติการเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางวิกฤติ COVID-19 โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 การขนส่งสินค้าผ่าน 3 ประเภท (ราง เรือ และทางหลวง) ของ ILSTC ขยายตัวครอบคลุมท่าเรือกว่า 264 แห่งใน 96 ประเทศทั่วโลก 1 และเพิ่มเป็น 304 แห่งใน 106 ประเทศทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564
[3] อ้างอิงจาก http://k.sina.com.cn/article_2359441912_8ca239f8020012dag.html
[1] เปลี่ยนชื่อเป็น “Xi’an International Port Station: 西安国际港站” เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2564
[1] เดิมมีรถไฟเส้นทางฉงชิ่ง-กุ้ยหยาง (Chongqing-Guiyang Railway) เปิดให้บริการเมื่อ 25 มกราคม 2561
[1] อ้างอิงจาก https://new.qq.com/omn/20210924/20210924A059EF00.html
[1] ข้อมูลจากศูนย์ประสานงานระเบียงการค้าเชื่อมทางบกและทางทะเลระหว่างประเทศสายใหม่ ระบุว่า สิ้นปี 2563 ปริมาณการขนส่งสินค้าผ่าน ILSTC ทั้งในระบบรางและเรือ มีมากกว่า 4,596 เที่ยว เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ที่มีเพียง 2,243 เที่ยว ซึ่งถือเป็นสถิติการเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางวิกฤติ COVID-19 โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 การขนส่งสินค้าผ่าน 3 ประเภท (ราง เรือ และทางหลวง) ของ ILSTC ขยายตัวครอบคลุมท่าเรือกว่า 264 แห่งใน 96 ประเทศทั่วโลก 1 และเพิ่มเป็น 304 แห่งใน 106 ประเทศทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564
[2] อ่านเพิ่มเติมได้ที่ บทความ เส้นทางขนส่งสินค้านานาชาติฉางอันห้าว ปี 2563 ทุบสถิติส่งออกมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
ข้อมูลอ้างอิง
http://k.sina.com.cn/article_2359441912_8ca239f8020012dag.html
https://www.sohu.com/a/448766521_120374376
https://new.qq.com/rain/a/20210204A0EP7400
New International Land-Sea Trade Corridor 国际陆海贸易新通道_百度百科 (baidu.com)
https://baijiahao.baidu.com/s?id=1712565966910748327&wfr=spider&for=pc https://baike.baidu.com/item/%E6%AD%A6%E8%A5%BF%E9%AB%98%E9%80%9F%E9%93%81%E8%B7%AF/24173458?fromtitle=%E8%A5%BF%E5%8D%81%E9%AB%98%E9%93%81&fromid=22862171&fr=aladdin
https://www.sohu.com/a/448766521_120374376
https://new.qq.com/rain/a/20210204A0EP7400
https://baijiahao.baidu.com/s?id=1689270493286370230&wfr=spider&for=pc
http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/2020-08/24/c_139313676.htm