บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในจีนกับเศรษฐกิจจีนในยุค “New Normal”
20 Feb 2017ในยุคที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง โดยเน้นการเติบโตที่มีเสถียรภาพ ไม่สูงมากแต่เติบโตในระดับปานกลาง ฟังดูแล้วอาจไม่น่าเป็นที่น่าสนใจหรือน่าดึงดูดเหมือนแต่ก่อน นอกจากนี้ ผลกำไรของบางบริษัทหรือยอดจำหน่ายที่ลดลง ย่อมลดความน่าดึงดูดของตลาดจีนลงไปอีก อย่างไรก็ดี ภายใต้ภาวะ “New Normal” ย่อมมีทั้งความท้าทายซึ่งบริษัทต่าง ๆ ต้องปรับตัว รวมถึงโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงการปฏิรูปทางเศรษฐกิจของจีน
ผลประกอบการทางธุรกิจของบริษัทต่างประเทศบางส่วนลดลง
ในปี 2558 ยอดจำหน่ายของบริษัท Carlsberg และบริษัท Heineken ในตลาดจีนลดลง โดยบริษัท Carlsberg มีกำไรลดลงร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับปี 2557 และขาดทุน 2,512 ล้านหยวน ส่วนบริษัท Heineken ถึงแม้มีกำไรเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 มียอดจำหน่ายในตลาดจีนลดลง ทำให้รายได้ของบริษัท Heineken ในปี 2558 แทบไม่ได้เพิ่มขึ้น การที่ทั้งสองบริษัทดังกล่าวมียอดจำหน่ายที่ลดลงนั้น ส่วนหนึ่งมาจากตลาดเบียร์จีนที่ซบเซาลงด้วย โดยในปี 2558 ปริมาณการผลิตเบียร์ของจีนอยู่ที่ 47 ล้านกิโลลิตร ลดลงร้อยละ 5.06 จากปี 2557 และน้อยที่สุดในรอบ 5 ปีมานี้
บริษัท Volkswagen เข้าตลาดจีนมาได้ 30 กว่าปี และถือเป็นหนึ่งในบริษัทต่างชาติที่ประสบความสำเร็จในตลาดจีน อย่างไรก็ดี ในปี 2558 มียอดจำหน่ายรถยนต์ 3.55 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ที่มียอดจำหน่ายลดลง
ในภาคอุตสาหกรรม บริษัทต่างประเทศที่ลงทุนในจีนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง อาทิ บริษัท United Technologies Corporation ซึ่งผลิตลิฟท์และอุปกรณ์การทำความเย็นของสหรัฐอเมริกา ได้คาดการณ์ว่า ยอดจำหน่ายในปี 2559 จะลดลงอย่างต่อเนื่อง
หอการค้าญี่ปุ่นในจีนระบุว่าในปี 2558 ญี่ปุ่นลงทุนในจีน 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 25.9 จากปี 2557 และเป็นการลดลงต่อเนื่อง 3 ปี และผลสำรวจขององค์กรการฟื้นฟูการค้าของญี่ปุ่นพบว่า มีเพียงร้อยละ 38.1 ของบริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในจีนที่มีแผนการขยายธุรกิจภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ในขณะที่ในปี 2554 ร้อยละ 66.8 ของบริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในจีนมีแผนการขยายธุรกิจในจีน
หอการค้าสหรัฐอเมริกาในจีนและบริษัท Bain&Company ได้ร่วมประกาศรายงานสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของจีน โดยได้สัมภาษณ์บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในจีนเกือบ 500 บริษัท พบว่าร้อยละ 40 มีรายได้ในปี 2558 เท่ากับหรือน้อยกว่าปี 2557 และมีเพียงร้อยละ 64 ของบริษัทต่างประเทศที่ลงทุนในจีนที่ไม่ขาดทุน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
บริษัทต่างประเทศที่ลงทุนในจีนปรับตัวเข้ากับสภาพเศรษฐกิจใหม่ และค้นหาโอกาสทางการค้าใหม่
ปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ต้นทุนแรงงานของจีนเพิ่มมากขึ้น การแข่งขันทางตลาดทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้บริษัทต่างประเทศที่ลงทุนในจีนมีผลประกอบการต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บางบริษัทต่างประเทศยังถูกตรวจสอบการผูกขาดทางตลาด อาทิ บริษัท Microsoft และบริษัท Daimler Group และบางบริษัทถูกตรวจสอบด้านการคอร์รัปชั่น อาทิ บริษัท GlaxoSmithKline และบริษัท Mead Johnson อย่างไรก็ดี การประกอบธุรกิจและการลงทุนในจีนภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจจีนกำลังพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
เมื่อเดือน พ.ค. 2559 บริษัท FAW-Volkswagen เริ่มก่อสร้างฐานการผลิตในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเขตการพัฒนาของนครเทียนจิน โดยใช้เงินทุน 19,500 ล้านหยวน โดย CEO ของบริษัท Volkswagen China ระบุว่า บริษัทมีความเชื่อมั่นในตลาดจีนสูงและต้องการบุกตลาดจีนอย่างต่อเนื่องจึงเป็นที่มาของการลงทุนขนาดใหญ่ในครั้งนี้ โดยจะมีการลงทุนในปี 2559 เท่ากับ 4,000 ล้านยูโร และการลงทุนในจำนวนนี้ในหลายปีข้างหน้า นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับทิศทางการพัฒนาใหม่ อาทิ การวิจัยและการประยุกค์ใช้เทคโนโลยีใหม่ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้น โดยจีนนับเป็นแหล่งบ่มเพาะเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ของ บริษัทที่จะเผยแพร่ไปทั่วโลกต่อไป
บริษัท Tesla กำหนดให้จีนเป็น 1 ในตลาดที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก ในไตรมาสแรกของปี 2559 ยอดจำหน่ายในตลาดจีนของบริษัท Tesla เพิ่มขึ้นร้อยละ 300 จากช่วงเดียวกันในปี2558 ส่วนบริษัท PPG แสดงความเชื่อมั่นต่อตลาดจีน โดยมีแผนขยายโรงงานอีกหลายแห่งเพื่อพัฒนากำลังการผลิตให้สูงขึ้น
สมาชิกหอการค้าสหรัฐอเมริการะบุว่าร้อยละ 60 ของสมาชิก มองจีนเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของแหล่งการลงทุนของตนเอง และร้อยละ 25 ของสมาชิกถือว่าจีนเป็นแหล่งการลงทุนอันดับที่ 1 โดยมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในอนาคต รวมทั้งการดำเนินการของรัฐบาลจีนในการขจัดปัญหาสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านการปกป้องลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาและการปราบปรามปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น
3 อุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจากบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในจีน
บริษัทต่างชาติปรับกลยุทธิ์การลงทุนในจีน โดยกำหนดทิศทางการลงทุนที่ชัดเจนมากขึ้น และให้ความสนใจกับอุตสาหกรรม 3 ประเภทดังต่อไปนี้
–อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์เครื่องจักรกลชั้นสูง
เมื่อปี 2557 ศูนย์กลางการบำรุงซ่อมแซมเครื่องบิน Bombardier เริ่มก่อสร้างที่เขตการค้าเสรีของนครเทียนจิน โดยมีมูลค่าการลงทุน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ตลาดเครื่องบินธุรกิจของจีนได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ยอดจำหน่ายเครื่องบินธุรกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.7 ต่อปี บริษัท Bombardier คาดว่า ใน 10 ปีข้างหน้า ตลาดเครื่องบินธุรกิจของจีนจะมีศักยภาพในการพัฒนามาก โดยจีนจะมีเครื่องบินธุรกิจ 6,000 ลำภายในปี 2576 บริษัทต่างชาติที่เล็งเห็นโอกาสดังกล่าวได้เร่งบุกตลาดเครื่องบินธุรกิจของจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การผลิตเครื่องบินธุรกิจการบำรุงรักษา จนถึงการสอบใบขับขี่ของนักบิน
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการก่อสร้างของจีนมีเทคโนโยลีที่ล้าหลัง ใช้อุปกรณ์ที่ล้าสมัยและอันตราย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเครื่องมืออุปกรณ์การก่อสร้างให้ดีขึ้น บริษัท JLG ผู้ผลิตเครื่องมือการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกเล็งเห็นถึงความต้องการของตลาดจีน โดยเฉพาะเครื่องมือการก่อสร้างในที่สูง จึงเร่งพัฒนาเครื่องมือการก่อสร้างเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว รูปแบบใหม่สำหรับตลาดจีน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์เครื่องจักรกลชั้นสูงมีค่าตอบแทนสูง และมีความต้องการใหญ่มากในตลาดจีน ในขณะเดียวกัน ยังขาดเทคโนโลยีชั้นสูงที่เพียงพอ ซึ่งบริษัทต่างประเทศมีความได้เปรียบมากกว่า และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในตลาดจีนสูงกว่า
–อุตสาหกรรมการผลิตยาและชีวภาพ
อุตสาหกรรมการผลิตยาและชีวภาพเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเข้มข้น ปัจจุบัน บริษัท GSK ของอังกฤษ บริษัท Bayer ของเยอรมันและบริษัท Novozymes ของเดนมาร์ก ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาและชีวภาพชั้นนำของโลกได้เร่งขยายการลงทุนในจีน โดยในอดีต บริษัทผลิตยาของต่างชาติที่ก่อตั้งศูนย์วิจัยและการพัฒนาในจีนเน้นการให้บริการหลังการจำหน่ายแต่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยดังกล่าวเริ่มวิจัยและพัฒนายาประเภทใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดจีนมากขึ้น
-ธุรกิจการท่องเที่ยวแบบใหม่
สถิติจากกรมการท่องเที่ยวแห่งชาติจีนระบุว่า ในปี 2559 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศเท่ากับ 122 ล้านคน/ครั้ง ยอดรวมการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวในต่างประเทศของชาวจีนเท่ากับ 109,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนักท่องเที่ยวจีนท่องเที่ยวภายในประเทศถึง 4,440 ล้านคน/ครั้ง มีรายได้จากการท่องเที่ยว 3.9 ล้านล้านหยวน แสดงให้เห็นว่า ตลาดการท่องเที่ยวของจีนยังมีศักยภาพในการขยายตัวสูงมาก บริษัทต่างชาติหันมาให้ความสนใจกับธุรกิจการท่องเที่ยวในจีน
Universal Parks ของสหรัฐอเมริกาลงนามสัญญากับกรุงปักกิ่งเมื่อปี 2558 ในการก่อสร้าง Universal Parks ที่เขตทงโจว กรุงปักกิ่ง ซึ่งมียอดการลงทุนถึง 5 หมื่นล้านหยวน และคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของกรุงปักกิ่ง นอกจากนี้ Disneyland ได้เปิดให้บริการที่ นครเซี่ยงไฮ้เมื่อปี 2559 ส่วนบริษัท Rovio ของฟินแลนด์ได้ประกาศการก่อสร้าง Angry Birds Park ทั้งหมด 9 แห่งในจีนใน 4 ปีข้างหน้า
รัฐบาลจีนผ่อนคลายกฎการเข้าถึงตลาด (market access) ของบริษัทต่างชาติ อำนวยความสะดวกการลงทุนในอุตสาหกรรมที่จีนสนับสนุน
เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีจีนได้ประกาศ 20 มาตรการเพื่อส่งเสริมการเปิดประเทศและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยมุ่งเน้นการสร้างสิ่งแวดล้อมทางการแข่งขันที่เป็นธรรมและการปรับลดต้นทุนของบริษัททุนต่างชาติที่เกิดจากส่วนกลาง (รายละเอียดของมาตรการปรากฏที่ https://wordpress-575750-3895056.cloudwaysapps.com/thaibizchina/th/china-economic-business/result.php?SECTION_ID=462&ID=17444)
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนก็ได้ปรับปรุงรายการสาขาธุรกิจสำหรับต่างชาติลงทุนในจีน (Catalogue for Guiding Foreign Investment in Industry) ซึ่งลดรายการต่าง ๆ จาก 93 เหลือ 62 รายการ เช่น ในด้านอุตสาหกรรมการผลิต จีนได้ยกเลิกการจำกัดการลงทุนจากต่างชาติในอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์การคมนาคมที่เป็นระบบราง อุตสาหกรรมการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ อุตสาหกรรมการผลิตแอลกอฮอล์ที่เป็นเชื้อเพลิง และอุตสาหกรรมการแปรรูปน้ำมัน เป็นต้น
คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ดำเนินมาตรการ 4 มาตรการ เพื่อส่งเสริมให้บริษัทต่างประเทศลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตมากขึ้น ได้แก่
– กำหนดให้บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในจีนรับสิทธิ์ประโยชน์เท่าเทียมกับบริษัทจีนภายใต้นโยบาย ‘Made in China 2025’ (รายละเอียดของโครงการภายใต้นโยบาย ‘Made in China 2025’ ปรากฎที่ https://wordpress-575750-3895056.cloudwaysapps.com/thaibizchina/th/china-economic-business/result.php?IBLOCK_ID=69&SECTION_ID=442&ID=17091&phrase_id=1121245)
– เปิดภาคอุตสาหกรรมการผลิตให้บริษัทต่างชาติมากขึ้น
-นโยบายการอุดหนุนเพื่อส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่นจะให้ความสำคัญกับโครงการในอุตสาหกรรมการผลิตมากขึ้น
-สำหรับโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนให้บริษัทต่างชาติลงทุน รัฐบาลท้องถิ่นจะจัดสรรที่ดิน และให้ราคาพิเศษแก่บริษัทต่างชาติที่เข้าข่าย
ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจ “New Normal” ของจีน บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในจีนพบทั้งโอกาสและความท้าทาย ในช่วงการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงนี้ บริษัทที่สามารถปรับตัวได้ทัน และติดตามนโยบายของภาครัฐก็จะได้เปรียบและสามารถประสบความสำเร็จในตลาดจีนในยุค “New Normal” ได้ ปัจจุบัน จีนครองสัดส่วน 1 ใน 3 ของมูลค่าการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และจะครองสัดส่วนดังกล่าวอีกระยะหนึ่ง หากจีนปฏิรูปได้สำเร็จ จะมีส่วนช่วยเศรษฐกิจโลกได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต
แหล่งอ้างอิง
1. http://www.gywb.cn/content/2016-01/31/content_4573562.htm
2. http://www.nbd.com.cn/articles/2017-02-16/1076698.html
3. http://news.xinhuanet.com/fortune/2016-08/03/c_129200476.htm