สำรวจอุตสาหกรรมสมุนไพรจีนเมืองติ้งซี มณฑลกานซู แหล่งผลิตสมุนไพรขนาดใหญ่ 1 ใน 4 ของจีน
23 Apr 2020มณฑลกานซูเป็นมณฑลที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของประเทศจีน ราว 425,000 ตร. กม. เป็นรองเพียงเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เขตปกครองตนเองทิเบต มณฑลชิงไห่ และมณฑลเสฉวนเท่านั้น แต่มีอัตราความหนาแน่นของประชากรอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่ และด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีแม่น้ำเหลืองไหลผ่านกลางเมือง สภาพอากาศที่เหมาะแก่การเกษตร ทำให้ประชากรกว่าร้อยละ 70 ของมณฑลยึดอาชีพเกษตรกร
สมุนไพรจีน เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมทำเงินสำคัญของมณฑลกานซูมาอย่างยาวนาน มณฑลกานซูมีพื้นที่เพาะปลูกสมุนไพรมากกว่า 4.6 ล้านหมู่ (ราว 2.06 ล้านไร่) และมีพืชสมุนไพรมากกว่า 1,500 ชนิด นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งวัตถุดิบสมุนไพรจากสัตว์ 214 ชนิด และจากแร่ธาตุอีก 43 ชนิด โดยได้รับการบรรจุลงในบัญชีตำรับสมุนไพร 276 ชนิดจากทั้งหมด 363 ชนิด หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76 ของรายการบัญชีสมุนไพรแห่งชาติ สมุนไพรที่มณฑลกานซูผลิตได้มากที่สุด 5 ลำดับแรกเป็นพืชตระกูลโสม ได้แก่ ตังกุย ตังเซิน หวงฉี ชะเอม และต้าหวง
ตังกุย ตังเซิน และหวงฉี พืชตระกูลโสมที่มณฑลกานซูปลูกมากที่สุด
บทบาทของสมุนไพรจีนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-1 9
ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด 19 สมุนไพรจีนมีบทบาทในการรักษาเชิงสนับสนุน สามารถช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี ในส่วนของมณฑลกานซูที่เป็นเมืองหน้าด่านในการรับแรงงานชาวจีนที่เดินทางกลับจากประเทศอิหร่านกว่า 311 คน ในจำนวนนี้มีผู้ติดเชื้อฯ 37 ราย ข้อมูลจากการแพทย์แผนจีนแห่งชาติ (State Administration of Traditional Chinese Medicine) ระบุว่า มณฑลกานซูกำหนดให้สถาบันทางการแพทย์ทั้งหมดในพื้นที่ผสมผสานศาสตร์การรักษาระหว่างการแพทย์แผนจีนและตะวันตก บริการให้คำปรึกษาทางคลินิกแก่แพทย์แผนจีนที่ทำการรักษาอยู่แนวหน้าร่วมกับแพทย์ด้านอื่นๆ ทาง Video Conference พร้อมทั้งเผยแพร่ตำรับการรักษาผู้ป่วย โดยจำแนกเป็นเพื่อการป้องกันและเพื่อการรักษาฟื้นฟู ได้แก่
กลุ่มการป้องกัน | (1) เพื่อบำรุงร่างกาย ได้แก่ เห็ดหูหนูขาว เมล็ดบัว ไป่เหอ (กลีบกอลิลลี่) ซี่โครงหมู ซานเย้า ตุ๋นรวมกันกับน้ำสะอาดไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง รับประทานแต่น้ำ |
(2) เพื่อป้องกันและบำรุงร่างกายให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย ได้แก่ แครอท แห้ว ฟองเต้าหู้ ไป่เหอ (กลีบกอลิลลี่) หวงฉี พุทราเชื่อม ตุ๋นรวมกันกับน้ำสะอาดไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง รับประทานแต่น้ำ | |
(3) สำหรับผู้ที่เป็นหวัดหรือผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อฯ สูง ได้แก่ เกาลัด เนื้อหมูไม่ติดมัน ลูกเดือย เปลือกส้ม เกลือ ขิง และเต้าซี่ ตุ๋นรวมกันกับน้ำสะอาดไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง รับประทานแต่น้ำ | |
(4) เพื่อป้องกันการติดเชื้อฯ ในกลุ่มคนทั่วไป ได้แก่ ก้วนจ้ง ซูเกิ่ง เต้าซี่ จิ่วต้าหวง ชางซู่ ตุ๋นรวมกันกับน้ำสะอาด 500 มล. เคี่ยวจนเหลือ 200 มล. รับประทานแต่น้ำ | |
(5) เพื่อป้องกันและบำรุงร่างกายให้กับกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อฯ ได้แก่ หวงฉี เฉ่าไป๋ซู่ ฝางเฟิง เฉียงหัว เพ่ยหลาน และขิงสด ตุ๋นรวมกันกับน้ำสะอาด 500 มล. เคี่ยวจนเหลือ 200 มล. รับประทานแต่น้ำ |
กลุ่มการรักษา | (1) สำหรับผู้ที่เป็นหวัดหรือผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อฯ สูง ได้แก่ หวงฉี เฉ่าไป๋ซู่ ฝางเฟิง เฉียงหัว เพ่ยหลาน และขิงสด ตุ๋นรวมกันกับน้ำสะอาด 500 มล. เคี่ยวจนเหลือ 200 มล. รับประทานแต่น้ำ |
(2) ผู้ป่วยที่มีอาการไข้ต่ำ ไอแห้ง ปวดหัว คลื่นไส้จากการติดเชื้อฯ ที่ปอด แนะนำให้ใช้ จือหมาหวง อัลมอนต์ เจียงโหวผู่ เฉากั่ว หมาก ดักแด้หนอนไหม เหลียนเฉียว เฉียงหัว ชางซู่ เปลือกส้ม และจิ่วต้าหวง | |
(3) ผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูงไม่ลด ไอและมีเสมหะสีเหลืองเล็กน้อย แน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มปอด ท้องผูก ท้องอืดจากการติดเชื้อฯ ที่ปอด แนะนำให้ใช้ อัลมอนต์ ยิปซัม ตั่นหนานซิง จิ่วต้าหวง ถิ่งลี่จื่อ สุยหนิวเจี่ยว วอลนัท ฉือเส้า และชะเอมเทศ |
ผู้ป่วยกว่าร้อยละ 97.8 ที่รับการรักษาแบบผสมผสานมีอาการดีขึ้น อาการป่วยหายดีจนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ร้อยละ 93.4 ข้อมูลเพิ่มเติมจาก คมธ. สุขภาพมณฑลกานซูระบุว่า ภายหลังการใช้ยาสมุนไพรจีนในการรักษาร่วมกันนั้น ผู้ป่วยปอดอักเสบ (1) ไข้ลดลงภายใน 2.91 วัน (2) อาการไอลดลงจนหายดี 3.11 วัน และ (3) อาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัดทุเลาลงใน 3.66 วัน สามารถเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น รวมทั้งสร้างความสมดุลแก่ร่างกายผู้ป่วย
เมืองติ้งซี : แหล่งผลิตสมุนไพรที่สำคัญของจีน
เมืองติ้งซี ถือเป็นเมืองหลักที่มีศักยภาพในการผลิตและแปรรูปสมุนไพรสูงเป็นลำดับต้นๆ ของมณฑลและของประเทศ เฉพาะผลผลิต อ. หล่งซี มีสมุนไพรคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของปริมาณผลผลิตสมุนไพรของทั้งประเทศ หากจำแนกเป็นชนิดสมุนไพรพบว่า อ. หล่งซีสามารถผลิตและแปรรูปตังกุย ต้าหวง ชะเอม ไฉหู (ฉ่าโอ๊ว) และป่านหลานเกิน ได้มากถึงร้อยละ 50 ของปริมาณที่ผลิตได้ทั้งประเทศ ปัจจุบัน อ. หล่งซียังเป็นฐานที่ตั้งของสาขาวิสาหกิจผู้ผลิตยาขนาดใหญ่ของประเทศ เช่น Qianjin Group, Guangzhou Pharmaceutical Holdings และ China TCM นอกจากนี้ ยังมีวิสาหกิจท้องถิ่นและคลังวัตถุดิบสมุนไพรกว่าอีก 30 แห่ง
ตลาดค้าส่งสมุนไพรแห่งหนึ่งของ อ. หล่งซี
นอกจาก อ. หล่งซีแล้ว ปัจจุบัน มณฑลกานซูยังขยายอุตสาหกรรมสมุนไพรครอบคลุมกว่า 10 เมือง 51 อำเภอ 508 หมู่บ้าน สร้างงานและรายได้ให้แก่เกษตรกรมากถึง 239,000 คน รายได้จากอุตสาหกรรมสมุนไพรคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของรายได้สุทธิต่อหัวของเกษตรกร ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สนง. เกษตรมณฑลกานซูสนับสนุนการทำตลาดผ่านตลาดกำหนดราคากลาง 5 แห่ง กระจายไปตามแหล่งเพาะปลูกสมุนไพรของพื้นที่นั้นๆ ได้แก่ (1) ศูนย์แลกเปลี่ยนสมุนไพรจีนโส่วหยาง อ. หล่งซี เมืองติ้งซี (2) ศูนย์แลกเปลี่ยนสมุนไพรจีนเว่ยสุ่ย เมืองเว่ยหยวน (3) ศูนย์แลกเปลี่ยนสมุนไพรจีนหุ้ยชวน เมืองเว่ยหยวน (4) ศูนย์แลกเปลี่ยนสมุนไพรตังกุย อ. หมิน และ (5) ศูนย์แลกเปลี่ยนสมุนไพรจีนอันหนิง นครหลานโจว ทั้งหมดเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าสมุนไพรของมณฑลกานซูกว่า 1.2 ล้านตัน สร้างรายได้ในปี 2562 ไปกว่า 23,000 ล้านหยวน แต่จากข้อมูลพบว่ามีการส่งออกไปยังต่างประเทศเพียง 20.29 ล้านหยวน ในขณะที่ข้อมูลอีกด้านหนึ่งได้คาดการณ์ตลาดยาสมุนไพรจีนจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและจะทำรายได้มากถึง 844,000 ล้านหยวน ภายในปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มความต้องการยาสมุนไพรจีนขยายตัวสูงถึงร้อยละ 6 ในปี 2562 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 ที่มีอัตราการเติบโตเพียงร้อยละ 2.1 เท่านั้น ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นถึงโอกาสตลาดสมุนไพรจีนทั้งในและต่างประเทศที่ยังมีโอกาสขยายตัวอยู่มาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสมุนไพรจีนของ อ. หล่งซี เมืองติ้งซี ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกานซู ที่รัฐบาลท้องถิ่นให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมสมุนไพรให้เป็น 1 ในอาชีพเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน
ตั้งเป้าต่อยอดและพัฒนาความร่วมมือกับต่างประเทศ
ถึงแม้การปลูกและแปรรูปสมุนไพรจะได้รับความนิยมและเป็นอาชีพที่สร้างรายได้แก่เกษตรกรท้องถิ่นก็ตาม แต่อุตสาหกรรมสมุนไพรของมณฑลกานซูยังคงขาดการวิจัยและพัฒนาเชิงพาณิชย์ อาทิ การสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สมุนไพร และสารสกัดให้เป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกสู่ตลาดโลก และการสร้างมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีเพื่อให้ผลิตผลได้มาตรฐานปลอดภัยตามเกณฑ์ (Good Agriculture Practice Certification : GAP) เนื่องจากปัจจุบัน มีโรงงานผลิตและแปรรูปสมุนไพรของมณฑลกานซูเพียง 104 โรงงาน ที่ได้รับมาตรฐาน GAP
มณฑลกานซูก่อตั้งศูนย์แพทย์แผนจีนฉีหวงซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมสมุนไพรจีน ณ ประเทศฮังการี
อย่างไรก็ดี การส่งเสริมการรับรู้และเข้าถึงอุตสาหกรรมสมุนไพรของมณฑลกานซูไปยังต่างประเทศนั้น ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมากจากหน่วยงานภาครัฐ ส่งผลให้ในช่วงหลายปีนี้ อุตสาหกรรมสมุนไพรจีนของมณฑลกานซู รวมไปถึงศาสตร์การแพทย์แผนจีนเป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางขึ้นในต่างประเทศ การส่งเสริมการรับรู้และเข้าถึงอุตสาหกรรมสมุนไพรท้องถิ่นผ่านเวทีการจัดงานนานาชาติ เช่น มณฑลกานซูเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมอุตสาหกรรมการแพทย์แผนจีน China (Gansu) Traditional Chinese Medicine Industry Expo มาแล้ว 2 ครั้ง
ในส่วนของประเทศไทยนั้น เมื่อเดือน มี.ค. 2561 บ. ถังหมิง กรีนเฮลท์ (Tangming Thailand) ได้ลงนามความร่วมมือกับ คกก. วางแผนครอบครัวและสาธารณสุขมณฑลกานซู จัดตั้งศูนย์การแพทย์แผนจีน “Qihuang การแพทย์แผนจีนประจำประเทศไทย” ณ รพ. เกษมราษฎร์ ประชาชื่น มีการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การรักษาด้วยแพทย์แผนจีนไปแล้วกว่า 3,200 คน ต่อมาในเดือน ต.ค. 2561 คกก. วางแผนครอบครัวและสาธารณสุขมณฑลกานซูยังได้ลงนามความร่วมมือกับกองการแพทย์ทางเลือก การแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข ในโครงการแลกเปลี่ยน/ฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ทางเลือก และความร่วมมือด้านการแพทย์แผนจีนของมณฑลกานซูและประเทศไทย
เป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรของเมืองติ้งซีในปี 2563
รัฐบาลเมืองติ้งซีในฐานะหัวเรือใหญ่ มีเป้าหมายในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสมุนไพรมณฑลกานซู ดังนี้
- เมืองติ้งซี เป็นพื้นที่หลักในการเพาะปลูกและแปรรูปสมุนไพรแห่งหนึ่งของจีน ในปี 2562 มีพื้นที่เพาะปลูกสมุนไพรมากถึง 1.22 ล้านหมู่ (ราว 500,000 ไร่) เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ประมาณ 105,000 หมู่ (ราว 43,032 ไร่) รัฐบาลตั้งเป้าส่งเสริมให้อุตสาหกรรมสมุนไพรเป็นอุตสาหกรรมทำเงินหลักแก่เกษตรกรชนบท ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลมณฑลกานซูเร่งขยายความเจริญและช่องทางการกระจายสินค้าสมุนไพรจากเมืองติ้งซีไปยังเมืองหล่งหนาน (มีพื้นที่ปลูกสมุนไพรอันดับ 2 ของมณฑล ขนาด 1.08 ล้านหมู่ (ราว 442,622 ไร่) มูลค่า 2,156 ล้านหยวน) และเมืองเหอซีให้เป็นฐานการผลิต ผลักดันนครหลานโจวเป็นศูนย์กลางการรวบรวมและกระจายสินค้าไปยังต่างมณฑลและต่างประเทศเพิ่มเติมจาก อ. หล่งซี
- เพิ่มศักยภาพแก่เกษตรกรในการรับมือกับภัยธรรมชาติและความผันผวนของราคาสินค้า โดยเฉพาะสมุนไพรตระกูลโสม (ตังกุย ตังเซิน และหวงฉี) กำหนดให้มีการประกันราคาและมาตรการอุดหนุนเมื่อเกิดภัยธรรมชาติหรือประสบปัญหาราคาตกต่ำ โดยรัฐบาลมณฑลกานซูจะให้การอุดหนุนสมุนไพรตระกูลโสมไม่เกิน 840,000 หมู่ (ราว 344,262 ไร่) และสมุนไพรชนิดอื่นๆ รวมกันไม่เกิน 1.15 ล้านหมู่ (ราว 471,311 ไร่)
- สนับสนุนการนำสมุนไพรมาใช้เป็นเครื่องมือ “เสริมสร้างความสัมพันธ์” กับประเทศบนแถบเส้นทางสายไหม สะท้อนวัฒนธรรมการแพทย์ของมณฑลกานซูที่ลึกซึ้งและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน
- เพิ่มการประชาสัมพันธ์ประวัติและคุณค่าสมุนไพรจีน และช่องทางการส่งออกไปต่างประเทศ ปัจจุบัน มณฑลกานซูก่อตั้งศูนย์การแพทย์แผนจีนในต่างประเทศ ภายใต้ชื่อ “ศูนย์การแพทย์แผนจีนฉีหวง” (Overseas Qihuang Traditional Chinese Medicine Center) 6 แห่ง และวิทยาลัยแพทย์แผนจีนฉีหวง (Qihuang College of Traditional Chinese Medicine) 8 แห่ง รวม 14 แห่งในประเทศต่างๆ เช่น ฮังการี รัสเซีย คีร์กิซสถาน ไทย และมีวิสาหกิจท้องถิ่นที่ออกไปลงทุนด้านสมุนไพรยังต่างประเทศแล้วรวม 96 ราย
- เร่งสนับสนุน อ. หล่งซีให้เป็นพื้นที่จัดเก็บและฐานโลจิสติกส์สมุนไพรจีนที่ใหญ่ที่สุดของจีน รัฐบาล อ. หล่งซี ตั้งเป้าให้อำเภอเป็นคลังจัดเก็บเพื่อการขนส่งสมุนไพรขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ เนื่องจากความชื้นในอากาศต่ำ ส่งผลดีต่อการเป็นแหล่งจัดเก็บสมุนไพรในปริมาณมากๆ ปัจจุบัน มีวิสาหกิจโลจิสติกส์เข้าลงทุนก่อสร้างคลังจัดเก็บสมุนไพรแล้ว 23 ราย จัดเก็บสมุนไพรได้ 130,000 ตร.ม. หรือราว 150,000 ตัน แต่ละปีมีปริมาณสินค้าสมุนไพรหมุนเวียนมากถึง 500,000 ตัน รัฐบาลตั้งเป้าขยายพื้นที่คลังสมุนไพรและดึงดูดวิสาหกิจเข้าลงทุนเพิ่มเติม โดยมีการสร้างทางด่วนพิเศษถึงหมู่บ้านอันเจียเหมิน เพื่อเชื่อมต่อคลังจัดเก็บสมุนไพรเหวินเฟิงที่รัฐบาลได้เข้าไปลงทุนขยายพื้นที่เพิ่มอีก 1,500 หมู่ (ราว 614 ไร่)
- ยกระดับระบบการจัดการคลังสินค้าแบบดั้งเดิมสู่การจัดเก็บที่ทันสมัยและนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน อ. หล่งซี เป็นฐานการจัดเก็บสมุนไพรจากพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือ รวมไปถึง เขตฯ ซินเจียงอุยกูร์ เขตฯ ทิเบต และเขตฯ มองโกเลียใน กว่า 80 ชนิด ตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนในพื้นที่เพิ่ม โดยเน้นการมีความร่วมมือกับมณฑลผู้ผลิตและแปรรูปสมุนไพรเพื่อสร้างเครือข่ายภายในประเทศ และขั้นต่อไป คือการมุ่งบรรลุเป้าหมายการเป็นคลังจัดเก็บและกระจายสินค้าสมุนไพรจากทางตอนใต้ของจีนเพิ่มเติม อาทิ โกฐหัวบัว โกฏเขมาขาว แปะเจียก ตังพ้วย เป็นต้น
- เพิ่มบริษัทและตัวแทนในต่างประเทศ ปัจจุบัน มณฑลกานซูมีเจ้าหน้าที่การตลาดด้านสมุนไพรจีนมากกว่า 30,000 คน และมีตัวแทนในต่างประเทศราว 2,000 คน โดยมีแผนจะขยายจำนวนตัวแทนในกลุ่มประเทศที่มีความคล้ายคลึงในศาสตร์การแพทย์ทางเลือกด้วยสมุนไพร โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังไม่ครอบคลุม นอกจากนี้ จะเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ให้มีความเป็นสากลมากขึ้น
จีนและไทยมีศาสตร์การแพทย์แผนโบราณที่ใช้สมุนไพรในการป้องกันและรักษาโรค มีองค์ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่พบได้ในหลักฐานตำราแพทย์ อย่างไรก็ดี ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาปรับใช้ร่วมกับการผลิตสมุนไพรนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การผลิตยา/สารสกัดจากสมุนไพร สามารถตอบโจทย์การใช้งานต่อผู้บริโภคได้มากขึ้น จีนถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่รัฐบาลให้การส่งเสริมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้คุณค่าของสมุนไพรจีนให้กับชาวต่างชาติ พัฒนารูปแบบและบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้า สร้างสังคมกินดีอยู่ดีให้กับประชาชนได้จริง ในปี 2560 ไทยได้ออกแผนแม่บทแห่งชาติ 5 ปีว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย (ปี 2560-2564) ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยอย่างจริงจังให้มีศักยภาพสามารถแข่งขันกับต่างประเทศ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากยิ่งขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง
1. http://www.gansu.gov.cn/art/2019/8/22/art_36_427423.html
2. satcm.gov.cn/xinxifabu/gedidongtai/2020-03-21/14116.html
3. http://www.satcm.gov.cn/xinxifabu/gedidongtai/2020-03-04/13595.html
5. http://gansu.gscn.com.cn/system/2020/03/23/012348735.shtml
6. http://gansu.gscn.com.cn/system/2020/03/23/012348641.shtml
7.http://www.xinhuanet.com/2018-10/16/c_1123565727.htm
8. http://www.kmzyw.com.cn/news/1170313/1489371725000.8665.html
9. https://baijiahao.baidu.com/s?id=1614081513267829317&wfr=spider&for=pc
10. http://www.xinhuanet.com/2018-10/16/c_1123565727.htm
11. http://gansu.gscn.com.cn/system/2020/03/23/012348641.shtml