งาน CIFIT กุญแจไขประตูสู่การค้าการลงทุนระหว่างประเทศ
28 Sep 2016
เพิ่งสิ้นสุดไป สำหรับงานมหกรรมการค้าและการลงทุนนานาชาติ ครั้งที่ 19 (The 19th China International Fair for Investment & Trade – CIFIT) หรือที่รู้จักกันในภาษาจีนว่า “งานจิ่วปา” โดยงานดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์จีน จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีระหว่างวันที่ 8 – 11 กันยายน ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการนานาชาติเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน นับว่าเป็นงานส่งเสริมการค้าการลงทุนที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน โดยในเเต่ละปี หัวใจหลักของการจัดงานจะมุ่งเน้นที่นิทรรศการเพื่อการลงทุนและการค้า และการประชุมเกี่ยวกับการลงทุนระหว่างประเทศ เเละเป็นงานที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ นโยบายเเละโครงการการลงทุนเพื่อการดึงดูดการลงทุนสู่จีนและของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ภายใต้แนวคิด “Introducing FDI & Going Global” โดยปีนี้มีจำนวนบู๊ธร่วมจัดแสดงมากกว่า 6,000 บู๊ธ เพิ่มขึ้นจากปี 58 ถึงร้อยละ 45 บนพื้นที่ 138,000 ตร.ม. ของศูนย์การประชุมและนิทรรศการนานาชาติเมืองเซี่ยเหมิน ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติการจัดงาน CIFIT ทั้งนี้ BIC เซี่ยเหมินได้มีโอกาสเข้าร่วมงานดังกล่าว จึงอยากขอนำรายละเอียดความน่าสนใจของงานมาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้
กุญแจ 9.8 สัญลักษณ์ประตูสู่สากล
สำหรับโลโก้หรือสัญลักษณ์ของงาน “จิ่วปา” จะใช้ “กุญเเจทอง” (Golden Key) ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข “9” เเละ “8” ซึ่งเเสดงถึงวันจัดงานโดยจะตรงกันทุกปี คือวันที่ 8 กันยายน (เดือน 9 ของจีน) ทั้งนี้เป็นสัญลักษณ์ที่เปรียบเสมือนกุญเเจไขประตูสู่ความสำเร็จเเละความเจริญที่ยั่งยืน
สัญญลักษณ์กุญแจทอง งาน CIFIT นาย Wang Yang รองนายกรัฐมนตรีจีน
พิธีเปิดงาน จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่ยิ่งใหญ่ โดยมีนาย Wang Yang รองนายกรัฐมนตรีจีนได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ยังมีผู้นำทั้งในจีนและต่างประเทศอีกหลายคนได้มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดด้วย อาทิ ผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยน ผู้นำระดับสูงเมืองเซี่ยเหมิน นายหวัง เจี้ยนหลิน (CEO บริษัทว่านต๋ากรุ๊ป) ฯลฯ และผู้แทนระดับสูงจากต่างประเทศ อาทิ ผู้นำกระทรวงพาณิชย์ประเทศต่างๆ ตัวแทนองค์กรพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ จาก 100 กว่าประเทศทั่วโลก ขึ้นเวทีร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดงาน
แนวคิดหลักของงาน คือ การเป็นเวทีขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อการเจรจาอย่างครอบคลุม ซึ่งในงานได้จัดฟอรั่มการประชุมและกิจกรรมแลกเปลี่ยนต่างๆ มากกว่า 3,000 กิจกรรม ซึ่งล้วนเกี่ยวกับการก่อสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเล และเน้นให้ความสำคัญด้านความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนกับ ประเทศบนเส้นทางสายไหมทางทะเลในนโยบาย One Belt One Road และมุ่งส่งเสริมความร่วมมือด้านการผลิตระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ในปีนี้ยังมีฟอรั่มที่เน้นด้านการเกษตรปลอดสารพิษและมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าอาหารด้วย
ยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมา
ประกอบด้วย 3 Theme Pavilion หลัก คือ 1.การลงทุน 2. การส่งเสริมธุรกิจอุตสาหกรรม และ 3. การจำหน่ายสินค้าโภคภัณฑ์ และในปีนี้ ได้เพิ่มโซนนิทรรศการใหม่ใน Theme Pavilion ของการจำหน่ายสินค้าโภคภัณฑ์ คือ โซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน โซนจัดแสดงสินค้าขึ้นชื่อของมาเก๊า ฮ่องกง และไต้หวัน รวมถึงสินค้าขึ้นชื่อของประเทศอื่นๆ ด้วย
ปีนี้ มีหน่วยงานธุรกิจจาก 100 กว่า ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมจัดแสดงในงาน อาทิ สเปน บราซิล ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย สิงคโปร์ เป็นต้น โดยในปีนี้มีประเทศอิตาลีได้รับเกียรติเป็น “Guest Country of Honor” ที่เข้าร่วมจัดแสดงโครงการลงทุน สิทธิพิเศษต่างๆ รวมทั้งสินค้าของดีประจำประเทศ ผ่านหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน โดยมีพื้นที่จัดแสดงกว้างถึง 800 ตร.ม.
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดพื้นที่ให้กับทุกมณฑลในประเทศจีนในการนำเสนอจุดเด่นของมณฑลของตนเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ อาทิ มณฑลเหลียวหนิง เมืองฉงชิ่ง เขตซินเจียง มณฑลเจียงซี มณฑลหูหนาน มณฑลหูเป่ย มณฑลกว่างซี มณฑลเสฉวน มณฑลจี๋หลิน มณฑลเหอเป่ย ฮาร์บิน กุ้ยโจว เขตพัฒนามณฑลเหอเป่ย เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เป็นต้น โดยในปีนี้มณฑลที่ถือได้ว่าเป็นพระเอกของงานก็ได้แก่มณฑลเจียงซี เนื่องจากได้รับเกียรติจากเจ้าภาพให้เป็นมณฑลหลักในการจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์การค้าและการลงทุนอย่างเต็มที่ในฐานะ “Guest of Honor Province” ด้วยพื้นที่จัดแสดงรวม 1,000 ตร.ม. แสดงศักยภาพของมณฑลทั้งด้านนโยบายการลงทุน สินค้าศักยภาพ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นต้น
วิกฤตการเงินโลกไม่กระทบ เซ็นต์ลงทุน 1,502 โครงการ มูลค่า 507,300 ล้านหยวน
หลังจากงาน CIFIT ปิดฉากลงอย่างสวยงาม เว็บไซด์ทางการรัฐบาลเมืองเซี่ยเหมินรายงานว่า ภายในระยะเวลาจัดงาน 4 วันที่ผ่านมา สรุปมีการลงนามในโครงการการลงทุนต่างๆ รวม 1,502 โครงการ เป็นมูลค่ารวมกว่า 507,300 ล้านหยวน ในจำนวนนี้ มีมูลค่าการใช้ประโยชน์จากทุนต่างชาติ 221,000 ล้านหยวน และมูลค่าการลงทุนในต่างประเทศ 229,000 ล้านหยวน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิกฤตการเงินโลกไม่ได้มีผลกระทบต่อการลงทุนของจีนแต่อย่างใด
Xiamen Net เผยว่า 20 ปี ตั้งแต่มีการจัดงาน CIFIT เป็นต้นมา ได้มีการลงนามในโครงการการลงทุนต่างๆ ไปแล้ว มากกว่า 19,000 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 2 แสนกว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีทั้งโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ และโครงการที่จีนไปลงทุนในต่างประเทศ
ข้อสังเกตจากการเยี่ยมชมงาน CIFIT ครั้งที่ 19
1. งานในปีนี้ ฝ่ายจีนเน้นการขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรปและแอฟริกา เนื่องจากอุดมไปด้วยทรัพยากรที่ยังไม่ได้ถูกขุดค้นขึ้นมาใช้อีกเป็นจำนวนมาก
2. มีหลายประเทศมาร่วมงานในครั้งนี้ โดยได้ใช้พื้นที่จัดแสดงจำนวนไม่น้อย เช่น อิตาลี สเปน เยอรมัน บราซิล ตุรกี กรีซ อินเดีย ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ ทั้งนี้น่าจะเนื่องมาจากการที่ปัจจุบันเศรษฐกิจของหลายประเทศดังกล่าวอยู่ในภาวะถดถอย จึงต้องการจะมาแสวงหาแหล่งเงินทุนนอกประเทศแหล่งใหญ่อย่างประเทศจีน
3. โซนจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจำพวกเหล้าไวน์จากประเทศต่างๆ และชาจากหลายมณฑลในจีน ซึ่งคาดว่าการที่ผู้ประกอบการจากประเทศต่างๆ นำไวน์มาจำหน่ายและหาคู่ค้า เนื่องมาจากเมืองเซี่ยเหมินเป็นเขตการค้าเสรี สะดวกต่อการนำเข้าไวน์มาจำหน่ายในตลาดเซี่ยเหมิน และเมืองเซี่ยเหมินยังมีเส้นทางขนส่งทางรถไฟ เซี่ยเหมิน-ยุโรป อยู่แล้วด้วย จึงง่ายต่อการบุกตลาดไวน์ในเซี่ยเหมิน
หุ่นยนต์และจักรยานเทคโนโลยี VR
4. บู๊ธจัดแสดงของเมืองเซี่ยเหมินเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีระดับสูง โดยได้รวมบริษัทด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีในหลายสาขามาจัดแสดง อาทิ จักรยานเทคโนโลยี VR (แว่นตา 3 มิติที่ให้ภาพเสมือนจริง) หุ่นยนต์สำหรับแม่และเด็ก เทคโนโลยีการผลิตเครื่องเซรามิก เป็นต้น เห็นได้ชัดว่า การที่เมืองเซี่ยเหมินนำอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเหล่านี้มาแสดงในงานระดับนานาชาติ ก็เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ “ก้าวออกไป” อย่างเต็มที่ ในฐานะที่เซี่ยเหมินเป็นศูนย์บ่มเพาะอุตสาหกรรมนวัตกรรมของจีน
****************************************