เส้นหมี่ไทยรออะไร?’หลัวซือเฝิ่น’เส้นหมี่หลิ่วโจวเขาไปไกลแล้ว
6 Apr 2017อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อเมืองหลิ่วโจวในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงที่หลายคนรู้จักในนาม ‘เส้นหมี่หลัวซือเฝิ่น‘(Luosi Noodle,螺蛳粉)กำลัง‘โกอินเตอร์‘บุกตลาดต่างประเทศ ทำเงินสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยเพิ่มมากขึ้น
ความพยายามอย่างต่อเนื่องของภาคเอกชนและการยื่นมือสนับสนุนของภาครัฐตลอดหลายปีที่ผ่านมาปัจจุบัน‘หลัวซือเฝิ่น‘เส้นหมี่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องรสชาติของเมืองหลิ่วโจวมีการพัฒนาไปอีกขั้น ถึงขั้นมีการส่งออก(ล็อตแรก)ไปเมืองลุงแซม 5 หมื่นห่อเมื่อไม่นานมานี้ รวมมูลค่า 6 แสนหยวน หรือราว 3 ล้านบาท
เส้นทางสายธุรกิจที่เริ่มต้นจากร้านก๋วยเตี๋ยวริมทาง มาในวันนี้ เส้นหมี่ชนิดนี้ได้เติบโตเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และกำลัง‘โกอินเตอร์‘โกยเงินเข้าประเทศแล้ว
ปัจจุบัน เส้นหมี่หลัวซือเฝิ่นมีมูลค่าทางการตลาดมากกว่า 1 หมื่นล้านหยวน ในประเทศจีนมีร้านหลัวซือเฝิ่นมากกว่า 5,000 ร้าน ผู้ที่ทำงานในธุรกิจดังกล่าวมีมากกว่า 6 หมื่นคน
ประสบการณ์‘โกอินเตอร์‘ของเส้นหมี่หลัวซือเฝิ่น เขาทำอย่างไร?? ทำไมถึงประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้??
เคล็ด(ไม่)ลับความสำเร็จอยู่ที่คีย์เวิร์ดสำคัญ นั่นก็คือ‘ตลาด+อินเตอร์เน็ต+การชี้แนะจากภาครัฐ‘
เมื่อประเมินได้แล้วว่า เส้นหมี่หลัวซือเฝิ่นมีศักยภาพแฝงทางการตลาดอันมหาศาล และตลาดก็มีแรงขับเคลื่อน ภาคธุรกิจจึงร่วมกันผลักดันให้อาหารพื้นบ้านชนิดนี้พัฒนาสู่ระบบอุตสาหกรรมโดยเริ่มต้นจากการพัฒนากรรมวิธีการผลิตและการพัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบสูญญากาศเพื่อยืดอายุในการเก็บรักษาและความสะดวกในการขนส่ง ช่วยให้เส้นหมี่ที่สมัยก่อนจะต้องมาลิ้มรสที่หน้าร้านด้วยตนเองได้มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันสามารถพบเห็นแพ็คเส้นหมี่หลัวซือเฝิ่นกึ่งสำเร็จรูปพร้อมปรุงถูกวางจำหน่ายตามห้างร้านทั่วไป
ในยุคที่ e-Commerce เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราๆ มากขึ้น กอปรกับเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ที่พร้อมแล้ว จึงเป็นโอกาสของเส้นหมี่หลัวซือเฝิ่นในการพัฒนารูปแบบการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์เพื่อสร้างยอดขายให้กระจายและเข้าถึงผู้บริโภคได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
สถิติที่น่าสนใจพบว่าปัจจุบันมีการเปิดร้านจำหน่ายหลัวซือเฝิ่นออนไลน์มากกว่า 5,000 ร้าน มียอดขายวันละ 3 แสนห่อ มีมูลค่าจำหน่ายปีละ 1,500 ล้านหยวน เว็บAlibaba.comเปิดเผยว่า‘หลัวซือเฝิ่น‘เป็นสินค้ายอดนิยมของผู้บริโภคออนไลน์ โดยสามารถทำยอดขายสูงสุดในบรรดาสินค้าประเภทเส้นหมี่ที่จำหน่ายอยู่บนแพลทฟอร์มของอาลีบาบา
สุดท้าย คือการเป็น‘ป๋าดัน‘ของรัฐบาลท้องถิ่นจีนการชี้แนะจากภาครัฐเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมเส้นหมี่หลัวซือเฝิ่น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ การกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์(การผลิตและบรรจุภัณฑ์) การส่งเสริมให้ธุรกิจเล็กๆ กลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ๆ และการจัดตั้งสวนอุตสาหกรรมหลัวซือเฝิ่นที่มีมาตรฐานสำหรับภาคธุรกิจเส้นหมี่และผู้ผลิตเครื่องเคียง(หน่อไม้ ถั่วฝักยาว ฟองเต้าหู้ หอยขม ฯลฯ)เกิดเป็นห่วงโซ่อุปทานที่สมบูรณ์แบบ
บีไอซี เห็นว่าต้นแบบประสบการณ์ความสำเร็จของธุรกิจเส้นหมี่หลัวซือเฝิ่นของกว่างซีเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยสามารถศึกษาและนำมาปรับใช้กับอุตสาหกรรมเส้นหมี่ของไทยได้เช่นกัน
เนื่องจากประเทศไทยมีเส้นหมี่ที่หลากหลาย เส้นหมี่แต่ละประเภทก็มีรสชาติความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์และได้รับความนิยมไม่แพ้ใครและเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมของคนทุกช่วงวัยเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ดีของไทยที่จะพัฒนอุตสาหกรรมดังกล่าวให้เกิดขึ้นได้
ในแง่ของการเจาะตลาดจีน ‘พฤติกรรมผู้บริโภค‘เป็นสิ่งที่ผู้ผลิตไทยต้องคำนึงถึงอันดับแรก เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนมีอำนาจซื้อมากขึ้น มีความต้องการที่สูงมากขึ้นในแง่คุณภาพ และต้องการความสะดวกสบายในยุคสังคมที่มีการแข่งขันสูงและต้องการความสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งมีความใส่ใจเรื่องสุขภาพอนามัยมากยิ่งขึ้นและเห็นว่าการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและผงชูรสเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
ท่านผู้อ่านคงเกิดคำถามขึ้นว่า…แล้วทำไมเส้นหมี่หลัวซือเฝิ่นกึ่งสำเร็จรูปจึงเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวจีน??นั่นเป็นเพราะว่าเส้นหมี่หลัวซือเฝิ่นเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมปรุงที่มีซองเครื่องแกงปรุงรสและเครื่องเคียงที่มีความสด(บรรจุถุงสูญญากาศ) แตกต่างจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไปที่มีซองผงปรุงรสที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นผงชูรสล้วนๆ นั่นเอง
ดังนั้น จึงเป็นโจทย์ให้ผู้ผลิตไทยที่อยากจะเข้ามาเจาะตลาดจีนได้คบคิดว่าเราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เส้นหมี่ไทยให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างไร?? เพื่อร่วมสนับสนุน ‘ครัวไทยสู่ครัวโลก‘
ลิงค์ข่าวที่เกี่ยวข้อง
–เมืองหลิ่วโจวดัน “(เส้นหมี่)หลัวซือเฝิ่น” โกยเงินหมื่นล้านหยวน(05 ม.ค. 2559)
–“รถยนต์” พ่วง “หลัวซือเฝิ่น” สินค้า OTOP ดันเศรษฐกิจหลิ่วโจวรุดหน้า(30 ธ.ค. 2558)
–‘กลเม็ดเคล็ด(ไม่)ลับ‘ เรียนรู้ประสบการณ์ทำเงินเส้นหมี่ “หลัวซือเฝิ่น”เมืองหลิ่วโจว(14 พ.ค.2558)