เลี่ยงปัญหาจราจรที่ด่านโหย่วอี้กวาน ผลไม้ไทยยังมีทางเลือกอีกหลายช่องทางในกว่างซี
7 May 2021โดย นายกฤษณะ สุกันตพงศ์
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC)
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
ไฮไลท์
- ในช่วงฤดูกาลผลไม้ตลอด 2-3 ปีมานี้ การส่งออกผลไม้ไปจีนผ่านเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มักประสบปัญหาการจราจรแออัดและติดขัดบริเวณด่านพรมแดนประเทศเวียดนาม (ด่าน Huu Nghi จังหวัดลางเซิน) เข้าสู่เขตฯ กว่างซีจ้วง (ด่านโหย่วอี้กวาน) จากปัจจัยแวดล้อมหลายประการ โดยเฉพาะข้อจำกัดด้านสภาพภูมิประเทศที่เป็นคอขวด ความแตกต่างของระบบโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในสองประเทศ แนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ด่านที่มีความไม่ชัดเจน และสถานการณ์การปนเปื้อนของโควิด-19 ในผลไม้จากต่างประเทศ
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอีกปัจจัยที่ผู้ประกอบการไทยต้องคำนึงและต้องดำเนินตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดฯ อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่กระบวนการผลิตที่สวน การบรรจุหีบห่อ และการขนส่ง หากมีการตรวจพบการปนเปื้อนของโควิด-19 ในสินค้าที่ด่านโหย่วอี้กวาน คาดว่ารถบรรทุกผลไม้ไทยจำนวนมากที่กำลังรอผ่านด่านจะได้รับผลกระทบไม่น้อย
- ขอแนะนำให้ผู้ประกอบการไทย “อย่าวางไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” โดยพิจารณาเลือกใช้เส้นทางส่งออกอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการกระจุกตัวของรถบรรทุกที่ด่านโหย่วอี้กวาน จนทำให้ผลไม้สดได้รับความเสียหาย อาทิ ด่านรถไฟผิงเสียง ด่านทางบกตงซิง ท่าเรือชินโจว ท่าเรือฝางเฉิงก่าง และท่าอากาศยานเมืองกุ้ยหลิน เนื่องจากผลไม้สดเป็นสินค้าเกษตรที่เน่าเสียง่าย ต้องแข่งขันกับเวลา เพื่อรักษาคุณภาพความสดใหม่ ผู้ส่งออกควรคำนึงถึง “ตลาดปลายทาง” ว่าอยู่ที่ไหน เพื่อใช้ประโยชน์จากด่านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ไม่ว่าจะทางถนน ทางรถไฟ ทางเรือ หรือทางเครื่องบินก็ตาม
ตลอด 2-3 ปีมานี้ ในช่วงฤดูกาลผลไม้ การส่งออกผลไม้ไปจีนผ่านเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มักประสบปัญหาการจราจรแออัดและติดขัดบริเวณด่านพรมแดนประเทศเวียดนาม (ด่าน Huu Nghi จังหวัดลางเซิน) เข้าสู่เขตฯ กว่างซีจ้วง (ด่านโหย่วอี้กวาน) จากปัจจัยแวดล้อมหลายประการ โดยเฉพาะข้อจำกัดด้านสภาพภูมิประเทศที่เป็นคอขวด และความแตกต่างของระบบโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในสองประเทศ
ข้อเท็จจริงจากการลงพื้นที่สำรวจหลายครั้งของเจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC) พบว่า อุปสรรคทางกายภาพที่มองเห็นได้ คือ สภาพภูมิประเทศบริเวณด่านพรมแดนเวียดนาม-กว่างซีเป็นช่องเขา ถนนบริเวณเขตแดนเวียดนาม-กว่างซีมีลักษณะคอขวด (ช่องเดินรถบรรทุกฝั่งเวียดนามขาออกไปจีน 1 ช่องทาง และขาเข้าเวียดนาม 2 ช่องทาง) เมื่อรถบรรทุกผ่านถนนคอขวดบริเวณเขตแดนเพื่อเข้าสู่ประตูด่านโหย่วอี้กวาน (ประตูไม้กั้น) จะมีช่องทางเดินรถบรรทุก 6 ช่องทาง และกำลังจะเพิ่มเป็น 12 ช่องทางในเดือนพฤษภาคม 2564
จากการสอบถามผู้ประกอบการนำเข้าผลไม้และบริษัทตัวแทนออกของที่ด่านโหย่วอี้กวาน ได้รับคำยืนยันว่า ปัญหาการจราจรติดขัดของรถบรรทุกผลไม้เกิดขึ้นที่ฝั่งเวียดนาม กอปรกับช่วงวันหยุดแรงงานสากล ส่งผลให้ปริมาณรถบรรทุกสะสมเพิ่มขึ้น รถบรรทุกต้องจอดรอผ่านด่าน Huu Nghi เป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร อีกทั้งพื้นที่ลานจอดรถบรรทุกในประเทศเวียดนามมีขนาดเล็ก ไม่สามารถรองรับปริมาณรถบรรทุกที่มีจำนวนมากในฤดูกาลผลไม้ได้อย่างเต็มที่ สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำของระบบโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างสองพื้นที่ได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ด่านโหย่วอี้กวานยังเป็นด่านสากลที่ใช้ทำการค้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะกับเวียดนามที่เป็นเพื่อนบ้านติดกัน (ไม่ใช่เฉพาะผลไม้ไทยเพียงอย่างเดียว) และเป็นคู่ค้ารายใหญ่มาโดยตลอด มีการขนส่งสินค้าเวียดนามจำนวนมากที่ช่องทางดังกล่าวในการส่งออกไปจีน รวมถึงผลไม้เวียดนามด้วย ซึ่งเป็นไปได้ว่า…รถบรรทุกสินค้าเวียดนามอาจได้รับการดูแลเป็นพิเศษ (priority) ในการปล่อยรถสินค้าจากฝั่งเวียดนามเข้าสู่จีน
ภาพถ่ายบริเวณลานตรวจสินค้าในด่านโหย่วอี้กวานที่ได้รับจากบริษัทตัวแทนออกของที่ด่านโหย่วอี้กวาน ณ วันที่ 5 พ.ค. 2564
เจ้าหน้าที่บริษัทตัวแทนออกของที่ด่านโหย่วอี้กวาน ให้ข้อมูลว่า ช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์บริเวณลานตรวจสินค้าในด่านโหย่วอี้กวาน (หลังจากผ่านประตูไม้กั้น) เป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่พบสภาพความแออัดของรถบรรทุกสินค้าแต่อย่างใด โดยด่านโหย่วอี้กวานได้ขยายพื้นที่ลานตรวจสินค้าและห้องปฏิบัติการสุ่มตรวจ/ฆ่าเชื้อเป็นจำนวน 67 ช่อง และมีกลไกการยืมตัวเจ้าหน้าที่ศุลกากรจากด่านแห่งอื่นมาปฏิบัติราชการชั่วคราวเพื่อรับมือกับปริมาณสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอีกปัจจัยที่ผู้ประกอบการไทยต้องคำนึงถึงให้มาก สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน (GACC) ได้บังคับใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในผลิตภัณฑ์อาหาร(ผลไม้)ที่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากการสุ่มตรวจและกักกันโรคพืชและแมลงศัตรูพืชที่ดำเนินการเป็นปกติอยู่แล้ว (ตู้ผลไม้ไทยมีอัตราการสุ่มตรวจและกักกันโรคพืชและแมลงศัตรูพืชที่ 30% ขณะที่ผลไม้เวียดนามตรวจ 100%) ตู้ผลไม้นำเข้าจะต้องถูกสุ่มตรวจเชื้อโควิด-19 และฆ่าเชื้อบนบรรจุภัณฑ์ภายนอก ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ ตู้ผลไม้ไทยถูกสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในอัตราที่ไม่สูง (ตู้ผลไม้ไทย 50 ตู้จะถูกสุ่มตรวจโควิด-19 ประมาณ 1 ตู้) โดยอำเภอระดับเมืองผิงเสียงได้กำหนดให้ศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้าเกษตร 5 แห่ง ซึ่งอยู่นอกด่าน เป็นจุดสุ่มเก็บตัวอย่างและฆ่าเชื้อบนบรรจุภัณฑ์ด้านนอกทุกกล่อง เพื่อป้องกันปัญหาความแออัดในกรณีที่มีรถบรรทุกเข้า-ออกจำนวนมาก
ทั้งนี้ GACC เป็นผู้กำหนดค่าอัตราการสุ่มตรวจ โดยปรับสัดส่วนการสุ่มตรวจตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศต้นทางและการตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในระหว่างพิธีการนำเข้า ดังนั้น ฝ่ายไทยที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยด่านโหย่วอี้กวานได้เพิ่มความระแวดระวังมากขึ้นหลังตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากฝั่งเวียดนามเข้ากว่างซี ดังนั้น หากมีการตรวจพบการปนเปื้อนของโควิด-19 ในสินค้าที่ด่านโหย่วอี้กวาน คาดว่ารถบรรทุกผลไม้ไทยจำนวนมากที่กำลังรอผ่านด่านจะได้รับผลกระทบไม่น้อย
บีไอซี ขอแนะนำให้ผู้ประกอบการไทย “อย่าวางไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” โดยพิจารณาเลือกใช้เส้นทางส่งออกอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการกระจุกตัวของรถบรรทุกที่ด่านโหย่วอี้กวาน จนทำให้ผลไม้สดได้รับความเสียหาย อาทิ
(1) กรณีผู้ประกอบการต้องการส่งออกผลไม้ไปจีน “ทางบก” สามารถใช้ “ด่านรถไฟผิงเสียง” โดยเปลี่ยนถ่ายตู้สินค้าขึ้นรถไฟที่สถานีเมืองด่งดัง จังหวัดล่างเซินของเวียดนาม และใช้รถไฟวิ่งเข้าไปที่ด่านรถไฟผิงเสียงของเขตฯ กว่างซีจ้วง โดยรถไฟเส้นทางดังกล่าวสามารถเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อกับโครงข่ายรถไฟในจีนและโครงข่ายรถไฟ China-Europe Railway ได้อีกด้วย หรือ “ด่านทางบกตงซิง” ที่เพิ่งผ่านการตรวจรับจาก GACC เมื่อไม่นานมานี้ ตั้งอยู่ในอำเภอระดับเมืองตงซิงของเมืองฝางเฉิงก่าง ตรงข้ามกับด่านม๊องก๋าย จังหวัดกว่างนิงห์ (Quang Ninh) ของเวียดนาม ห่างจากรุงฮานอย ค่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 300 กิโลเมตร (ไกลกว่าด่านโหย่วอี้กวานประมาณ 100 กิโลเมตร) ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบลักษณะทางกายภาพแล้ว ด่านแห่งนี้มีความพร้อมมากกว่าด่านโหย่วอี้กวาน อนึ่ง ด่านทางบกตงซิงเป็นด่านใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ ในระยะแรกยังคงเป็นช่วงการปรับตัว ซึ่งอาจเกิดปัญหาจากความไม่ลงตัวของระบบบริหารจัดการ ผู้ส่งออกไทยจึงควรเตรียมตัว(เตรียมใจ)และวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้าด้วย
(2) การขนส่ง “ทางเรือ” เป็นอีกทางเลือก(ไม่)ใหม่ โดย “ท่าเรือชินโจว” (Qinzhou Port/钦州港) และ “ท่าเรือฝางเฉิงก่าง” (Fangchenggang Port/防城港) ของกว่างซีเป็น 2 ท่าเรือของกว่างซีที่ GACC อนุญาตให้นำเข้าผลไม้ และมีศักยภาพพร้อมรองรับการนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศอย่างเต็มที่ ปัจจุบัน มีบริการเที่ยวเรือขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือชินโจวกับท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพของไทยจำนวนหลายเที่ยวต่อสัปดาห์ ใช้เวลาขนส่งเร็วสุดเพียง 4 วันเท่านั้น ที่สำคัญ ผู้ส่งออกไทยสามารถใช้โมเดลขนส่ง “เรือ+ราง” ในการขนถ่ายตู้ผลไม้จากเรือขึ้นรถไฟได้ที่ท่าเทียบเรือ เพื่อลำเลียงไปจำหน่ายในพื้นที่ตอนในของจีนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ที่สำคัญ ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จากโมเดลขนส่ง “เรือ+ราง” ที่ท่าเรือชินโจวที่มีความสะดวกและรวดเร็ว ประหยัดต้นทุนเวลาและค่าใช้จ่ายได้มาก เพื่อขนส่งผลไม้ต่อไปยังพื้นที่จีนตอนในแบบไร้รอยต่อ โดยตั้งแต่ต้นปี 2564 เป็นต้นมา กว่างซีได้เปิดบริการเส้นทางรถไฟขนส่งสินค้าสายใหม่เชื่อมระหว่างท่าเรืออ่าวเป่ยปู้กับมณฑลอื่นจำนวนหลายเส้นทาง ขบวนรถไฟวิ่งผ่าน 59 สถานีของ 27 เมืองใน 9 มณฑล ซึ่งโมเดลขนส่งนี้สามารถรองรับตู้สินค้าได้หลายประเภท ทั้งตู้สินค้าธรรมดา ตู้ที่มีเครื่องทำความเย็น (reefer) สำหรับการขนส่งผลไม้และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแช่แข็ง และตู้สินค้าแบบ open top ซึ่งเหมาะสำหรับสินค้าเทกองด้วย
(3) หากต้องการความรวดเร็วในการขนส่งมากที่สุด (ซึ่งต้นทุนก็ต้องสูงขึ้นตามไปด้วย) การขนส่ง “ทางอากาศ” ไปยังท่าอากาศยานเหลี่ยงเจียงเมืองกุ้ยหลินนับเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการ โดย GACC ได้อนุมัติให้เป็นด่านนำเข้าผลไม้ได้ตั้งแต่ปี 2553
ท้ายสุด การส่งผลไม้ไทยไปจีน เนื่องจากผลไม้สดเป็นสินค้าเกษตรที่เน่าเสียง่าย ต้องแข่งขันกับเวลา เพื่อรักษาคุณภาพความสดใหม่ ผู้ส่งออกควรคำนึงถึง “ตลาดปลายทาง” ว่าอยู่ที่ไหน เพื่อใช้ประโยชน์จากด่านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ไม่ว่าจะทางถนน ทางรถไฟ ทางเรือ หรือทางเครื่องบินก็ตาม
…เกาะติดทุกสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงในจีนได้ทางเว็บไซต์ www.wordpress-348433-3180049.cloudwaysapps.com…