ส่องพัฒนาการ “ยานยนต์อัจฉริยะ” ในนครฉางซา
2 Jul 2020IHS Markit ผู้ให้บริการฐานข้อมูลด้านอุตสาหกรรมและการตลาดระดับโลกประเมินว่า ภายในปี 2568 ทั่วโลกจะมียอดจำหน่ายรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติประมาณ 1 ล้านคัน และเพิ่มเป็นกว่า 33 ล้านคันภายในปี 2583 โดยจีนจะเป็นประเทศที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจำนวนมากที่สุดในโลกถึง 14.5 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของโลก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในประเทศจีนดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยหลายเมืองใหญ่ของจีน เช่น กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ เมืองหังโจว เมืองเซินเจิ้น นครกว่างโจว นครฉงชิ่ง รวมถึงนครฉางซา ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลหูหนาน ต่างก็ให้ความสำคัญและพยายามพัฒนาศักยภาพการทำงานของยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติไปสู่ระดับสูงสุดที่ไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ในการควบคุม
ปูทางด้วย “พื้นที่ทดสอบยานยนต์อัจฉริยะแห่งชาติ” เป้าหมายสู่ “เมืองยานยนต์อัจฉริยะ” ที่สำคัญในจีน
สำหรับมณฑลหูหนานนั้น ได้เริ่มผลักดันให้นครฉางซาก้าวสู่การเป็นเมืองแห่งยานยนต์อัจฉริยะ(Intelligent Connected Vehicles: ICVs) อย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2559 ภายหลังได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีจีนให้จัดตั้งเขตเมืองใหม่เซียงเจียง (Hunan Xiangjiang New Area) ในปี 2558 โดยมณฑลหูหนานได้กำหนดให้
เขตเมืองใหม่ดังกล่าวเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมและการผลิตอัจฉริยะของมณฑล ที่สำคัญ ยังได้มีการจัดทำแผนงานด้านยานยนต์อัจฉริยะที่กำหนดให้ภายในปี 2563 เขตเมืองใหม่เซียงเจียงจะกลายเป็นจุดศูนย์รวมนักวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านยานยนต์อัจฉริยะไม่ต่ำกว่า 5,000 คน รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมีมูลค่าการผลิตรวมกว่าแสนล้านหยวน นอกจากนี้ มณฑลหูหนานยังได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์เพื่อสนับสนุนการลงทุนกว่า 30,000 ล้านหยวนอีกด้วย
ในการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นเมืองแห่งยานยนต์อัจฉริยะที่สำคัญในจีนของนครฉางซา เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2559 เขตเมืองใหม่เซียงเจียงได้ก่อตั้งเขตทดสอบระบบอัจฉริยะที่ได้มาตรฐานระดับสูง เพื่อดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะในนครฉางซา ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนได้อนุมัติยกระดับเขตทดสอบระบบอัจฉริยะดังกล่าวให้เป็น “พื้นที่ทดสอบยานยนต์อัจฉริยะแห่งชาตินครฉางซา” (National Intelligent Connected Vehicle (Changsha) Testing Zone) ซึ่งจนถึงปัจจุบันนับเป็นหนึ่งใน 10 สนามทดสอบการขับขี่อัตโนมัติในระดับประเทศของจีน
พื้นที่ทดสอบยานยนต์อัจฉริยะแห่งชาตินครฉางซาเฟสแรกมีขนาด 1,232 หมู่ หรือประมาณ 513 ไร่ มีมูลค่าการลงทุน 1,896 ล้านหยวน และมีสัญญาณ 5G ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดซึ่งประกอบด้วย สนามทดสอบที่มีสภาพพื้นผิวการจราจรหลายรูปแบบทั้งทางด่วนระบบอัจฉริยะความยาวเกือบ 100 กิโลเมตร ถนนในเมืองความยาว 135 กิโลเมตร ถนนในชนบท และทางวิบาก นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่จำลองสถานการณ์เพื่อทดสอบการทำงานของยานยนต์อัจฉริยะจำนวน 228 รูปแบบ รวมไปถึงห้องทดสอบอุปกรณ์ระบบอัจฉริยะ และพื้นที่ทดสอบ 5G-V2X (Vehicle-to-Everything) ซึ่งเป็นระบบการสื่อสารที่ยานยนต์อัจฉริยะใช้เชื่อมต่อกับระบบอัจฉริยะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและการขับเคลื่อนยานยนต์นั้น
ดึงดูดบริษัทชั้นนำ พัฒนาเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะที่โดดเด่น
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี นครฉางซาสามารถดึงดูดบริษัทด้านยานยนต์อัจฉริยะเข้ามาลงทุนได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทในระดับ Top 500 ของโลกอย่าง Continental, Bosch และ Schaeffler ผู้ผลิตรถยนต์จีนที่มีชื่อเสียง เช่น GAC Mitsubishi, GAC FCA, SAIC Volkswagen, Leopaard, BYD, BAIC Motor, Zotye, Geely, Foton, NIO, CRRC และ Zoomlion Enviro ตลอดจนบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศและปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำของจีน ได้แก่ Baidu, Alibaba, Tencent, JD, Huawei, Horizon Robotics, CiDi และ Cheetah Mobile จนทำให้นครฉางซาเป็นแหล่งรวมอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องที่มีความโดดเด่นของจีน
ปัจจุบัน นครฉางซาได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์อัจฉริยะที่สำคัญใน 4 ด้าน ได้แก่ (1) เทคโนโลยีระบุตำแหน่งเพื่อการนำทาง (sensing) เช่น GPS ระบบดาวเทียมนำทางเป๋ยโต่ว (BDS) กล้องวงจรปิด และเรดาร์ (2) เทคโนโลยีระบบตรวจจับสัญญาณสิ่งแวดล้อม (perception) (3) เทคโนโลยีที่ช่วยในการวางแผนและการตัดสินใจ (decision) และ (4) เทคโนโลยีควบคุมการขับเคลื่อน (control) ซึ่งถือเป็น “หัวใจ” ของยานยนต์อัจฉริยะ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2556 นครฉางซายังได้ก่อตั้งเขตสาธิตการประยุกต์ใช้ระบบดาวเทียมนำทางเป๋ยโต่ว นับเป็นพื้นที่ระดับเมืองแห่งแรกของจีนที่ก่อตั้งเขตสาธิตดังกล่าว และนับเป็นเขตสาธิตฯ แห่งที่ 3 ต่อจากเขตสาธิตฯ ในเขตเศรษฐกิจแม่น้ำจูเจียงและเขตเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซี
จากข้อมูลสถิติจนถึงสิ้นปี 2562 นครฉางซาได้กลายเป็นแหล่งรวมอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะโดยมีวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมดังกล่าวรวม 347 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทด้านการผลิตชิป อัลกอริทึม และบิ๊กดาต้า จำนวน 229 ราย บริษัทด้านระบบรับรู้และนำทาง เซ็นเซอร์ เทคโนโลยีจดจำเสียงและใบหน้า และระบบอัตโนมัติจำนวน 77 ราย ตลอดจนบริษัทด้านรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ รถยนต์สำหรับงานก่อสร้างและวิศวกรรมโยธา และรถยนต์ไร้คนขับจำนวน 41 ราย
นโยบายสนับสนุน ผู้เชี่ยวชาญ และ 5G คือปัจจัยเสริมความสามารถให้ไปสู่เป้าหมาย
ในด้านนโยบาย รัฐบาลนครฉางซาและมณฑลหูหนานได้ทยอยออกนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์นครฉางซา ระเบียบปฏิบัติการทดสอบยานยนต์อัจฉริยะบนถนนสาธารณะในนครฉางซา แผนปฏิบัติการสามปีเพื่อเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะในเขตเมืองใหม่เซียงเจียง (2561-2563) แผนปฏิบัติการสามปีสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ในมณฑลหูหนาน (2562-2564) รวมถึงการกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลปี 2563-2568 ที่พยายามผลักดันให้เศรษฐกิจดิจิทัลของมณฑลหูหนานมีมูลค่าก้าวขึ้นสู่ Top10 ของจีน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2562 กระทรวงคมนาคมและขนส่งจีนยังประกาศให้มณฑลหูหนานเป็น “พื้นที่นำร่องเพื่อสร้างชาติให้มีระบบคมนาคมที่เข้มแข็ง” ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะของมณฑลด้วย
นครฉางซามีความพร้อมด้านบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์อัจฉริยะ โดยเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก 3 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ (National University of Defense Technology) ที่ประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนารถยนต์ไร้คนขับและทดลองวิ่งบนถนนด้วยความเร็วสูงสุด 76 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้เป็นครั้งแรกในปี 2543 มหาวิทยาลัยหูหนาน (Hunan University) และมหาวิทยาลัยจงหนาน (Central South University) ที่มีห้องทดสอบการออกแบบและการผลิตรถยนต์ระดับประเทศ
นอกจากนี้ นครฉางซายังมีความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสื่อสารในอนาคต โดยเฉพาะระบบอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายสัญญาณ 5G ที่นับเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะ โดยในปี 2561 นครฉางซามีผู้ประกอบการด้านระบบอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย (Mobile Internet) ถึง 26,000 ราย สร้างรายได้ปีละกว่า 90,000 ล้านหยวน สูงเป็นอันดับ 5 ของจีน รองจากปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และหังโจว ขณะเดียวกัน ตามแผนปฏิบัติการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสารสนเทศและการสื่อสารของนครฉางซาในช่วง 3 ปี ตั้งเป้าหมายจะสร้างสถานีฐาน 5G ให้ครบ 20,000 แห่งภายในปี 2564
ฉางซาคว้าอันดับ 3 “เมืองที่มีศักยภาพสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะของจีน”
ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์อัจฉริยะที่ต้องการทดสอบระบบยานยนต์อัจฉริยะบนถนนสาธารณะในนครฉางซาจะต้องปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดไว้ เช่น ผู้ควบคุมรถในระหว่างการทดลองต้องผ่านการฝึกอบรมก่อนอย่างน้อย 50 ชั่วโมง และรถยนต์อัจฉริยะต้องผ่านการทดลองในพื้นที่ปิด 5,000 กิโลเมตร จึงจะได้รับอนุญาตให้ทดลองวิ่งบนถนนสาธารณะที่กำหนดไว้โดยเฉพาะได้ ซึ่งรวมไปถึงการขอทดสอบการรับผู้โดยสารและการทดสอบบนทางด่วนสาธารณะ ซึ่งผู้ดูแลพื้นที่ทดสอบยานยนต์อัจฉริยะแห่งชาติในเขตเมืองใหม่เซียงเจียง คือ บริษัท Hunan Xiangjiang Intelligent Science and Technology Innovation Center Co., Ltd. จะเป็นผู้ประเมินผลการทดสอบการวิ่งบนถนนสาธารณะจนกว่าจะครบ 20,000 กิโลเมตร โดยจนถึงเดือนเมษายน 2563 รัฐบาลนครฉางซาได้อนุมัติแผ่นป้ายทะเบียนรถให้กับผู้ผลิตรถยนต์อัจฉริยะเพื่อทดลองวิ่งบนถนนสาธารณะแล้วรวม 55 ป้าย เช่น รถโดยสารของ DeepBlue Technology รถบรรทุกของ Foton Daimler และ Inceptio Technology รถทำความสะอาดถนนของ Zoomlion Enviro และรถแท็กซี่ Robotaxi ของ Baidu
หลังสถานการณ์โรคระบาดในมณฑลหูหนานเริ่มคลี่คลาย นครฉางซามีแผนฟื้นฟูและเร่งการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์แห่งโลกอนาคตอีกครั้ง โดยล่าสุด รัฐบาลนครฉางซาได้แถลงแผนพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์อัจฉริยะเป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 โดยมีเขตเมืองใหม่เซียงเจียงเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา เพื่อให้นครฉางซากลายเป็นต้นแบบการบูรณาการทั้งด้านรถยนต์ระบบอัจฉริยะและการขนส่งอัจฉริยะ รวมไปถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบเซ็นเซอร์ ชิปประมวลผล ชิ้นส่วนรถยนต์อัจฉริยะ วงจรรวม และระบบ V2X ซึ่งสอดคล้องกับ “กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมรถยนต์อัจฉริยะ” ที่คณะกรรมการพัฒนาและปฎิรูปแห่งชาติจีนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอีก 10 หน่วยงานแถลงไปเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563 โดยกลยุทธ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าประเทศจีนก็กำลังเร่งความเร็วในการพัฒนารถยนต์อัจฉิรยะให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นโดยเฉพาะในช่วง 5 ปีต่อจากนี้
จะเห็นได้ว่า นครฉางซากำลังก้าวเข้าสู่การเป็น “เมืองแห่งยานยนต์อัจฉริยะ” ที่สำคัญของจีน โดยมีข้อได้เปรียบต่อการพัฒนาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานอุตสาหกรรมที่ดี นโยบายสนับสนุน และปัจจัยส่งเสริมการพัฒนา เช่น ความสามารถของบุคลากร ระบบอินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยี 5G จึงส่งผลให้นครฉางซาติดอันดับ 3 “เมืองที่มีศักยภาพสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะของจีนประจำปี 2563” รองจากปักกิ่ง และเซินเจิ้น โดยคัดเลือกจาก 297 เมืองใหญ่ของจีน จากการประกาศของสถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563
********************
แหล่งข้อมูล
http://www.hunan.gov.cn/hnyw/zwdt/202005/t20200517_12131410.html
http://www.hnwtv.com/qch/194892.html
http://www.huaxia.com/ccxc/csxw/2018/11/5954698.html
http://www.hnxjxq.gov.cn/hnxjxq/xwzx/yw/202002/t20200224_11189473.html
http://hunan.sina.com.cn/zimeiti/2017-03-23/detail-ifycsukm3286828.shtml
http://m.7its.com/html/2019/dongtai_1104/8693.html
http://news.csbtv.com/news/00000000145166
https://www.sohu.com/a/322320712_100257814
http://www.chinatruck.org/news/201906/13_84090.html
http://www.changsha.gov.cn/szf/ywdt/zwdt/202004/t20200408_7666877.html
https://www.sohu.com/a/232057928_610300
https://baijiahao.baidu.com/s?id=1663401258740211136&wfr=spider&for=pc
https://technology.informa.com/599099/autonomous-vehicle-sales-to-surpass-33-million-annually-in-2040-enabling-new-autonomous-mobility-in-more-than-26-percent-of-new-car-sales-ihs-markit-says
https://ihsmarkit.com/research-analysis/autonomous-vehicle-sales-to-surpass-33-million-annually-in-2040-enabling-new-autonomous-mobility-in-more-than-26-percent-of-new-car-sales.html
ที่มาภาพ
https://www.icswb.com/
https://hn.qq.com/
https://baijiahao.baidu.com/s?id=1670186878241267457&wfr=spider&for=pc)
http://kuaibao.qq.com/s/20190621A0HUKB00
https://baijiahao.baidu.com/s?id=1663401258740211136&wfr=spider&for=pc
http://www.cnautotime.cn/news/190625-11521.html
http://www.hjrjx.com/sh/qw/34326.html
http://www.hefeirunfeng.com/news1/8004.html
http://auto.ifeng.com/c/7vWdGIwPwu0