ศักยภาพโลจิสติกส์ของมณฑลฝูเจี้ยน และโอกาสการส่งเสริมการค้าของไทย (ตอนที่ 1)
12 Jun 2023ภูมิหลัง
จีนมีประวัติศาสตร์การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมายาวนานตั้งแต่สมัยโบราณ จากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ที่มีดินแดนทางบกและทางน้ำที่เชื่อมโยงกับหลายประเทศ โดยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (206-220 ก่อนคริสตกาล) จีนได้มีการเดินทางติดต่อค้าขายกับต่างประเทศผ่านเส้นทางสายไหม 2 เส้นทางหลัก ได้แก่ เส้นทางสายไหมทางบก ซึ่งมีเส้นทางจุดเริ่มต้นที่นครซีอานจนถึงดินแดนฝั่งตะวันตกของจีนพาดผ่านอาณาเขตของหลายประเทศในปัจจุบัน และเส้นทางสายไหมทางทะเล เป็นเส้นทางการสำรวจทางทะเลของนายพลเจิ้ง เหอ ผู้บัญชาการกองทัพเรือในสมัยราชวงศ์หมิง ซึ่งได้เดินเรือผ่านกว่า 30 ประเทศในภูมิภาคจากมณฑลเจียงซูของจีนไปยังแปซิฟิกตะวันตกและมหาสมุทรอินเดีย โดยหนึ่งในเมืองท่าโบราณที่มีความสำคัญของภาคตะวันออกของจีนคือเมืองเฉวียนโจว มณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งเส้นทางสายไหมทางทะเลในสมัยนั้น
ท่าเรือเซี่ยเหมินในสมัยยังเป็นท่าเรือตามสนธิสัญญาหนานจิง
ทั้งนี้ การพัฒนาท่าเรือของมณฑลฝูเจี้ยนในการค้าขายกับต่างประเทศมีประวัติความเป็นมาเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง จีนได้ลงนามสนธิสัญญาหนานจิง (Treaty of Nanjing) กับอังกฤษ เพื่อทำการค้าขายกับต่างประเทศ โดยมีการเปิดเมืองท่าในชายฝั่งภาคตะวันออก 5 เมือง ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว ฝูโจว เซี่ยเหมิน และหนิงโปว ส่งผลให้ท่าเรือในเมืองเหล่านี้มีสถานะเป็นท่าเรือตามสนธิสัญญา (Treaty Port) ซึ่งในจำนวนนี้ มีเมืองท่าชายทะเล 2 แห่งอยู่ภายใต้เขตอำนาจของมณฑลฝูเจี้ยน ได้แก่ นครฝูโจวและเมืองเซี่ยเหมิน ภายหลังจากการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เติ้ง เสี่ยวผิงได้กำหนดให้เมืองเซี่ยเหมินเป็น 1 ใน 4 เขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของจีนในสมัยนั้น
จนถึงยุคปัจจุบัน ภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จีนได้วางยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมทางทะเล โดยมุ่งสร้างความเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างท่าเรือจีนกับท่าเรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ เอเชียตะวันตก ตะวันออกกลาง และยูเรเซีย โดยมณฑลฝูเจี้ยนเป็นหนึ่งในมณฑลชายฝั่งในการเปิดกว้างสู่ภายนอกและเร่งสร้างความได้เปรียบด้านการพัฒนาโลจิสติกส์เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของการค้าระหว่างประเทศ
ภาพรวมนโยบายโลจิสติกส์ของมณฑลฝูเจี้ยน
มณฑลฝูเจี้ยนมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาเป้าหมายภายใต้แผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ฉบับที่ 14 (ปี 2564 – 2568) ของมณฑลฝูเจี้ยน โดยมีการตั้งเป้าหมายการพัฒนาปี 2568 ครอบคลุมการขนส่งทางหลวง ทางน้ำ และทางอากาศ อาทิ การจัดตั้งกองทุน 3 หมื่นล้านหยวนในการสร้างทางหลวงในชนบท การเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟและทางน้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 และร้อยละ 35 ตามลำดับ การเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าและตู้คอนเทนเนอร์ผ่านท่าเรือต่าง ๆ ในมณฑลฝูเจี้ยนให้สูงกว่า 800 ล้านตัน และ 23 ล้านตู้มาตรฐานตามลำดับ การขยายการก่อสร้างท่าเรือที่สามารถรองรับสินค้ามากกว่า 100 ล้านตันจำนวน 4 แห่ง การพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดตั้งกองทุนจำนวน 200 ล้านหยวนในการส่งเสริมการพัฒนาโครงการขนส่งสายไหมทางทะเล “ซือลู่ไห่ยุ่น” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการโลจิสติกส์แบบบูรณาการระหว่างประเทศ เช่น บริการ “เส้นทางสายด่วนอีคอมเมิร์ซ” โดยสินค้าอีคอมเมิร์ซสามารถตรวจผ่านทั้งเข้าและออกจากพื้นที่ปลอดอากรได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สินค้าอีคอมเมิร์ซในเซี่ยเหมินและพื้นที่โดยรอบสามารถส่งออกไปยังกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการในสาขาที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมโครงการฯ แล้วกว่า 300 ราย นอกจากนี้ รัฐบาลมณฑลฝูเจี้ยนยังตั้งเป้าหมายจะพัฒนาก้าวขึ้นสู่การเป็นมณฑลแห่งการขนส่งที่แข็งแกร่งของจีนภายในปี 2578
รถไฟความเร็วสูงฝูโจว-เซี่ยเหมินจะเปิดให้บริการในเดือนเมษายนของปี 2566 เป็นหนึ่งในโครงการขยายเครือข่ายเส้นทางรถไฟที่สำคัญของจีน โดยสายเหนือของเส้นทางรถไฟฯ จะเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงปักกิ่ง-ฝูโจว และสายใต้จะเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจางโจว จะกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเดินทางไปยังกว่างโจวและเซินเจิ้น และช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางระหว่างฝูโจว เซี่ยเหมิน เฉวียนโจว และจางโจวอย่างมาก
ที่ผ่านมา รัฐบาลมณฑลฝูเจี้ยนได้มีการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการสร้างระบบโลจิสติกส์ที่ล้ำสมัยเพื่อขับเคลื่อน “ยุทธศาสตร์วงจรคู่ขนาน” (Dual Circulation) ทั้งตลาดในและต่างประเทศ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการพัฒนาโลจิสติกส์ การให้เงินอุดหนุนและการลดภาษีสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยรัฐบาลมณฑลฝูเจี้ยนได้ประกาศแผนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ยุคใหม่ของมณฑลฝูเจี้ยน (ปี 2564 – 2568) โดยมีมาตรการสำคัญ ได้แก่
(1) ปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ของธุรกิจและการค้ายุคใหม่ โดยมุ่งเน้นการก่อสร้างคลังสินค้าในต่างประเทศมากกว่า 100 แห่งรวมกว่า 1.8 ล้าน ตร.ม. ในกว่า 35 ประเทศในทวีปเอเชีย โอเชียเนีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และ กลุ่มประเทศตามข้อริเริ่ม BRI รวมถึงไทยและเวียดนาม การบ่มเพาะและส่งเสริมวิสาหกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันระดับสากล ผลักดันดิจิทัลโลจิสติกส์ และผสมผสานระหว่างโลจิสติกส์อัจฉริยะกับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน อาทิ การบูรณาการรูปแบบการพัฒนา “อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน+รถไฟจีน-ยุโรป+คลังสินค้าในต่างประเทศ” โดยส่งเสริมการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางรถไฟจีน-ยุโรป อาทิ ชิ้นส่วน solar cell ชิ้นส่วนยานยนต์ แบตเตอรี่ลิเธียม เครื่องใช้ไฟฟ้า งานฝีมือเซรามิก และวัสดุก่อสร้างบ้าน ปัจจุบัน มณฑลฝูเจี้ยนมีเขตนำร่องอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนแห่งชาติทั้งหมด 8 แห่ง ได้แก่ นครฝูโจว เมืองเซี่ยเหมิน เมืองจางโจว เมืองเฉวียนโจว เมืองผู่เถียน เมืองหนานผิง เมืองหลงหยาน และเมืองหนิงเต๋อ
(2) ส่งเสริมโลจิสติกส์สีเขียวเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยส่งเสริมการลดมลพิษที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์ทั้งหมด ได้แก่ การขนส่ง การบริหารจัดการคลังสินค้า การจัดซื้อและจัดหาสินค้า และการขนถ่ายวัสดุและการบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ โดยส่งเสริมการนำวัสดุสิ้นเปลืองกลับมาใช้ใหม่ผ่านการรีไซเคิล และการลดใช้ถุงพัสดุ พลาสติกกันกระแทก เทป กระดาษ และซองไปรษณีย์พลาสติกในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ และสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์สีเขียวที่ย่อยสลายได้ รวมทั้งผลักดันให้เมืองเซี่ยเหมินพัฒนาเป็นเมืองนำร่องโลจิสติกส์ สีเขียวแห่งแรกของมณฑล โดยเฉพาะส่งเสริมท่าเรือเซี่ยเหมินเป็นท่าเรืออัจฉริยะสีเขียวในอันดับต้น ๆ ของจีน อาทิ การนำระบบพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในการบริหารจัดการท่าเรือ โดยปัจจุบันคลังสินค้าและอาคารสำนักงานภายในท่าเรืออยู่ระหว่างเร่งติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ให้ครอบคลุมทุกจุด โดยคาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งของแผงโซล่าเซลล์ในท่าเรือเซี่ยเหมินจะสูงกว่า 18 เมกะวัตต์ และปริมาณการผลิตไฟฟ้าจะสูงกว่า 20 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปีภายในปี 2566 เพื่อสร้างท่าเรืออัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพัฒนาเป็นท่าเรือสีเขียวแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งฝูเจี้ยนยังส่งเสริมการก่อสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้า สถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและเรือไฟฟ้าให้ครอบคลุมจุดพักรถบนทางด่วนและบริเวณท่าเรือต่าง ๆ ในมณฑล
สถานีไฟฟ้าโซลาร์เซลล์บนหลังคาคลังสินค้าที่ท่าเรือเซี่ยเหมิน รวม 29,000 ตร.ม สามารถผลิตไฟฟ้าสีเขียวได้ 4.3 ล้าน kWh ต่อปี
(3) ส่งเสริมการขนส่งทางราง ทางอากาศ และทางน้ำ
ทางราง มณฑลฝูเจี้ยนลงทุน 2.72 แสนล้านหยวนในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงหลายเส้นทางภายในปี 2568 อาทิ รถไฟความเร็วสูงนครหนานชาง-เมืองหนานผิง (เชื่อมกับรถไฟความเร็วสูงนครเหอเฝย-นครฝูโจว-เมืองเซี่ยเหมิน รถไฟความเร็วสูงเมืองจางโจว-เมืองซัวเถา รถไฟความเร็วสูงเมืองเหิงหยาง-ฝูโจว เป็นต้น เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนกับเขตเศรษฐกิจปากแม่น้ำแยงซี เขตเศรษฐกิจปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย และ เขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า และเร่งส่งเสริมการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟจีน-ยุโรปในหลายเมืองของมณฑล อาทิ เซี่ยเหมินได้เปิดเส้นทางรถไฟจีน-ยุโรป 6 เส้นทางไปยังบูดาเปสต์ ฮัมบูร์ก ดุยส์บวร์ก อัลมาตีในคาซัคสถาน และมอสโก ซึ่งเข้าถึงกว่า 30 เมืองของ 12 ประเทศ
ทางอากาศ โดย (1) เร่งก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติเสียงอัน เมืองเซี่ยเหมินให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติเสียงอันให้เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค และประตูแห่งการเชื่อมโยงกับต่างประเทศภายใต้ข้อริเริ่ม BRI (2) ส่งเสริมการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติฉางลื่อฝูโจวระยะที่ 2 ที่เมืองฝูชิง เพื่อขยายการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานนานาชาติฉางลื่อฝูโจวได้ถึง 36 ล้านคนต่อปี และปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านท่าอากาศยานกว่า 450,000 ตันต่อปี ภายในปี 2573 และ (3) เพิ่มศักยภาพการรองรับเที่ยวบินของท่าอากาศยานนานาชาติจิ้นเจียงเฉวียนโจวกว่า 92,000 เที่ยวบินต่อปี รองรับผู้โดยสารกว่า 13 ล้านคนต่อปี และขยายการขนส่งสินค้าผ่านท่าอากาศยานกว่า 130,000 ตันต่อปี ภายในปี 2568 ทั้งนี้ มณฑลฝูเจี้ยนตั้งเป้าหมายการขนส่งผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานในมณฑลฝูเจี้ยนให้สูงกว่า 60 ล้านคน
ทางน้ำ เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ การสร้างระบบอุตสาหกรรมทางทะเลที่ทันสมัย และการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศและการพัฒนาทางทะเลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งพัฒนาท่าเรือเซี่ยเหมินและท่าเรือฝูโจวซึ่งเป็นสองท่าเรือหลักของมณฑลฝูเจี้ยนให้เป็นท่าเรือชั้นนำระดับโลก โดยตั้งเป้าหมายในปี 2566 อาทิ การเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือต่าง ๆ ในมณฑลฝูเจี้ยนให้มากกว่า 730 ล้านตัน และตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 19.5 ล้านตู้มาตรฐาน โดยจะเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือเซี่ยเหมินมากกว่า 230 ล้านตันและตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 13.5 ล้านตู้มาตรฐาน รวมทั้งการเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำมันขนาด 300,000 ตัน ซึ่งจะทำให้ท่าเรือเซี่ยเหมินเป็นท่าเรือขนถ่ายน้ำมันดิบขนาดใหญ่ที่สุดของมณฑลฝูเจี้ยน และจะเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือฝูโจวมากกว่า 300 ล้านตันและตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 4.2 ล้านตู้มาตรฐาน เพื่อพัฒนาท่าเรือในมณฑลฝูเจี้ยนเป็นท่าเรือชั้นนำระดับโลกและศูนย์กลางการเดินเรือระหว่างประเทศแห่งภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน
โครงการ “การไป-กลับเป็นประจำเซี่ยเหมิน-จางโจว-เฉียวนโจว 1 ชม.” ท่าอากาศยานนานาชาติฉางลื่อฝูโจวระยะที่ 2 ที่เมืองฝูชิง
ซึ่งมีการเดินทางไปกลับเป็นประจำ 140,000 คนต่อวัน รัฐบาลจีนกลางอนุมัติให้เริ่มก่อสร้างในปี 2568
เมื่อเดือนมกราคมของปี 2566 เมืองเฉวียนโจวเปิดเส้นทาง จนถึงเดือนมกราคมของปี 2566 โครงการขนส่งสายไหมทาง
ทะเลรถไฟจีน-ยุโรปขบวนแรกที่บรรทุกผลิตภัณฑ์สุขอนามัย “ซือลู่ไห่ยุ่น” มีเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศ 94 เส้นทางไปยัง
กระเป๋า รองเท้าและงานฝีมือไปยังมอสโก 108 ท่าเรือของ 31 ประเทศ
ศักยภาพด้านโลจิสติกส์ของมณฑลฝูเจี้ยน
การพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของมณฑลฝูเจี้ยนมีความก้าวหน้าจากปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการ ได้แก่
(1) ลักษณะภูมิประเทศ มณฑลฝูเจี้ยนมีชายฝั่งทะเลยาวกว่า 3,000 กม. และพื้นที่ทางทะเลมากกว่า 3 ล้าน ตร.กม. ทำให้มณฑลฝูเจี้ยนมีท่าเทียบเรือชายฝั่ง 430 แห่ง สูงเป็นอันดับต้น 6 ในมณฑลชายฝั่งของประเทศ โดยในปี 2565 มีการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือต่าง ๆ ในมณฑลฝูเจี้ยนสูงกว่า 714 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 สูงเป็นอันดับ 6 ของประเทศ ตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 18 ล้านตู้มาตรฐาน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 บริษัทการขนส่งทางทะเล 47 แห่ง โดยท่าเรือฝูโจวเป็นท่าเรือแห่งแรกของมณฑลที่มีปริมาณการขนส่งสินค้ามากกว่า 300 ล้านตัน ท่าเรือเซี่ยเป็นท่าเรือที่มีปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์อันดับ 7 ของจีนและอันดับ 13 ของโลก และท่าเรืออ่าวเหมยโจวเป็นท่าเรือขนถ่ายแร่เหล็กไปยังไทจง ไต้หวัน ที่ใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีปริมาณการขนถ่ายแร่เหล็กไปยังไทจงกว่า 4 ล้านตันต่อปี
(2) ผู้นำร่องการพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ตั้งแต่ปี 2558 มณฑลฝูเจี้ยนถูกกำหนดเป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ตามแผนยุทธศาสตร์ของจีน (Maritime Silk Road) และได้รับการส่งเสริมให้เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในขับเคลื่อนยุทธศาสตร์วงจรคู่ขนานของจีน ผ่านการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์และเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ การจัดประชุมทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ขึ้นที่เมืองเฉวียนโจว ทั้งนี้ การค้าระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนกับประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ตามเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเลมีมูลค่าสูงกว่า 7.3 แสนล้านหยวนในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับปีก่อน มีการเดินทางทั้งหมด 9,014 เที่ยวผ่านเส้นทางเดินเรือที่ตั้งชื่อตามเส้นทางสายไหมทางทะเล สามารถไปยัง 108 ท่าเรือของ 31 ประเทศ และมีปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 10 ล้านตู้มาตรฐาน
(3) โครงสร้างพื้นฐานด้านการค้าต่างประเทศที่แข็งแกร่ง โดยในปี 2565 มณฑลฝูเจี้ยนมีมูลค่าการค้าต่างประเทศเท่ากับ 1.98 ล้านล้านหยวน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 สูงเป็นอันดับ 7 ของจีน[1] ในจำนวนนี้ อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าการส่งออก 1.3 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 คิดเป็นร้อยละ 11 ของมูลค่าการค้าต่างประเทศทั้งมณฑล และมีการก่อสร้างคลังสินค้าในต่างประเทศใหม่ 350,000 ตร.ม. สะสมมีพื้นที่คลังสินค้าในต่างประเทศรวมกว่า 1.8 ล้าน ตร.ม. ในกว่า 35 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย โอเชียเนีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และกลุ่มประเทศตามข้อริเริ่ม BRI สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของจีน
(4) วิสาหกิจชั้นนำ ปัจจุบัน มณฑลฝูเจี้ยนมีวิสาหกิจโลจิสติกส์ระดับ A[2] ทั้งหมด 503 แห่ง แบ่งเป็นนครฝูโจว 81 แห่ง เมืองเซี่ยเหมิน 119 แห่ง เมืองเฉวียนโจว 106 แห่ง เมืองผู่เถียน 18 แห่ง เมืองจางโจว 29 แห่ง เมืองหลงเหยียน 41 แห่ง เมืองซานหมิง 56 แห่ง เมืองหนานผิง 32 แห่ง เมืองหนิงเต๋อ 19 แห่ง และเขตผิงถาน 2 แห่ง โดยเฉพาะเมืองเซี่ยเหมินเป็นที่ตั้งของวิสาหกิจโลจิสติกส์ระดับ 5A จำนวนหลายแห่ง อาทิ บริษัท Xiamen Xiangyu Group จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน มีรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์เท่ากับ 2.2 แสนล้านหยวน รองจากบริษัท China COSCO Shipping Corporation Limited ของเซี่ยงไฮ้ และบริษัท Xiangyu ยังเป็นผู้ก่อสร้างและบริหารเขตปลอดภาษีครบวงจร Xiangyu ที่ตั้งอยู่ในเขตการค้าเสรีเมืองเซี่ยเหมิน ซึ่งเป็นเขตปลอดภาษีที่มีความแข็งแกร่งด้านโลจิสติกส์สูงเป็นอันดับ 29 จาก 155 เขตปลอดภาษีทั่วประเทศ และมีวิสาหกิจมากกว่า 1,100 รายได้เข้าจัดตั้งสำนักงานภายในเขตปลอดภาษี เช่น บริษัท DELL / ECCO Sko A/S / DAISO JAPAN / Micron Technology, Inc. / Plexus (Xiamen) จำกัด เป็นต้น โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2565 เขตปลอดภาษีครบวงจร Xiangyu มีมูลค่าการส่งออกและนำเข้า 8.6 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 และบริษัท C&D Inc. ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แข็งแกร่งเป็น 50 อันดับแรกของจีน และมีบริษัทย่อยอยู่ในหลายเมืองของจีน อาทิ เซี่ยเหมิน เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน ชิงเต่า เฉิงตู ฯลฯ และมีการก่อสร้างพื้นที่ศูนย์โลจิสติกส์ครอบคลุมมากกว่า 1 ล้าน ตร. ม. ทั่วโลก และบริษัท Shenghui Logistics จำกัด ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 ของมณฑลฝูเจี้ยน เน้นการพัฒนาบริการโลจิสติกส์สีเขียวอย่างยั่งยืน และมีบริษัทย่อยให้บริการโลจิสติกส์กว่า 250 แห่งทั่วประเทศ
เขตปลอดภาษีครบวงจร Xiangyu ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 ท่าเรือเจียงอินซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของนครฝูโจว
มีปริมาณการขนส่งสินค้ามากกว่า 100 ล้านตันต่อปี
(5) เขตสาธิตความร่วมมือระหว่างข้ามช่องแคบไต้หวัน มณฑลฝูเจี้ยนเป็นมณฑลที่ใกล้กับไต้หวันมากที่สุดของจีนแผ่นดินใหญ่ และเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมระหว่างแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน โดยมีการเปิดการคมนาคมโดยตรงระหว่างแผ่นดินใหญ่และไต้หวันภายใต้ “Three Direct Links” กล่าวคือ ความร่วมมือในการติดต่อกันผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ ทางไปรษณีย์ ทางอากาศ และทางน้ำ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าระหว่างช่องแคบ ส่งผลให้สินค้าระหว่างจีนและไต้หวันขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2565 ท่าเรือต่าง ๆ ในมณฑลฝูเจี้ยนมีการขนส่งสินค้าระหว่างไต้หวัน 17.5 ล้านตัน ตู้คอนเทนเนอร์ 727,200 ตู้มาตรฐาน ในจำนวนนี้ ท่าเรือฝูโจวขนส่งสินค้าระหว่างไต้หวัน 625,000 ตัน ตู้คอนเทนเนอร์ 29,800 ตู้มาตรฐาน และท่าเรือเซี่ยเหมินขนส่งสินค้าระหว่างไต้หวัน 464,800 ตัน ตู้คอนเทนเนอร์ 27,800 ตู้มาตรฐาน นอกจากนี้ สะพานเชื่อมระหว่างเกาะเสี่ยวจินเหมิน (เมืองเซี่ยเหมิน) กับเกาะจินเหมิน (ไต้หวัน) เริ่มเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนตุลาคมของปี 2565 ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ส่งเสริมการพัฒนาการคมนาคมขนส่ง การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจระหว่างแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน
สะพานเชื่อมเกาะเสี่ยวจินเหมิน (เมืองเซี่ยเหมิน) จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2566 โครงการ “Mini three links”
กับเกาะจินเหมิน (ไต้หวัน) ตลอดยาว 5.4 กิโลเมตร ได้ขนส่งผู้โดยสารกว่า 22.1 ล้านคน รวมเดินเรือกว่า 217,000 เที่ยว
เมืองที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาโลจิสติกส์ของมณฑลฝูเจี้ยน พื้นที่สำคัญของการพัฒนาโลจิสติกส์ของ มณฑลฝูเจี้ยนส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเซี่ยเหมิน นครฝูโจว และเมืองเฉวียนโจว โดยเฉพาะเมืองเซี่ยเหมินเป็นที่ตั้งของวิสาหกิจโลจิสติกส์ระดับ 5A มากที่สุดของมณฑล และเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของทั้งมณฑลฝูเจี้ยนและจีน
เมืองเซี่ยเหมิน เป็น 1 ใน 4 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมหลักของเมือง ซึ่งมีมูลค่าการผลิตสูงกว่า 1.5 แสนล้านหยวน และเป็นหนึ่งในสาขาเป้าหมายภายใต้แผนการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ “4+4+6” ของเมืองเซี่ยเหมิน โดยเน้นการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ห่วงโซ่ความเย็น และระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างเมืองเซี่ยเหมินเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศและศูนย์การขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ ที่ผ่านมา เมืองเซี่ยเหมินให้ความสำคัญกับการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่ครบวงจร เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยมีการออกนโยบายในการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ทั้งการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนด้านการเงิน การพัฒนาการขนส่งแบบผสมผสานท่าเรือและรถไฟเพื่อขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ และการเพิ่มปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ผ่านท่าเรือเซี่ยเหมินให้สูงกว่าร้อยละ 3 ต่อปี เป็นต้น ปัจจุบัน เมืองเซี่ยเหมินมีผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากกว่า 9,000 แห่ง และรายได้จากอุตสาหกรรมโลจิสติกส์สูงกว่า 1.53 แสนล้านหยวน รวมทั้งเซี่ยเหมินยังได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 15 เมืองศูนย์การขนส่งสินค้าที่ครบวงจรแห่งชาติประจำปี 2565
ท่าเรือเซี่ยเหมิน เป็นหนึ่งในท่าเรือหลักตามแนวชายฝั่งของจีน ศูนย์กลางที่สำคัญของระบบการขนส่งที่ครบวงจรทั่วประเทศ ท่าเรืออัจฉริยะสีเขียวเป็นอันดับต้น 3 ของจีน และได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ของท่าเรือคอนเทนเนอร์ ที่มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดีที่สุดจาก 10 ท่าเรือคอนเทนเนอร์ของจีน โดยมีการให้บริการสินเชื่อเพื่อการขนส่งที่ง่ายและสะดวก มีการให้บริการแพลตฟอร์มของบริษัทขนส่งแบบบูรณาการซึ่งช่วยประหยัดเวลาการดำเนินการ รวมทั้งช่วยลดค่าธรรมเนียมการขนส่งสินค้าและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ และยังมีการเปิดโครงการสาธิตการขนส่งรูปแบบทางรถไฟ+ ทางทะเลแห่งชาติ รวมทั้งให้การส่งเสริมการลงทุนจากบริษัทเอกชน เช่น บริษัท SITC International Holdings จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งตู้คอนเทนเนอร์รายใหญ่ของจีน ได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคที่เมืองเซี่ยเหมิน และในปี 2565 ปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ผ่านท่าเรือเซี่ยเหมินเท่ากับ 12.43 ล้านตู้มาตรฐาน สูงเป็นอันดับ 7 ของจีนและอันดับ 13 ของโลก หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ และมีปริมาณการขนส่งสินค้ากว่า 219 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 อันเป็นปัจจัยเกื้อหนุนจากการดำเนินนโยบายการปฏิรูปและเปิดกว้างสู่ต่างประเทศ เช่น การเปิดเส้นทางขนส่งสินค้าใหม่ภายใต้โครงการเส้นทางสายไหมทางทะเล Maritime Silk Road ปัจจุบัน ท่าเรือเซี่ยเหมินมีเส้นทางการขนส่งสินค้าทั้งหมด 174 เส้นทาง รวมถึงเส้นทางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ 134 เส้นทาง โดยขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 149 แห่งใน 55 ประเทศ และมีการเปิดเส้นทางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศตามโครงการ RCEP ทั้งหมด 97 เส้นทาง สามารถขนส่งสินค้าไปยัง 58 ท่าเรือใน 55 ประเทศ รวมทั้งมีการเปิดเส้นทางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศตามข้อริเริ่ม BRI ทั้งหมด 86 เส้นทาง สามารถขนส่งสินค้าไปยัง 55 ท่าเรือใน 24 ประเทศตามข้อริเริ่ม BRI
ในปี 2565 ปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สำหรับการค้าต่างประเทศผ่านท่าเรือเซี่ยเหมินเท่ากับ 9.33 ล้านตู้มาตรฐาน
หรือคิดเป็นร้อยละ 75.1 ของปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดของท่าเรือ
ท่าอากาศยานนานาชาติเสียงอัน เป็นหนึ่งในท่าอากาศยานหลักของมณฑลฝูเจี้ยน และรัฐบาลกลางจีนให้ความสำคัญต่อการผลักดันท่าอากาศยานนานาชาติเสียงอันเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคและประตูสำหรับการแลกเปลี่ยนและพัฒนาระหว่างช่องแคบไต้หวัน และความร่วมมือกับต่างประเทศภายใต้ข้อริเริ่ม BRI โดยการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติเสียงอันจะช่วยเพิ่มศักยภาพการรองรับเที่ยวบินรวมกว่า 380,000 เที่ยวบินต่อปี รองรับผู้โดยสารกว่า 45 ล้านคนต่อปี และขยายการรองรับผู้โดยสารได้ถึง 62 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2573 รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้าผ่านท่าอากาศยานกว่า 750,000 ตันต่อปี และเมืองเซี่ยเหมินมีการออกแผนปฏิบัติการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ (ปี 2565 – 2568) เพื่อส่งเสริมให้มลฑลฝูเจี้ยนเป็นมณฑลที่มีความแข็งแกร่งด้านการขนส่งทางอากาศภายในปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายการขยายเส้นทางขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศในกลุ่ม BRICS การเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านท่าอากาศยานเซี่ยเหมินให้สูงกว่า 180,000 ตัน ภายในปี 2566 และสูงกว่า 200,000 ตัน ภายในปี 2567 เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นท่าอากาศยานขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศชั้นนำของจีน นอกจากนี้ เมืองเซี่ยเหมินยังให้เงินอุดหนุนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศในการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทาน รวม 300 ล้านหยวน และเพิ่มเงินอุดหนุนรวมทั้งสิ้น 1.7 พันล้านหยวน ภายในปี 2568 โดยให้เงินอุดหนุนสำหรับผู้ประกอบการที่ขนส่งสินค้าในเส้นทางโอเชียเนีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ สูงสุดไม่เกิน 110 ล้านหยวน และสำหรับผู้ประกอบการที่ขนส่งสินค้าในเส้นทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านหยวน รวมทั้งดึงดูดวิสาหกิจสายการบินและวิสาหกิจโลจิสติกส์ชั้นนำของประเทศ อาทิ บริษัท Shandong Airlines บริษัท China Eastern Airlines บริษัท China Post Group จำกัด และบริษัท SF-Express จำกัด มาจัดตั้งสำนักงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศของท่าอากาศยานเซี่ยเหมิน
ปัจจุบัน ท่าอากาศยานเซี่ยเหมินเป็นท่าอากาศยานหลักแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน มีเส้นทางการบินทั้งในและต่างประเทศทั้งหมด 350 เส้นทาง และเส้นทางการขนส่งสินค้าทั้งหมด 47 เส้นทาง คิดเป็นร้อยละ 76 ของจำนวนเส้นทางขนส่งสินค้าทางอากาศของทั้งมณฑล เชื่อมโยงกับประเทศต่าง ๆ อาทิ ประเทศในกลุ่ม BRI และประเทศสมาชิกของ BRICS และ RCEP โดยในปี 2565 มีปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านท่าอากาศยานเซี่ยเหมินสูงเป็นอันดับ 1 ของมณฑล
โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งใหม่ของเมืองเซี่ยเหมินที่เขตเสียงอัน ด้วยเงินลงทุนทั้งหมด 5.4 หมื่นล้านหยวน
บนพื้นที่ 550,000 ตร.ม เป็นท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F[3] แห่งแรกในมณฑลฝูเจี้ยน โดยรวมมีข้อได้เปรียบกว่าเมื่อเทียบกับท่าอากาศยานนานาชาติฝูโจวฉางลื่อระดับ 4E
คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2568
ความพร้อมด้านบุคลากร เมืองเซี่ยเหมินเน้นการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างวิสาหกิจโลจิสติกส์ชั้นนำ สถาบันการวิจัยและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ และความพร้อมด้านบุคลากร โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยจี๋เหม่ยซึ่งได้รับการอนุมัติจากกระทรวงคมนาคมให้จัดตั้งเป็นสถาบันนำร่องการสร้างประเทศแห่งการคมนาคมขนส่งที่แข็งแกร่ง มีหน้าที่ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัฒกรรมสำหรับโลจิสติกส์ต่าง ๆ อาทิ เทคโนโลยีการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการเดินเรือ การจัดการเหตุฉุกเฉิน การควบคุมโลจิสติกส์ท่าเรืออัจฉริยะ ระบบอัจฉริยะของการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ และการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลักสำหรับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้ามทะเล และการฝึกอบรมบุคลากรด้านการขนส่งทางทะเล เป็นต้น ปัจจุบัน จีนมีมหาวิทยาลัยมากกว่า 10 แห่งได้รับการจัดตั้งให้เป็นหน่วยนำร่องฯ อาทิ Dalian Maritime University / Southeast University / Beihang University / Tongji University และมหาวิทยาลัยจี๋เหม่ยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวของมณฑลฝูเจี้ยนที่ได้รับการคัดเลือก โดยมหาวิทยาลัยจี๋เหม่ยมีการเปิดการเรียนการสอนสาขาที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์หลายสาขา อาทิ สาขาการจัดการโลจิสติกส์ วิทยาการเดินเรือ และการค้าระหว่างประเทศและการจัดการโลจิสติกส์ ฯลฯ
* * * * * * * * * *
[1] รองจากมณฑลกว่างตุ้ง (8.3 ล้านล้านหยวน) มณฑลเจียงซู (5.4 ล้านล้านหยวน) มณฑลเจ้อเจียง (4.7 ล้านล้านหยวน) นครเซี่ยงไฮ้ (4.2 ล้านล้านหยวน) นครปักกิ่ง (3.6 ล้านล้านหยวน) และมณฑลซานตง (3.3 ล้านล้านหยวน)
[2] วิสาหกิจโลจิสติกส์ระดับ A เป็นผลการประเมินศักยภาพด้านโลจิสติกส์ของวิสาหกิจตามมาตรฐานแห่งชาติโดยองค์กร China Federation of Logistics and Purchasing ซึ่งเป็นการประเมินคุณสมบัติของวิสาหกิจโลจิสติกส์ที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือมากที่สุดของจีน
[3] การแบ่งระดับการจัดประเภทของท่าอากาศยานจีน แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ 4F เป็นระดับการบินพลเรือนที่สูงที่สุดในโลก มีการบริการครบวงจร ระบบบริการที่ทันสมัย และสามารถนำเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นลงได้ เช่น เครื่องบินแอร์บัส 380 และเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่มากอื่น ๆ ที่มีเครื่องยนต์จำนวน 4 เครื่อง / 4E ท่าอากาศยานระดับสูง มีการบริการครบวงจร และสามารถนำเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นลงได้ เช่น เครื่องบินโบอิ้ง 747 เครื่องบินแอร์บัส 340 และเครื่องบินขนาดใหญ่อื่น ๆ มีเครื่องยนต์จำนวน 4 เครื่อง / 4D ท่าอากาศยานระดับกลาง และสามารถนำเครื่องบินขนาดกลางขึ้นลงได้ เช่น เครื่องบินโบอิ้ง 767 เครื่องบินโบอิ้ง 747 ที่มีน้ำหนักเบา เครื่องบินแอร์บัส 300 และเครื่องบินขนาดใหญ่อื่น ๆ มีเครื่องยนต์จำนวน 2 เครื่อง / 4C ท่าอากาศยานระดับเล็ก สามารถนำเครื่องบินขนาดเล็กขึ้นลงได้เช่น เครื่องบินแอร์บัส 320 เครื่องบินโบอิ้ง 737 และเครื่องบินขนาดเล็กอื่น ๆ มีเครื่องยนต์จำนวน 2 เครื่อง และมีเส้นทางการบินไม่ไกลมาก / 3C ท่าอากาศยานระดับเล็กมาก สามารถนำเครื่องบินขนาดเล็กขึ้นลงได้ เช่น เครื่องบินโบอิ้ง 733 ERJ ARJ CRJ และเครื่องบินขนาดเล็กอื่น ๆ มีเส้นทางการบินระยะสั้น