ยูนนานเร่งยกระดับอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม หวังก่อตัวเป็น “หุบเขาอะลูมิเนียมสีเขียวของจีน”
27 Dec 2024จากแนวคิดการพัฒนา “สีเขียวและคาร์บอนต่ำ” ของจีน โดยเฉพาะนโยบาย “คาร์บอนคู่ (Dual Carbon)” รวมถึง นโยบายสนับสนุนการย้ายฐานการผลิตอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมจากมณฑลทางภาคเหนือของจีน เช่น มณฑลซานตง มณฑลเหอหนาน และมณฑลซานซี ไปสู่มณฑลทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสะอาด ส่งผลให้มณฑลยูนนานกลายเป็นหนึ่งในพื้นที่หลักของจีนในการผลิตอะลูมิเนียมสีเขียว (Green Aluminium) เนื่องจากมณฑลยูนนานมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดสูงเป็นอันดับหนึ่งของจีน และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำสูงเป็นอันดับสองของจีน (รองจากมณฑลเสฉวน)

กระบวนการผลิตอะลูมิเนียมต้องใช้พลังงานมหาศาล และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก (เป็นการปล่อยทางอ้อมจากการใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก) นานาประเทศจึงผลักดันการผลิตอะลูมิเนียมสีเขียว เนื่องจากกระบวนการผลิตอะลูมิเนียมสีเขียวจะใช้พลังงานสะอาด เช่น ไฟฟ้าพลังน้ำ ปัจจุบัน อะลูมิเนียมสีเขียวกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ รถไฟความเร็วสูง เรือ และอากาศยาน รวมถึง ผลิตภัณฑ์สีเขียวอื่น ๆ ที่ต้องแสดงหลักฐานรับรองการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Credentials) ให้ผู้บริโภคทราบ
ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 (ปี 2564-2568) มณฑลยูนนานให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียว ทั้งการสนับสนุนเชิงนโยบายและการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงรูปธรรม ซึ่งสอดรับกับนโยบายของมณฑลที่มุ่งเน้นนิเวศวิทยาและคาร์บอนต่ำตามยุทธศาสตร์การพัฒนา “ไพ่สามใบ” ซึ่งได้แก่ อาหารสีเขียว (Green Food) พลังงานสีเขียว (Green Energy) และจุดหมายปลายทางรักษ์สุขภาพ (Healthy Lifestyle Destination)
การสนับสนุนด้านนโยบายอะลูมิเนียมสีเขียว ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มณฑลยูนนานได้ออกมาตรการส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมให้กลายเป็น “อะลูมิเนียมสีเขียว” อย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนมิถุนายน 2565 คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งมณฑลยูนนานได้ร่วมกับกรมอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งมณฑลยูนนาน ออกประกาศมาตรการส่งเสริมอะลูมิเนียมสีเขียว 2 ฉบับ ได้แก่ “แผนดำเนินงานพัฒนาอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียว 3 ปี (ปี 2565-2567)” และ“มาตรการเกี่ยวกับการสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียว” โดยมุ่งเน้นการพัฒนา 5 ด้าน ได้แก่ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุตสาหกรรม ความสามารถด้านนวัตกรรม การก่อสร้างสวนอุตสาหกรรม และความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า โดยมีแหล่งพัฒนาอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวหลัก 2 แห่ง ได้แก่ เขตฯ เหวินซาน และเขตฯ หงเหอ นอกจากนี้ ยังมีเมืองสนับสนุนอีก 4 แห่ง คือ เขตฯ ต้าหลี่ เมืองจาวทง เมืองฉวี่จิ้ง และนครคุนหมิง
ขณะเดียวกัน ยูนนานยังได้วางเป้าหมายว่า ภายในปี 2567 ห่วงโซอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวของมณฑลจะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมระดับกลาง-ไฮเอนท์เพิ่มสูงขึ้น มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวหรือมากกว่า 60 ราย มีนิคมอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวระดับไฮเอนด์เพิ่มขึ้น 2-3 แห่ง และมีมูลค่าการผลิตในห่วงโซ่อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียว 350,000 ล้านหยวน จนกลายเป็นฐานอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมที่สำคัญของจีน นอกจากนี้ ยังกำหนดเป้าหมายต่อเนื่องที่จะสร้างให้มณฑลยูนนานมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติในฐานะ “หุบเขาแห่งอะลูมิเนียมสีเขียวของจีน” ภายในปี 2573
นโยบายสนับสนุนถัดมา คือ ในปี 2566 คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปมณฑลยูนนานได้ออกมาตรการเพิ่มอีก 2 ฉบับ ได้แก่ (1) “แผน (ทดลอง) ดำเนินงานเร่งการยกระดับประสิทธิภาพและการพัฒนาความเป็นสีเขียวและคาร์บอนต่ำในอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมของมณฑลยูนนาน” ในเดือนเมษายน 2566 โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมให้มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงความสามารถในการตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าให้เป็นไปอย่างราบรื่น (2) “แผนดำเนินงานลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของภาคอุตสาหกรรมในมณฑลยูนนาน” เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2573 หรือภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 (ปี 2569-2573) โครงสร้างอุตสาหกรรมและโครงสร้างการใช้พลังงานของมณฑลจะได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยสนับสนุนให้บรรลุการปล่อยคาร์บอนในระดับสูงสุด (Carbon Peak) ภายในปี 2573 ตามเป้าหมายคาร์บอนคู่ที่จีนวางไว้
การพัฒนาอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมของมณฑลยูนนาน มณฑลยูนนานถือเป็นแหล่งแร่บอกไซต์ (Bauxite)ที่สำคัญของจีน แร่บอกไซต์ที่ได้จากเหมืองจะถูกผ่านเข้าสู่กระบวนการถลุงแร่จนได้เป็นผงอะลูมินา แล้วจึงนำไปผลิตต่อด้วยกระบวนการแยกโลหะอะลูมิเนียมด้วยไฟฟ้า จนได้เป็นอะลูมิเนียมปฐมภูมิ (Primary Aluminium) ที่มีความบริสุทธิ์มากกว่าร้อยละ 99 ปัจจุบัน ยูนนานมีเหมืองแร่บอกไซต์ประมาณ 30 แห่ง โดยมีปริมาณสำรองที่ได้รับการสำรวจแล้วมากเป็นอันดับ 6 ของจีน ซึ่งแหล่งแร่บอกไซต์อันดับหนึ่งของยูนนานอยู่ที่เขตฯ เหวินซาน ซึ่งมีปริมาณแร่บอกไซต์สะสมที่ได้รับการสำรวจแล้วกว่า 150 ล้านตัน รองลงมาได้แก่ เขตฯ ต้าหลี่ และเมืองจาวทง
มณฑลยูนนานมีศักยภาพในด้านการแปรรูปโดยใช้กระบวนการแยกโลหะอะลูมิเนียมด้วยไฟฟ้า คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 6 ของทั้งประเทศจีน โดยมีศูนย์กลางการแปรรูปโดยกระบวนการแยกโลหะอะลูมิเนียมด้วยไฟฟ้า 3 อันดับแรกในมณฑลยูนนาน ได้แก่ เขตฯ เหวินซาน เมืองหงเหอ และเมืองจาวทง
ขณะเดียวกัน ขนาดของอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวของมณฑลยูนนานก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี 2566 อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวของมณฑลมีมูลค่าการผลิตทะลุหลักแสนล้านหยวนเป็นครั้งแรก ก้าวเข้าสู่กลุ่ม “อุตสาหกรรมระดับแสนล้านหยวน” อีกหนึ่งประเภทของมณฑลยูนนาน โดยมีมูลค่าถึง 118,400 ล้านหยวน และในจำนวนนี้เป็นมูลค่าการผลิตของเขตฯ เหวินซาน 56,740 ล้านหยวน หรือมีสัดส่วนเกือบร้อยละ 50 หรือครึ่งหนึ่งของมูลค่าการผลิตในอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวของทั้งมณฑล
นอกจากนี้ มณฑลยูนนานยังได้ดึงดูดบริษัทยอดเยี่ยม 500 อันดับแรกของจีนและของโลก ในด้านอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวเข้าไปลงทุนในมณฑลยูนนาน เช่น บริษัท Aluminum Corporation of China (Chinalco) จำกัด บริษัท Shandong Weiqiao Pioneering Group จำกัด บริษัท Henan Shenhuo Group จำกัด และบริษัท Sichuan Qiya Group จำกัด รวมถึงยังมีการบ่มเพาะบริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวของมณฑลเอง เช่น บริษัท Yunnan Aluminium จำกัด บริษัท Yunnan Hongtai จำกัด และบริษัท Yunnan Shenhuo จำกัด ให้เติบโตยิ่งขึ้น และกำลังก่อตัวกลายเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวที่สำคัญของจีน
การมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวของมณฑลยูนนานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นแนวทางการพัฒนาอะลูมิเนียมสีเขียวของมณฑลยูนนานที่สำคัญ 3 ประการ ประการแรก การพัฒนาและจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากร เนื่องจากยูนนานเป็นแหล่งแร่บอกไซต์และทรัพยากรน้ำที่สำคัญของจีน ประการที่สอง การยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยการดึงดูดบริษัทชั้นนำและโครงการสำคัญด้านอะลูมิเนียมสีเขียวเข้ามาในพื้นที่ ไปจนถึงการบูรณาการห่วงโซ่อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมตั้งแต่วัตถุดิบ พลังงานน้ำ และการแปรรูปอะลูมิเนียม จนหล่อหลวมรวมกลุ่มเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่สำคัญ กลายเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคอุตสาหกรรม และยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางตลาดอีกด้วย ประการสุดท้าย คือ การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของยูนนาน
จะเห็นได้ว่า มณฑลยูนนานมีความพยายามเร่งยกระดับอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมของมณฑลทั้งด้านนวัตกรรมและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากพลังงานน้ำของมณฑลที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ จนปัจจุบันกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสีเขียวที่สำคัญของจีน และหวังก่อตัวจนมีชื่อเสียงเป็น “หุบเขาอะลูมิเนียมสีเขียวของจีน” ในอนาคต
ในเวทีโลก หลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญกับการควบคุมอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตราการปล่อยคาร์บอนสูงและเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมคาร์บอนจากสินค้าดังกล่าว อาทิ สหภาพยุโรปจะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมคาร์บอนข้ามพรมแดนตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดังกล่าวที่ต้องเร่งปรับตัวให้เข้ากับกระแสใหม่ของโลกเช่นกัน ปัจจุบัน ประเทศไทยได้เริ่มปรับตัวเพื่อเตรียมรับมือกับการปรับขอบเขตคาร์บอนของสหภาพยุโรป (CBAM) แล้ว อาทิ การพัฒนาระบบการรีไซเคิลกระป๋องอลูมิเนียมอย่างครบวงจร ซึ่งถือว่ามีอัตราการรีไซเคิลถึงร้อยละ 91 ซึ่งสูงที่สุดในโลก และได้เริ่มตั้งแพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานสะอาดและคาร์บอนเครดิต (FTI : CC/RE/REC X Platform (FTIX)) แล้ว อย่างไรก็ดี การเรียนรู้จากประสบการณ์และองค์ความรู้ที่ดีของจีนในด้านอะลูมิเนียมสีเขียวจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒาอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมของไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในเวทีโลกต่อไป
ที่มา:
https://www.sohu.com/a/578838297_121123923
https://www.163.com/dy/article/J781MBAM05198SOQ.html
https://www.yn.gov.cn/ztgg/yhyshj/zccsydhb/cyyhsj/202303/t20230309_255983.html
https://www.metalex.co.th/th-th/blog/4-trends-in-the-thai-aluminum-industry-to-monitor.html