ฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของจีนเลือก “ข้าวหอมมะลิไทย” สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์สินค้า
21 Mar 2018ปัจจุบันประชากรจำนวนมากในนครเฉิงตูต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ส่งผลให้การรับประทานอาหารต้องเร่งด่วนตามไปด้วย อาหารจานด่วน หรือ อาหารฟาสต์ฟู้ด จึงกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวันของชาวเฉิงตูและชาวเมืองใหญ่ทั่วไป อย่างไรก็ดี คนจำนวนไม่น้อยยังคงยึดติดกับภาพลักษณ์ของฟาสต์ฟู้ดว่าเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือเป็นอาหารขยะ ดังนั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดจำนวนไม่น้อยได้พยายามยกระดับคุณภาพของอาหารให้ได้มาตรฐานและมีประโยชน์ต่อผู้บริโภคมากที่สุดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด
ปัจจุบัน ธุรกิจเฟรนไชส์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดของนครเฉิงตูมีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีสาเหตุมาจาก 1) มีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด มีการลงทุนไม่สูง และใช้ระยะเวลาในการคืนทุนค่อนข้างสั้น และ 2) พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปมาก ผู้บริโภคหันมาใส่ใจกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น จึงทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารฟาสฟู้ดทั้งรายเก่าและรายใหม่ต่างปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงและปรับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร การรักษาคุณประโยชน์ของอาหาร และการประหยัดค่าใช้จ่ายการประหยัดเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุค 4.0 ได้อย่างลงตัว
ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด “มิสเตอร์ไรซ์” หรือ “ต้าหมี่เซียนเซิง” (大米先生) ก่อตั้งเมื่อปี 2539 ภายใต้ชื่อบริษัท Mr. Rice Food & Drink Management Co., Ltd. ในมหานครฉงชิ่ง โดยเป็นร้านอาหารในเครือเดียวกับร้านอาหาร “เซียงชุนจี” หรือ “Country Style Cooking”(乡村基)
ร้านอาหารแฟรน์ไชส์ “ต้าหมี่เซียนเซิง” และ “เซียงชุนจี”
นับเป็นร้านอาหารแฟนส์ไชน์ของจีนที่ได้รับความนิยม และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากนับตั้งแต่เปิดกิจการ โดยเฉพาะในมหานครฉงชิ่ง จนได้กลายเป็นที่นิยมสูงสุดของผู้บริโภคฉงชิ่ง” อีกทั้งยังเป็นผู้นำแห่ง “อาหารฟาสต์ฟู้ดจีน” และได้รับการยกย่องให้เป็น “10 อันดับร้านอาหารจีนยอดเยี่ยม” ปัจจุบันร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดมิสเตอร์ไรซ์มีสาขาทั่วประเทศจีนมีมากกว่า 400 สาขา ได้แก่ มหานครฉงชิ่ง มณฑลเสฉวน มณฑลกุ้ยโจว นครซีอาน มณฑลยูนนาน มณฑลหูหนาน และมณฑลหูเป่ย เป็นต้น
ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด “มิสเตอร์ไรซ์” หรือ “ต้าหมี่เซียนเซิง” (大米先生) เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารจีนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในมณฑลเสฉวน เนื่องจาก ร้านอาหารฯ ได้ใช้กลยุทธ์ “สร้างความเป็นเอกลักษณ์” ที่สามารถตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคยุค 4.0 ได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะการบริหารจัดการและเลือกใช้วัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ การรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยของอาหารให้สด และสะอาด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุด และการรักษารสชาติของอาหารให้อร่อย ตลอดจนการออกแบบร้านที่เน้นบรรยากาศให้อบอุ่นเสมือนรับประทานอาหารที่บ้านกับครอบครัว การให้บริการที่รวดเร็วและเป็นกันเอง ราคาไม่แพง ใกล้แหล่งชุมชน และสถานที่ทำงาน
นอกจากนี้ สร้างเอกลักษณ์ให้โดดเด่นแล้วนั้น ร้านอาหารฯ ยังได้ใช้กลยุทธ์ “การสร้างความแตกต่าง” มาสร้าง “คุณค่า” ให้กับร้าน โดยการเลือกใช้ “ข้าวหอมมะลิไทย” มาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการประกอบการอาหาร และใช้จุดเป็นจุดเด่นในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยเน้นว่า “ข้าวหอมมะลิไทย” เป็นข้าวที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ดังนั้น ร้านอาหารฯ จึงได้เลือกใช้ข้าวหอมมะลิตามคอนเซปต์ “อาหารที่อร่อย ก็ต้องคู่กับข้าวที่อร่อย” จึงอาจกล่าวได้ว่า ข้าวหอมมะลิไทยเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ร้านอาหารมิสเตอร์ไรซ์ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ในปี 2560 ที่ผ่านมา ร้านอาหารมิสเตอร์ไรซ์ ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากเป็นอันดับ 1 ของจีนตะวันตกเฉียงใต้ มีผู้บริโภคเลือกสั่งอาหารจากแอพลิเคชั่นและทำการชำระเงินผ่านช่องทาง Alipay มากกว่า 100,000 ครั้ง และในปี 2561 นี้ ร้านอาหารฯ จะนำเทคโนโลยีมาประยุกต์และพัฒนาใช้ในระบบการบริการจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเริ่มจากที่พัฒนาระบบสั่งอาหารล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น หรือจุดสั่งอาหารแบบดิจิทัล ช่วยให้การให้บริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จะเห็นได้ว่า ข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งเป็นหนึ่งสินค้าเกษตรของไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากผู้บริโภคชาวเสฉวน ด้วยลักษณะเฉพาะของข้าวหอมมะลิที่มีมีลักษณะเรียว ยาว และมีกลิ่นหอม มากกว่าข้าวของจีนที่มีลักษณะสั่น ป้อม และไม่มีกลิ่นหอม จึงทำให้ข้าวหอมมะลิไทยกลายสินค้าระดับพรีเมียมของผู้บริโภคชาวจีนโดยเฉพาะมณฑลเสฉวน และนอกจากข้าวหอมมะลิไทยแล้ว สินค้าเกษตรอื่นๆ อาทิ ผลไม้ไทย สินค้าประมง และอาหารแปรรูปของไทยยังคงมีความต้องการจากผู้บริโภคชาวเสฉวนอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน