บริษัทในมณฑลยูนนานใช้เทคโนโลยีพัฒนา “อาหารสีเขียว” จนมีชื่อเสียงระดับประเทศ
16 Jan 2019ปัจจุบัน มณฑลยูนนานให้ความสำคัญกับการพัฒนา “อาหารสีเขียว” (Green Food) เพื่อยกระดับภาคเกษตรของมณฑลให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเมืองยวี่ซี ซึ่งเป็นเมืองปริมณฑลทางใต้ที่อยู่ห่างจากนครคุนหมิงเพียงแค่ 90 กิโลเมตร ได้ขานรับนโยบายดังกล่าวของมณฑล และตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2565 จะมีสินค้าอาหารที่ได้รับการรับรองเป็นสินค้าเกษตรปลอดสารพิษ สินค้าเกษตรสีเขียว สินค้าเกษตรออร์แกนิค และสินค้าเกษตรขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 60 ของสินค้าเกษตรด้านอาหารของเมือง ขณะนี้รัฐบาลเมืองยวี่ซีจึงสนับสนุนให้บริษัทด้านการแปรรูปสินค้าเกษตรใช้เทคโนโลยีควบคู่ไปกับการมุ่งเน้นมาตรฐานด้านสุขภาพ เพื่อทำให้จำนวน “อาหารสีเขียว” แบรนด์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงระดับมณฑลและระดับประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่น บริษัทเมาตัวลี และ บริษัทชาก้งรุ่นเสียง
สำหรับบริษัท “เมาตัวลี” นั้น เป็นผู้ผลิตเยลลีมะขามแบรนด์ท้องถิ่นของเมืองยวี่ซี มีแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นสุขภาพเป็นหลัก กล่าวคือ ไม่ใส่สี สารปรุงแต่งความหอมและสารกันบูด รวมทั้งยังคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการ โดยในเยลลีเมาตัวลีหนึ่งเม็ดขนาด 5 กรัม จะประกอบไปด้วยเนื้อมะขามถึง 3 กรัม และส่วนผสมทุกชนิดที่มีปริมาณมากกว่าร้อยละ 2 จะต้องได้มาตรฐานสีเขียวตามระเบียบของจีน ทั้งนี้ ส่วนผสมและวัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่หาได้ภายในท้องถิ่น ด้วยตัวเยลลีที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานถูกใจคนจีนแบบกินเพลิน ๆ และบรรจุภัณฑ์ที่มีความทันสมัย เหมาะสำหรับเป็นของฝากในช่วงเทศกาล ผนวกกับชื่อ “เมาตัวลี” ที่สะดุดหูคนฟัง อันมีที่มาจากภาษาไทลื้อ มีความหมายว่าเด็กหนุ่มที่สดใสเหมือนดวงอาทิตย์ จึงทำให้ผลิตภัณฑ์นี้กลายเป็นของฝากขึ้นชื่อของมณฑลยูนนานในเวลาอันรวดเร็ว
จุดเริ่มต้นของเมาตัวลีเกิดจากการที่ประธานบริษัทพบว่า มณฑลยูนนานมีมะขามธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมากที่ปล่อยทิ้งโดยปล่าวประโยชน์ เนื่องจากไม่ได้รับความนิยมนำมาบริโภค จึงเกิดไอเดียนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มทำเป็นเยลลีมะขาม โดยผลิตออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี 2546 และผ่านการรับรองให้เป็น “อาหารสีเขียว” ในปีถัดมา ซึ่งตลอดเวลา 15 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาสินค้าตามแนวทางของอาหารสีเขียวอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นขนมขบเคี้ยวชิ้นแรกของเมืองยวี่ซีที่ได้รับเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ (China Famous Trade Mark) ในปี 2557
เมาตัวลีสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรด้วยการทำเกษตรแบบพันธสัญญา (Contract Farming) กับเกษตรกรกว่า 800 ครัวเรือน เพื่อปลูกมะขามและเสาวรสกว่า 25,000 หมู่ (ประมาณ 10,417 ไร่) และยังเปลี่ยนภูเขาหัวโล้นแห่งหนึ่งในอำเภอซินผิง (ห่างจากตัวเมืองยวี่ซีไปทางทิศตะวันตกประมาณ 200 กิโลเมตร) ให้กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกมะขามที่สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ บนพื้นที่ 3,160 หมู่ (ประมาณ 1,317 ไร่) ซึ่งยังช่วยลดการพังทลายของดินในบริเวณนั้นอีกด้วย นอกจากนี้ เมาตัวลียังรับซื้อมะขามจากเกษตรกรท้องถิ่นของเมียนมาตามหลัก Contract Farming โดยจะมีเจ้าหน้าที่รับรองมาตรฐานอาหารสีเขียวจากปักกิ่งเข้าไปตรวจสอบควบคุมคุณภาพทุก 3 ปี ขณะนี้เมาตัวลีได้ขยายสายการผลิตไปสู่เยลลีเสาวรส ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี โดยในแต่ละปีมีการผลิตเยลลีมะขามและเยลลีเสาวรสประมาณ 20,000 ตันวางจำหน่ายไปทั่วประเทศจีน และยังสร้างรายได้ทางภาษีให้กับรัฐบาลปีละกว่า 20 ล้านหยวน
สำหรับบริษัทชาก้งรุ่นเสียง เป็นผู้ผลิตชาผูเอ่อสำเร็จรูปพร้อมดื่มที่มุ่งเน้นด้านสุขภาพ โดยบริษัทมีพื้นที่ปลูกชาออร์แกนิค 3,800 หมู่ (ประมาณ 1,583 ไร่) และใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสกัดสารชั้นยอดจากชาผูเอ่อออกมาเป็นครีม (Pu’er tea cream) และผงหรือเกร็ด รวมถึงยังสกัดความหอมจากชามาทำเป็นสเปรย์น้ำหอมที่มีสรรพคุณลดการอักเสบ ตลอดจนยังวิจัยและพัฒนาเกร็ดชาชนิดซองที่สามารถชงได้ในน้ำเย็น เหมาะสำหรับหน้าร้อนและสะดวกต่อการพกพา ด้วยความโดดเด่นข้างต้น ชาก้งรุ่นเสียงจึงได้รับเลือกให้เป็นชาที่ใช้เสริฟผู้นำในการประชุม Boao Forum for Asia Conference ติดต่อกัน 5 ปี และยังได้รับเลือกเป็นเครื่องดื่มให้กับนักบินอวกาศจีนเมื่อปี 2559 จึงได้รับการยกย่องให้เป็น “ชาถ้วยแรกในอวกาศ” ของจีน
ทั้งนี้ Pu’er tea cream มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยมีหลักฐานว่าเป็นชาที่ถวายให้กับจักรพรรดิตั้งแต่ปี 1480 ในสมัยราชวงศ์ถัง รวมถึงสมัยจักรพรรดิยงเจิ้งและจักรพรรดิเฉียนหลงในราชวงศ์ชิง และยังเป็นชาชั้นยอดที่มอบเป็นของกำนัลให้กับคณะทูตอังกฤษที่มาเยือนจีนในปี 2336 โดยมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ว่า Pu’er tea cream มีสีดำเหมือนหมึก มีสรรพคุณมากมาย เช่น แก้อาการเมาค้าง ช่วยระบบย่อยอาหาร และส่งผลดีต่อกระเพาะอาหาร อย่างไรก็ดี ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบันบริษัทก้งรุ่นเสียงจึงสามารถสกัดสารโพลีฟีนอล (Pholyphenol) ซึ่งเป็นสารที่ดีต่อสุขภาพ ในชาได้มากขึ้น รวมทั้งยังสามารถขจัดสารพิษตกค้างจากการหมักชา ทำให้ชาของบริษัทมีคุณภาพและประโยชน์เพิ่มขึ้น เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ของชาก้งรุ่นเสียงมีเอกลักษณ์โดดเด่นและทันสมัย เช่น การออกแบบกาน้ำแก้วใสที่เมื่อนำชาครีมใส่ลงไปและละลายในน้ำร้อนจะมีลักษณะของหัวมังกรที่พ่นน้ำชาเป็นสายไหลออกมาอย่างสวยงาม เพื่อมอบเป็นของขวัญสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าครบตามจำนวนที่กำหนด หรือการออกแบบกล่องชารูปทรงคล้ายพระตำหนักไท่เหอในพระราชวังต้องห้ามโดยทำจากต้นท้อที่ชาวจีนเชื่อกันว่าช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้าย ผลิตในจำนวนจำกัด ทำให้ปัจจุบันมีราคาสูงถึง 130,000 หยวน จากราคาเดิมที่ 40,000 หยวน ตลอดจนชาชุด 12 นักษัตร ชาในถ้วยกังไสที่มีกล่องเก็บเป็นรูปทรงคล้ายตราประทับของฮ่องเต้ และกล่องชารูปทรงคล้ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น
นโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรม “อาหารสีเขียว” ของรัฐบาลเมืองยวี่ซี นอกจากจะมุ่งสนับสนุนบริษัทของจีนแล้ว ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนด้วย โดยสำหรับประเทศไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการแปรรูปอาหารและสินค้าเกษตร สามารถอาศัยจุดแข็งจากการเป็นแหล่งวัตถุดิบทางการเกษตรของเมืองยวี่ซี รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของเมืองยวี่ซีที่เชื่อมโยงเส้นทางคุนหมิง-กรุงเทพ (R3A) และเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2564 เป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรสามารถขยายตลาดได้ อย่างไรก็ดี ก็จำเป็นต้องเรียนรู้และเพิ่มพูนศักยภาพด้านวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันในตลาดจีนและภูมิภาค ซึ่งจะส่งผลต่อความได้เปรียบในระยะยาวด้วย
******************************************
แหล่งข้อมูล
– จากการติดตาม กสญ. ณ นครคุนหมิง เดินทางเยือนบริษัทเมาตัวลี และบริษัทก้งรุ่นเสียง ณ เมืองยวี่ซี มณฑลยูนนาน เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562
– http://www.yuxi.cn/xw/sz/2018/04/4341886.shtml
– http://www.gongrunxiang.com/