จับทิศทางอุตสาหกรรมฮาลาลจีน หลังการทยอยยกเลิกระเบียบการรับรองอาหารฮาลาล (ตอนที่ 1)
17 Jun 2019บทนำ : ศาสนาอิสลามในจีน และชาวจีนมุสลิม
ศาสนาอิสลามเข้าสู่ประเทศจีนครั้งแรกเมื่อประมาณ 1,400 ปีก่อน ผ่านการทำสงคราม การค้า และการแลกเปลี่ยนทางการทูตระหว่างอารยธรรมต่างๆ บนเส้นทางสายไหม ทั้งทางบกและทางทะเล[1] ต่อมา ชาวจีนมุสลิมยังมีบทบาทในประวัติศาสตร์การเมืองจีนสมัยใหม่ โดยในเหตุการณ์ “การเดินทัพทางไกล” (The Long March) ระหว่างปี 2477-2478 กองทัพพรรคคอมมิวนิสต์ที่ต้องถอยร่นจากมณฑลเจียงซีไปยังมณฑลส่านซี ได้รับความช่วยเหลือจากชาวจีนมุสลิมในการต่อสู้กับกองทัพรัฐบาลก๊กมินตั๋ง[2] จนพรรคคอมมิวนิสต์ได้รับชัยชนะในปี 2488 สามารถขับไล่รัฐบาลก๊กมินตั๋งไปไต้หวันได้สำเร็จ และสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2492
ปัจจุบัน จีนมีผู้นับถือศาสนาอิสลามประมาณ 25 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 1.76 ของประชากรจีน ส่วนใหญ่ชาวจีนมุสลิมอาศัยอยู่ในภาคกลางและตะวันตกของจีน[3] อาทิ มณฑลกานซู มณฑลยูนนาน เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน เขตฯ หนิงเซี่ยหุย (Chinese Muslims – Hui) และเขตฯ ซินเจียงอุยกูร์ (Turkic Muslims – Uyghurs) นอกจากนี้ ยังมีชาวจีนมุสลิมกระจายตัวอยู่ตามเมืองใหญ่ต่างๆ อาทิ กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ นครกว่างโจว และเมืองเซินเจิ้น โดยเมืองใหญ่เหล่านี้เป็นตลาดอาหารฮาลาล และเป็นจุดกระจายสินค้าไปยังหัวเมืองรอง อาทิ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน และนครซีอาน มณฑลส่านซี
จำนวนชาวจีนมุสลิม
มณฑล | จำนวนประชากรทั้งหมด | จำนวนผู้นับถือศาสนาอิสลาม |
มณฑลส่านซี
นครซีอาน |
38.35
9.05 |
0.191
0.067 |
มณฑลกานซู
นครหลานโจว |
26.26
1.37 |
3.6
N/A |
เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย
นครหยินชวน |
6.75
2.23 |
1.35
0.573 |
(หน่วย: ล้านคน)
อดีต : การตั้งเป้าให้ภูมิภาคจีนตะวันตกเฉียงเหนือเป็นจุดเชื่อมต่อกับโลกอิสลาม
รัฐบาลจีนประกาศนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล เพื่อยกระดับและพัฒนามณฑลแถบตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่ความเป็นสากล โดยวางยุทธศาสตร์ให้เป็นศูนย์กลางเชื่อมจีนกับกลุ่มประเทศมุสลิม โดยเฉพาะระหว่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 12 (ปี 2554-2558) รัฐบาลจีนและรัฐบาลท้องถิ่นเร่งผลักดันอุตสาหกรรมฮาลาลให้เป็นอุตสาหกรรมหลักของมณฑลกานซู และเขตฯ หนิงเซี่ยหุย นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้วางยุทธศาสตร์ให้เขตฯ หนิงเซี่ยหุยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลด้วยการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และสนับสนุนความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตอาหารฮาลาล
มูลค่าการผลิตในอุตสาหกรรมฮาลาล
มณฑล | ปี 2560 | ปี 2559 |
มณฑลส่านซี | N/A | N/A |
มณฑลกานซู | 13.38 | N/A |
เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย | 60,000 | 42,900 |
(หน่วย: ล้านหยวน)
เมื่อปี 2554 รัฐบาลเขตฯ หนิงเซี่ยหุยได้ประกาศ “ระเบียบมาตรฐานอาหารฮาลาล” (宁夏清真食品管理条例) ซึ่งเป็นระเบียบมาตรฐานอาหารฮาลาลฉบับสมบูรณ์ฉบับแรก โดยเขตฯ หนิงเซี่ยหุยพยายามผลักดันให้ทั่วประเทศใช้ระเบียบนี้แทนการรับรองสินค้าฮาลาลโดยคณะกรรมการชาติพันธุ์ (Ethnic Affairs Commission) ประจำแต่ละมณฑล/เขตปกครองตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละมณฑล/เขตปกครองตนเองต่างดำเนินการเป็นเอกเทศ สร้างความสับสนและไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยมณฑลส่านซี กานซู ยูนนาน ชิงไห่ เหอหนาน เขตฯ ซินเจียงอุยกูร์ และนครเทียนจินได้นำระเบียบฯ ของเขตฯ หนิงเซี่ยหุยไปใช้อย่างเป็นทางการ
ต่อมา เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2557 คณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐานและการรับรองแห่งชาติจีน (Certification and Accreditation Administration of the People’s Republic of China / 国家认监委) ได้อนุมัติให้เขตฯ หนิงเซี่ยหุยก่อตั้ง “ศูนย์รับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลและการค้าระหว่างประเทศ” (宁夏清真食品国际贸易认证中心) ด้วย
ในปี 2559 รัฐบาลเขตฯ หนิงเซี่ยหุยมีแผนที่จะก่อสร้าง “เมืองมุสลิมโลก” (World Muslim City) ในวงเงินกว่า 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นฐานการเชื่อมจีนกับภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยสายการบินเอมิเรตส์ได้ขานรับแผนดังกล่าวโดยการเปิดเส้นทางบินตรงระหว่างนครหยินชวน (เมืองหลวงของเขตฯ หนิงเซี่ยหุย) ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย กรุงอัมมาน จอร์แดน และนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[4]
ทว่า ในปี 2560 ท่าทีของรัฐบาลจีนและรัฐบาลท้องถิ่นที่เคยสนับสนุนอุตสาหกรรมฮาลาลเป็นอย่างมากกลับเปลี่ยนไป โดยเขตฯ หนิงเซี่ยหุยเป็นมณฑลแรกที่ยกเลิกระเบียบมาตรฐานอาหารฮาลาลที่ตนเองเป็นตัวตั้งตัวตีในการริเริ่ม และต่อมา ในปี 2561 สำนักงานการต่างประเทศเขตฯ หนิงเซี่ยหุยได้แจ้งการปิดตัวของศูนย์รับรองมาตรฐานฮาลาลและการค้าระหว่างประเทศโดยไม่มีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่มาทดแทน หรือมอบหมายภารกิจของศูนย์ดังกล่าวไปยังหน่วยงานอื่น คงเหลือเพียงคณะกรรมการชาติพันธุ์เขตฯ หนิงเซี่ยหุยที่ยังทำหน้าที่รับรองสินค้าฮาลาลดังเช่นที่เป็นมาในอดีต
โปรดติดตาม “จับทิศทางอุตสาหกรรมฮาลาลจีน หลังการทยอยยกเลิกระเบียบการรับรองอาหารฮาลาล (ตอนที่ 2)” เพื่อร่วมกันค้นหาสาเหตุที่จีนเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ และผู้ประกอบการไทยควรจะปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างไรในการเข้ามาทำการตลาดในภูมิภาคจีนตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครซีอานจะได้นำเสนอแก่ท่านผู้อ่านเร็วๆ นี้
[1] Dru C. Gladney, “Muslim Tombs & Ethnic Folklore-Hui Identity,” The Journal of Asian Studies 16, no. 3 (August 1987): 498.
[2] Phoebe Zhang, “No halal please: meet China’s pig vigilantes,” South China Morning Post, February 9, 2019, https://scmp.com/news/china/society/article/2185350/no-halal-please-meet-chinas-pig-vigiliantes.
[3] Zhang, “No halal please: meet China’s pig vigilantes.”
[4] Betsy Joles, “Halal Tourism on the Rise in Asia, just not in China,” The Diplomat, April 24, 2019, https://thediplomat.com/2019/04/halal-tourism-on-the-rise-in-asia-just-not-in-china/