งานแสดงสินค้า CISMEF ครั้งที่ 19 นครกว่างโจว: การเชื่อมโยง SMEs ไทยในจีน
10 Dec 2024เมื่อระหว่างวันที่ 15 – 18 พ.ย. 67 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวได้นำผู้ประกอบการไทยกว่า 54 รายร่วมออกบูธแสดงสินค้าในงานแสดงสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมนานาชาติจีน (China International SME Fair; CISMEF) ครั้งที่ 19 ที่นครกว่างโจว โดยผู้ประกอบการไทยนำเสนอสินค้าที่โดดเด่น เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ข้าวหอมมะลิ ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงไทย สินค้าหัตถกรรม เครื่องสำอาง และเครื่องประดับ โดยการเข้าร่วมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้จัดงานในด้านการจัดคูหาและการจัดหาล่ามอาสาสมัคร ซึ่งได้รับความสนใจอย่างดีจากผู้เข้าชมงานกว่า 120,000 คน

งานแสดงสินค้า SMEs นานาชาติ หรือ CISMEF ครั้งที่ 19 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์แสดงสินค้านำเข้าและส่งออก (ผาโจว) นครกว่างโจว ภายใต้ธีม “เสริมสร้างความร่วมมือ ขยายการแลกเปลี่ยน บรรลุประโยชน์ร่วม และก้าวหน้าร่วมกัน” โดยมีกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย (MITI) และ องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) เป็นเจ้าภาพร่วม
ภายในงาน มีผู้ประกอบการกว่า 1,877 รายเข้าร่วมออกบูธ โดยมีผู้เข้าชมงานประมาณ 120,000 คน พร้อมมูลค่าการค้าสูงถึง 100,000 ล้านหยวน (ประมาณ 13,820 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ SMEs ในการพัฒนาความร่วมมือทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

รัฐบาลกลางจีนให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
ในช่วงงานเปิดงาน นายจิน จ้วงหลง (Jin Zhuanglong) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศของจีนเป็นประธาน พร้อมด้วยนายหวัง เว่ยจง (Wang Weizhong) ผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง พร้อมด้วยผู้แทนระดับสูงจากหลายประเทศ สถานกงสุลใหญ่ต่างประเทศในนครกว่างโจว ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชนกว่า 300 คน เจ้าร่วมพิธีเปิด
ในช่วงการกล่าวสุนทรพจน์ นายจินฯ ได้กล่าวเน้นถึงบทบาทสำคัญของ SMEs ในการผลักดันนวัตกรรมและยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมเสนอ 3 แนวทางการพัฒนา SME ที่สำคัญของจีน ได้แก่ (1) ส่งเสริมความร่วมมือ รปท. เพื่อสร้างความร่วมมือทางการค้า (2) ยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรม โดยเฉพาะกระบวนการผลิตให้เป็นดิจิทัล (3) ปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เปิดกว้างและยั่งยืน ผ่านการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ การปรับใช้เทคโนโลยี และการพัฒนา ศก. ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในวันเดียวกัน กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนได้ประกาศ “แผนปฏิบัติการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของ SMEs ปี ค.ศ. 2025 – 2027” ซึ่งกำหนดแนวทางและภารกิจสำคัญในการส่งเสริมให้ SMEs เปลี่ยนผ่านสู่การเป็นดิจิทัลในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายให้เพิ่มอัตราการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ของ SMEs ให้เกินร้อยละ 40 ภายในปี ค.ศ. 2027
นอกจากนี้ เพื่อเร่งสร้างยกระดับสิ่งแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและการจัดหาเงินทุนสำหรับ SMEs กระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศจีนร่วมกับกระทรวงการคลังจีน ธนาคารประชาชนจีน สำนักงานกำกับดูแลทางการเงินแห่งชาติจีน และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของจีน เปิดตัวโครงการ “หนึ่งเดือน หนึ่งเครือข่าย” ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมการจัดหาเงินทุนให้ SMEs ทั่วจีนอีกด้วย

SMEs ไทยตีตลาดจีน ต้องปรับตัว
ปัจจุบัน รบ. มณฑลกวางตุ้งมุ่งเน้นส่งเสริมการปฏิรูปเชิงลึกและเปิดกว้างของ SMEs ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คลาวด์ (cloud) และข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) ในการเร่งการยกระดับ SMEs ให้เป็นดิจิทัลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งแนวโน้มของสินค้าในจีนจะเป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีเทคโนโลยีหรือมีนวัตกรรมมากขึ้น ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของจีน และมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดมากขึ้น
ในส่วนของ SMEs ไทยที่มีความโดดเด่นในสาขาอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าเครื่องสำอางที่ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่ให้ความเชื่อถือ จำเป็นต้องนำเทคโนโลยียกระดับผลิตภัณฑ์และมีความยั่งยืน นอกจากเป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าของไทยแล้ว ยังตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายชาวจีนรุ่นใหม่ที่พิจารณาการซื้อสินค้าจากปัจจัยที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ ช่องทางการจำหน่ายสินค้าก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเข้าสู่ตลาดจีน ซึ่งผู้ประกอบการไทยไม่อาจหลีกเลี่ยงช่องทางออนไลน์ และไม่ควรมองข้ามช่องทางออฟไลน์ด้วย
สรศักดิ์ บุญรอด เขียน
12 ธันวาคม 2567