การพัฒนาอีคอมเมิร์ชข้ามพรมแดนของมณฑลฝูเจี้ยน และโอกาสความร่วมมือกับไทย (ตอนที่ 1)
26 Oct 2023นโยบายอีคอมเมิร์ชข้ามพรมแดนของจีน
ปัจจุบัน จีนถือเป็นตลาดอีคอมเมิร์ชที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปี 2565 มีผู้ใช้บริการซื้อขายสินค้าออนไลน์กว่า 812 ล้านคน และมูลค่าการซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ชกว่า 40.2 ล้านล้านหยวน ในจำนวนนี้ การค้าผ่านอีคอมเมิร์ชข้ามพรมแดนมีมูลค่ากว่า 2.11 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ของมูลค่าการค้าต่างประเทศของจีน แบ่งเป็นการส่งออกผ่านอีคอมเมิร์ชข้ามพรมแดน 1.55 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 หรือร้อยละ 6.4 ของมูลค่าการส่งออกทั้งประเทศ และการนำเข้าผ่านอีคอมเมิร์ชข้ามพรมแดน 5.6 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 หรือร้อยละ 3 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งประเทศ
สำหรับคู่ค้าของจีนที่มีการส่งออกสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ได้แก่ สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 34.3 ของการส่งออกอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนทั้งหมดของจีน และสหราชอาณาจักร คิดเป็นร้อยละ 6.5 และประเทศนำเข้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 21.7 และสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 17.9 สำหรับสินค้าส่งออกอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนหลัก ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้าและกระเป๋าซึ่ง คิดเป็นร้อยละ 33.1 ของสินค้าส่งออกทั้งหมด และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ คิดเป็นร้อยละ 17.1 และสินค้านำเข้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนหลัก ได้แก่ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย คิดเป็นร้อยละ 28.4 ของสินค้านำเข้าทั้งหมด และอาหารสด คิดเป็นร้อยละ 14.7


สถานการณ์โควิด-19 ส่งเสริมการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจขายสินค้าผ่านไลฟ์สตรีมในจีน และกลายเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีนมากขึ้น โดยในปี 2565 ขนาดของตลาดธุรกิจไลฟ์สตรีมของจีนเติบโต สูงกว่า 3.4 ล้านล้านหยวน และคาดว่าจะเติบโตสูงกว่า 4.9 ล้านล้านหยวนในปี 2566
รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในทุกระดับเข้าสู่การจำหน่ายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซมากขึ้น โดยการค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเป็นแรงขับเคลื่อนภาคการส่งออกของจีนให้สามารถเติบโตได้ในยุคหลังโควิด-19 จนสามารถสร้างมูลค่าส่งออกสูงกว่า 24 ล้านล้านหยวน เติบโตร้อยละ 10.5 ในปี 2565
จนถึงสิ้นปี 2565 คณะรัฐมนตรีจีนได้จัดพื้นที่ทดลองอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน (Cross-Border E-Commerce Pilot Zone) จำนวน 165 แห่ง ครอบคลุม 31 มณฑลทั่วประเทศ รวมนิคมอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนกว่า 690 แห่ง และผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนมากกว่า 200,000 ราย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ ได้แก่ (1) ส่งเสริม “การส่งออก” สินค้าของผู้ประกอบการจีน เพื่อจำหน่ายในแพลตฟอร์มออนไลน์ในต่างประเทศ และ (2) ส่งเสริม“การนำเข้า” สินค้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในจีน
ล่าสุด ในงานนิทรรศการ China Cross-Border E-Commerce Trade Fair ประจำปี 2566 ที่นครฝูโจว รัฐบาลจีนได้เผยแพร่เอกสารสมุดปกสีน้ำเงิน (Blue Book) ว่าด้วยการส่งเสริมผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีน “ก้าวออกไป” (Going out) โดยเน้นการสนับสนุนให้วิสาหกิจอีคอมเมิร์ซออกไปลงทุนดำเนินธุรกิจแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้า และการสร้างคลังสินค้าในต่างประเทศมากขึ้น โดยที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ดำเนินแผนปฏิบัติการและออกนโยบายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนจำนวนมาก ดังนี้
นโยบายที่ประกาศใช้เพื่อสนับสนุนอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีน
นโยบาย | เนื้อหาสำคัญ | |
2558 | แผนดำเนินการปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน | การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเติบโตของแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ของจีนอย่างมีประสิทธิภาพ |
2560 | 9 มาตรการเพื่อส่งเสริมพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เติบโตอย่างรวดเร็ว | สนับสนุนการเติบโตของวิสาหกิจชั้นนำ ส่งเสริมการสร้างตลาด อีคอมเมิร์ซในพื้นที่เมืองและชนบท และการส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ |
2561 | แผนการเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายการผ่านด่านท่าเรือต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า | เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานการผ่านด่านท่าเรือ และลดค่าใช้จ่ายในการผ่านด่าน และช่วยลดเวลาและขั้นตอนในการยื่นขอคืนภาษี เป็นต้น |
2562 | นโยบายการเก็บภาษีนำเข้าทาง อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนโดยกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และศุลกากรของจีน | ผู้บริโภคที่สั่งซื้อสินค้านำเข้าผ่านรูปแบบอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน หากมีมูลค่าการสั่งซื้อไม่เกิน 5,000 หยวนต่อครั้งและไม่เกิน 26,000 หยวนต่อปี จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า โดยจะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเพื่อการบริโภคเพียงร้อยละ 70 ของอัตราปกติที่เรียกเก็บ นอกจากนี้ ยังมีการผ่อนปรนใบอนุญาตด้านสุขอนามัยสำหรับสินค้าบางประเภทด้วย |
2563 | แผนการจัดตั้งพื้นที่กำกับดูแลพิเศษเพื่อการส่งออกสินค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน | จัดตั้งเมืองนำร่องการส่งออกสินค้าจากคำสั่งซื้ออีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนประเภท B2B จำนวน 10 แห่งแรก อาทิ ปักกิ่ง เทียนจิน เซี่ยเหมิน กว่างโจว และเซินเจิ้น และขยายเมืองนำร่องฯ รุ่นที่ 2 จำนวน 12 แห่ง อาทิ เซี่ยงไฮ้ ฝูโจว ชิงเต่า อู่ฮั่น ฉางซา หนานหนิง ฉงชิ่ง เฉิงตู และซีอาน โดยเมืองนำร่องดังกล่าวสามารถรับสิทธิพิเศษด้านการใช้รูปแบบธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนรหัส 9710[1] และรหัส 9810[2] (Supervision Method Code) อย่างครบวงจรในนิคมอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน เขตการค้าเสรี และเขตคลังสินค้าทัณฑ์บนแบบบูรณาการ เขตสาธิตส่งเสริมนวัตกรรมการนำเข้าสินค้า หรือศูนย์โลจิสติกส์ทัณฑ์บน เป็นต้น |
2564 | แนวทางการสนับสนุนการสร้างคลังสินค้าต่างประเทศในการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน | ส่งเสริมวิสาหกิจก่อสร้างคลังสินค้าในต่างประเทศ รวมถึงการสร้างคลังสินค้าสาธารณะในต่างประเทศ[3] และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการสาธารณะของคลังสินค้าในต่างประเทศ |
2565 | เกี่ยวกับการตกลงจัดตั้งพื้นที่ทดลองอีคอมเมิร์ชข้ามพรมแดนใน 27 เมือง | อาทิ หยางโจว เจิ้นเจียง ไท่โจว จินหัว รวมถึง จิ่งเต๋อเจิ้น ซ่างเหรา มณฑลเจียงซี จนถึงปัจจุบัน มีการจัดตั้งพื้นที่ทดลองอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนรวม 165 แห่งทั่วจีน |
2566 | ประกาศนโยบายปลอดภาษีสำหรับสินค้าที่ถูกส่งคืนที่ส่งออกผ่านระบบ อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน | สำแดงการส่งออกสินค้าภายใต้รหัสกำกับศุลกากรอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน (1210, 9610, 9710, 9810) และส่งคืนกลับประเทศในสภาพเดิมภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ส่งออกนอกประเทศ (ไม่รวมอาหาร) สามารถกลับจีนได้โดยปลอดภาษี |
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า จีนได้วางแผนผลักดันอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนอย่างมีระบบ เริ่มต้นจากการพัฒนาโครงสร้างอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนโดยเน้นการก่อสร้างเขตคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อดึงดูดการส่งออกและนำเข้าสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน รวมทั้งมีนโยบายการก่อสร้างคลังสินค้าต่างประเทศในการพัฒนาธุรกิจ อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนซึ่งเป็นกลไกสำคัญเพื่อช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้า ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะนำสินค้าเข้ามาตีตลาดจีนนั้น สามารถเลือกใช้ประโยชน์จากช่องทางอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนซึ่งเป็นอีกช่องทางจำหน่ายสินค้าที่ง่ายและสะดวกกว่าช่องทางอื่น อย่างไรก็ดี แต่ละเมืองของจีนก็มีศักยภาพด้านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนที่แข็งแกร่งแตกต่างกัน การเลือกเมืองที่จะมาเป็นฐานการค้าต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ ในบทความตอนที่ 2 ศูนย์ BIC จะมาแนะนำศักยภาพอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งเป็นมณฑลแห่งการค้าต่างประเทศที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 7 ของจีน และลู่ทางที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถใช้ประโยชน์จากความโดดเด่นของมณฑลฝูเจี้ยนได้อย่างไรบ้าง
แหล่งที่มา
http://www.zohi.tv/page_news_list/p/308958.html
http://www.news.cn/fortune/2023-02/02/c_1129329844.htm
http://paper.people.com.cn/rmrbhwb/html/2023-07/03/content_26002643.htm
***********
[1] โมเดล 9710 (B2B Cross Border E-commerce Direct Export) สำหรับวิสาหกิจส่งออกในประเทศรับคำสั่งซื้อจากวิสาหกิจต่างประเทศ และจัดส่งสินค้าโดยตรงไปยัง
ผู้สั่งซื้อ
[2] โมเดล 9810 (B2B Cross Border E-commerce Export to Overseas/International Warehouse) สำหรับวิสาหกิจที่ประสงค์จะทำตลาดในต่างประเทศ สามารถส่งสินค้าไปยังคลังจัดเก็บสินค้าในต่างประเทศ เพื่อรอคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ
[3] คลังสินค้าสาธารณะ คือ คลังสินค้าที่ผู้ประกอบการเปิดขึ้นเพื่อรับเก็บสินค้าเป็นหลัก และเก็บค่าเช่าในการจัดเก็บสินค้า