ชมพู่ไทยส่งตรงทางอากาศ ถึงนครเฉิงตูได้ภายใน ๓๘ ชั่วโมง

14 Jul 2025

คณะกรรมการบริหารเขตตะวันออกนครเฉิงตูรายงานว่า เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๘ ได้มีการนำเข้าชมพู่เพชรสดจากประเทศไทย น้ำหนักราว ๕๕๕ กิโลกรัม ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติเฉิงตูเทียนฝู โดยเที่ยวบินที่ CA466 นับเป็นครั้งแรกที่มีการนำเข้าชมพู่เพชรสดจากไทยผ่านด่านศุลกากรนครเฉิงตู

หลังจากได้ขนส่งชมพู่เพชรทางอากาศมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเฉิงตูเทียนฝู่ สินค้าได้รับการตรวจผ่านช่องทางสีเขียวสำหรับสินค้าการเกษตรและอาหารสดที่เน่าเสียง่ายของศุลกากรอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถดำเนินการตรวจสอบและปล่อยสินค้าได้ทันที เพื่อรับประกันความสดใหม่ของสินค้า โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรเฉิงตูระบุว่า ตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บเกี่ยว การขนส่ง จนถึงการตรวจปล่อยศุลกากร ใช้เวลาไม่ถึง ๓๘ ชั่วโมง ความคล่องตัวและประสิทธิภาพของพิธีศุลกากรดังกล่าวทำให้ระยะเวลาที่ขนส่งผลไม้จากสวนจนถึงมือผู้บริโภคสั้นลงอย่างมาก

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการศุลกากร ชมพู่เพชรจะถูกขนส่งต่อไปยังเมืองหางโจวเพื่อจำหน่าย โดยใช้วิธี “การขนส่งทางอากาศ-ทางอากาศ” (Air-to-Air Transshipment) ซึ่งหมายถึงรูปแบบการขนส่งที่ใช้ท่าอากาศยานเป็นจุดพักกลาง และส่งต่อสินค้าด้วยเที่ยวบินถัดไปหรือหลายเที่ยวบินต่อเนื่องกัน วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดระยะเวลาการขนส่งอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งช่วยลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างมาก

ผู้แทนบริษัทผู้นำเข้าชมพู่เพชรเปิดเผยว่า ผลไม้ชนิดนี้มีเงื่อนไขด้านเวลาในการขนส่งค่อนข้างมากหากใช้เวลานานเกินไป เปลือกชมพู่อาจเปลี่ยนสี เนื้อผลก็จะนิ่มลง โดยระบุว่า “เหตุผลที่เราเลือกนำเข้าผ่านท่าอากาศยานนานาชาติเฉิงตูเทียนฝู เพราะที่นี่มีเครือข่ายเส้นทางบินหนาแน่น และพิธีศุลกากรที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยอำนวยความสะดวกได้อย่างมาก ทำให้ชมพู่เพชรส่งถึงมือผู้บริโภคได้อย่างสดใหม่และรสชาติดี”

ปัจจุบัน มีเที่ยวบินตรงระหว่างนครเฉิงตูและกรุงเทพมหานครมากที่สุดถึงวันละประมาณ ๒๐ เที่ยวบิน ด้วยหลากหลายสายการบิน เช่น การบินไทย Thai AirAsia, Thai Lion Air, Air China, Sichuan Airlines และ China Eastern Airlines เครือข่ายเที่ยวบินที่ครอบคลุมไม่เพียงมอบความสะดวกแก่ผู้โดยสาร แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรสดอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

โอกาสของไทย การส่งออกชมพู่เพชรสดไปยังจีนด้วยความรวดเร็วและรักษาคุณภาพได้เต็มที่ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของไทยในฐานะประเทศต้นทางของสินค้าเกษตรคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการตลาดพรีเมียม ช่วยขยายตลาดให้แก่เกษตรกรไทยสำหรับสินค้าเกษตรหลายชนิด กอปรกับการที่ศุลกากรที่ท่าอากาศยานจีนมีระบบตรวจปล่อยสินค้าที่รวดเร็ว เปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกไทยวางแผนขยายปริมาณการส่งออกได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงเรื่องความเสียหายจากการขนส่ง ทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้าในตลาดปลายทางและช่วยสร้างพันธมิตรทางการค้ากับผู้นำเข้าในจีนในระยะยาว

การขนส่งสินค้าเกษตรสดทางอากาศจากไทยไปจีน โดยเฉพาะผ่านสนามบินใหญ่อย่างเฉิงตูเทียนฝู่ มีข้อได้เปรียบชัดเจนเหนือการขนส่งด้วยรถไฟความเร็วสูง โดยจุดแข็งสำคัญ คือ ความเร็ว เพราะกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การเก็บเกี่ยว บรรจุ ขนส่ง และตรวจปล่อยศุลกากร จนถึงมือผู้บริโภค ใช้เวลาเพียงประมาณ ๓๖ – ๔๘ ชั่วโมง เร็วกว่ารถไฟที่รวมขั้นตอนแล้วมักใช้เวลา ๒ – ๔ วัน ข้อได้เปรียบข้อนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผลไม้พรีเมียมที่เน่าเสียง่าย เพราะยิ่งส่งถึงเร็ว ก็ยิ่งรักษาความสด สี และเนื้อสัมผัสได้ดี

นอกจากนี้ การขนส่งทางอากาศมีความยืดหยุ่นสูงกว่า ด้วยเที่ยวบินตรงวันละกว่า ๒๐ เที่ยวบินและผู้ให้บริการที่หลากหลาย ต่างจากรถไฟที่ตารางเดินรถน้อยกว่าและอาจมีความล่าช้าจากการเปลี่ยนขบวนและด่านชายแดน แม้ต้นทุนต่อกิโลกรัมของเครื่องบินสูงกว่ารถไฟประมาณร้อยละ ๓๐ – ๕๐ แต่หากพิจารณาราคาขายของผลไม้เกรดพรีเมียมที่ต้องการความสดใหม่ ความรวดเร็วนี้จึงคุ้มค่ามากกว่าในภาพรวม

นอกจากนี้ การมีเครือข่ายเที่ยวบินตรงหนาแน่นระหว่างไทยกับจีนจะช่วยอำนวยความสะดวกในการการกระจายสินค้าไปเมืองต่างๆ ของจีนได้รวดเร็ว นี่จึงอาจจะเป็นโอกาสของไทยในการก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกผลไม้สดไปตลาดภูมิภาคต่างๆ ด้วยมาตรฐานการบรรจุ การขนส่ง และระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้เกษตรกรไทยเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้นในอนาคต

ที่มา: เข้าถึงข้อมูลวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘
๑. http://sc.people.com.cn/n2/2025/0306/c345167-41154876.html
ที่มารูปภาพ:
๑. 699pic.com

ชมพู่ไทยชมพู่เพชรสด

Chengdu_editor

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน